5 มี.ค.58 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 14/ 2558 โดยมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยก่อนที่จะเข้าระเบียบวาระการประชุม ได้มีการเชิญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) รายงานการคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดย นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาไปแล้ว 57 ครั้ง 400 กว่าชั่วโมง ซึ่งร่างแรกจะต้องทำให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ จากนั้นเดือนภายในเดือน พ.ค.58 สปช. , คณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถขอแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯ จะนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อพิจารณาเป็นร่างสุดท้าย แล้วเสนอต่อที่ประชุม สปช.อีกครั้ง ภายในวันที่ 23 ก.ค.เพื่อให้ สปช.ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ภายในวันที่ 6 ส.ค.
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า การร่างรัฐธรรมนูญยึดหลักเจตนารมณ์ 4 ประการ คือ 1.สร้างพลเมืองเป็นใหญ่ 2.การเมืองใสสะอาดและสมดุล 3.หนุนสังคมคุณธรรม และ 4.นำชาติสู่สันติสุข ในประเด็นด้านพลเมืองนั้น นายบวรศักดิ์ได้อธิบายว่า มีการขยายเพิ่มเติมกำหนดสิทธิครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นและเป็นสุข ให้มารดาได้พักผ่อนระหว่างตั้งครรภ์ การศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 15 ปี กฎหมายที่ประชาชนเสนอไม่ตกไปหากมีการยุบสภา กำหนดให้มีสมัชชาพลเมืองในจังหวัดเพื่อให้ความคิดเห็นต่อผู้บริหารท้องถิ่น กำหนดให้มีสภาตรวจสอบภาคประชาชนป้องกันการทุจริต กำหนดให้การฝ่าฝืนจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถถูกประชาชนถอดถอนได้ โดยจะให้ถอดถอนในวันเลือกตั้งเพื่อการประหยัดงบประมาณ โดยวิธีการหย่อนบัตรลงคะแนนเพื่อการถอดถอนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ
สำหรับประเด็นการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ในการเลือก ส.ว.ไม่ต้องการให้ ส.ว.เป็นกระจกส่อง ส.ส.อีกแล้ว เพราะ ในปี 2549 ส.ว.200 คน มี 47 คน ที่เป็นเครือญาติของ ส.ส.ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งแรกไม่มีปัญหา เพราะพรรคการเมืองตั้งตัวไม่ได้ แต่พอเขาตั้งตัวได้ก็มีการแบ่งพื้นที่กันเรียบร้อย จึงต้องทำให้ ส.ว. เป็นพหุนิยมของพลเมืองที่หลากหลายอาชีพ เป็นสภาของคนจน ผู้ใช้แรงงาน ปราชญ์ชาวบ้าน ทุกส่วนของสังคม เพื่อถ่วงดุลกับ ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทางอ้อมไม่ใช่ลากตั้ง คำว่าลากตั้งเป็นภาษาของสื่อบางฉบับที่ดูถูกการเลือกตั้ง ตัวอย่างของประเทศที่ใช้ระบบนี้คือประเทศฝรั่งเศส จะเป็นการเมืองที่สมดุล ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ในส่วนประเด็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ระบบบัญชีรายชื่อจะแบ่งตามภาคเป็น 6 ภาค เป็นระบบ Open List ประชาชนจะมีสิทธิเลือกเบอร์ของคนที่ชอบภายในบัญชีรายชื่อ ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งจะต้องได้รับเลือกเสมอไป ระบบเลือกตั้งเดิมทำให้พรรคการเมืองใหญ่ได้คะแนนนิยมเกินกว่าที่ประชาชนให้จริง จึงต้องสร้างสมดุลในความนิยม โดยใช้ระบบสัดส่วนผสมกับเขต ซึ่งวัดคะแนนได้จากทั่วประเทศ กำหนดให้มี ส.ส.470 ที่นั่ง การเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ทำให้เกิดรัฐบาลผสม ซึ่งเอื้อต่อการปรองดอง ทำให้เกิดการพูดคุยของพรรคการเมือง ไม่คิดว่าข้าใหญ่คนเดียว เพราะที่ผ่านมาเมื่อพรรคใหญ่เป็นรัฐบาล แล้วเกิดการไม่พอใจ พรรครองลงมาก็ออกมาบนท้องถนน หรือถ้าพรรครองลงมาเป็นรัฐบาล พรรคใหญ่ก็ออกมาบนท้องถนนอีกเช่นกัน ซึ่งทะเลาะกันมาอย่างนี้ 9 ปีแล้ว ดังนั้น จึงต้องทำให้เกิดความสมดุลของพรรคการเมือง ในประเด็นกลุ่มการเมืองนั้นกำหนดให้ตั้งมาจากสมาคมต่างๆ สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ เพื่อให้คนที่มีทรัพย์สินน้อยไม่ต้องไปตั้งพรรคการเมือง แค่มีสมาคมก็จะได้เข้าสู่การเมืองมากขึ้น ส่วนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่ให้เป็น ส.ส.ถ้าเป็นต้องลาออกจาก ส.ส.เพื่อแยกการบริหารกับการควบคุมออกจากกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี