นายกฯจี้สร้างแอพฯเข้าถึงปชชช. ชี้เบิกจ่ายงบฯได้มากกว่า2ปีก่อน
วันอังคาร ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558, 18.46 น.
Tag :
3 มี.ค. 58 เมื่อเวลา 14.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า การประชุมครม.ในวันนี้มีวาระเพื่อทราบกว่า 30 เรื่อง และวาระพิจารณากว่า 10 เรื่อง ซึ่งทางทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลง และตนกำลังจะปรับรูปแบบการประชาสัมพันธ์ใหม่ โดยตนจะตอบคำถามเท่าที่เป็นข้อสงสัยในเรื่องใหญ่ๆ ส่วนเรื่องเล็กจะแบ่งขยายออกไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ผลงานของทุกกระทรวงก็จะเริ่มสู่ยุคใหม่ของการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะมีทั้งเอกสาร การแถลง เว็บไซต์ ที่ทุกกระทรวงจะออกมาว่ามีอะไรที่ประชาชนจะต้องเข้าไปเรียนรู้ โดยวันนี้กระทรวงคมนาคมได้มีแอพลิเคชั่นเว็บไซต์ ให้มีการร้องทุกข์ เช่นเกี่ยวกับรถแท็กซี่ และจากนี้ทุกกระทรวงต้องมีแอพลิเคชั่นให้ได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้มีเรื่องพิจารณาหลายเรื่องด้วยกันเช่นการขับเคลื่อนงบประมาณที่เราดูแล้วมีปัญหาหลายอย่างโดยที่ยังแตกต่างนั้นไม่ใช่ความบกพร่องของใครแต่เป็นเรื่องของระเบียบวิธีและเราได้ขับเคลื่อนไปแล้ว และสิ่งที่ดูอีกเรื่องคืองบประมาณที่ลงไปแล้วในปี 2558 นี้ซึ่งแตกต่างจากงบประมาณของทุกรัฐบาล นั่นคือการลงให้ถึงทุกพื้นที่ ฉะนั้นจะเป็นส่วนของโครงการย่อยๆ แต่เม็ดเงินรวมกันแล้วหลายพันหลายหมื่นโครงการ ทั้งนี้เมื่อเงินลงไปก็มีปัญหาในส่วนของผู้ประกอบการที่หาได้ยาก เพราะเป็นการก่อสร้างที่ใช้งบประมาณไม่มากเพียง 5 ล้าน 10 ล้าน หรือเป็นหลักแสน ซึ่งเป็นงบฯในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ซึ่งแต่เดิมไม่ใช่แบบนี้ จึงทำให้ไม่ทั่วถึง โดยตอนนี้เรากำลังขับเคลื่อนและหาผู้ประกอบการไป และหาทางบูรณาการโครงการต่างๆ ให้มารวมกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความสนใจ
นายกฯ กล่าวอีกว่า ถ้าไปดูงบประมาณที่ลงไปเฉลี่ยในทุกภาคแล้ว ภาคอีสานมากที่สุด รองมาเป็นภาคเหนือ จากนั้นเป็นภาคกลาง ภาคใต้ ที่ใกล้เคียงกัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ประชาชน ความเดือดร้อน นั่นคือสิ่งที่เราดูอย่างทั่วถึง และไม่ได้ลงไปตามการเมืองอะไรทั้งสิ้น เราลงไปตามความเดือดร้อนของประชาชน และเน้นในเรื่องของ การสร้างความเข้มแข็งให้กับการเกษตร ขณะเดียวกันต้องมีงบประมาณในการลงทุนขับเคลื่อน ตนคิดว่าถ้าเราแก้ปัญหางบประมาณไปเรื่อยๆแบบนี้ จะเห็นว่างบประมาณเราสามารถออกไปได้มากกว่าปี 2557 ในช่วงเวลาเดียวกัน และถ้าย้อนไปถึงปี 2555 ก็ยังมากกว่าอยู่ดี แต่ปัญหาอยู่ที่การดำเนินการข้างล่างที่เราต้องไปไล่ดู โดยสั่งให้กระทรวงมหาดไทยและ อปท. ผู้ว่าราชการจังหวัดไปขับเคลื่อนว่าจะทำอย่างไร ถ้าทำสัญญาแล้วจะลงมือได้เมื่อไรอย่างไร ตรงนั้นคือความยากง่ายของเรา นั่นคือการทำงานของเรา แต่เราทำให้ทั่วถึง โดยวันนี้ได้เร่งในเรื่องน้ำ ที่ต้องแบ่งน้ำอุโปภค บริโภค ประปา และการเตรียมการผลักดันน้ำเค็ม การดูแลพืชไร่ พืชสวน สำหรับการทำนานั้นคงลำบากเพราะน้ำน้อยลง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การประชุมวันนี้มีความคืบหน้าในเรื่องของ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเชิงมหภาค และจุลภาค โดยในประเทศนั้นต้องไปดูว่าวันนี้เราทำในเรื่องของตลาดชุมชนประมาณกว่า 2,000 แห่งที่จัดโดยกระทรวงมหาดไทย โดยมีมูลค่าการค้าขายที่ผ่านมากว่า 800 ล้านบาท จากนี้จะมีการสั่งการเรื่องของการท่องเที่ยว ที่วันนี้ได้มีการอนุมัติหลักการในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ ในการทำถนนเส้นทางเพิ่มเติม เพื่อเร่งรัดการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในระยะที่1 ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมีงบประมาณ 4 หมื่นล้านที่ต้องเร่งรัด และจะต้องมีการจัดแผนมาให้อนุมัติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยจะมีสัญญาคุณธรรมด้วย ทั้งนี้ขอให้มั่นใจ ไว้ใจว่าเราทำทุกอย่างมีเป้าหมาย ที่เราจะทำคือ ลดความเหลื่อมล้ำ ที่เราจะต้องมีเม็ดเงินดูแลในระดับล่างให้มากหน่อย ส่วนระดับบนจะเป็นลักษณะการลงทุนร่วมแบ่งปันผลประโยชน์
นายกฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างนั้น เราจะบีบเวลาลง ให้ทำให้ได้และตรงไหนที่มอบหมายลงไปได้ ต้องมีคนรับผิดชอบ จากเดิมใช้เวลา 60 วัน วันนี้ เหลือ 40วัน แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะทุจริตได้ เราทำเพื่อให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ถือเป็นวาระพิเศษที่เราต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าเราใช้ขั้นตอนปกติมันไปไม่ได้ โดยวันนี้มีการหารือกันทั้งสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และครม.ต้องมีมติเป็นคำสั่งลงไป และต้องหาคนรับผิดชอบให้ได้ โดยวันนี้ผู้รับผิดชอบหลักจะเป็นผู้ว่าฯ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ที่จะต้องไปขับเคลื่อนงบประมาณ ซึ่งทุกระทรวงรับไปหมดแล้วและต้องเร่งให้ได้ ไม่อย่างนั้นงบประมาณจะไปออกในช่วงปลายปีในไตรมาส3-4 เหมือนที่ผ่านมาอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องของราคากลางนั้นมีส่วนหนึ่งเข้าไปเจรจาให้ลดลงได้ในด้วยราคาน้ำมัน ราคาค่างานก่อสร้าง แต่ไม่ต้องกลัวรัฐไม่มีเสียประโยชน์ แต่ถ้าไปล็อคมากๆก็จะทำอะไรไม่ออก แต่ไม่ใช่ให้มีการทุจริต ตนได้ยืนยันไปแล้วว่าถ้ามีการพูดถึงการทุจริตที่ไหน อย่าพูดปากเปล่า ไปเอาเรื่องมา ตนจะดำเนินการให้