'ธีรภัทร์'จี้สนช.ขอโทษ-คืนเงิน จ่อชงปชช.-ผู้ตรวจฯจัดการต่อ
วันศุกร์ ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558, 14.22 น.
Tag :
6 มี.ค. 58 เมื่อเวลา 11.30น. นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) แถลงการณ์ถึงกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้แต่งตั้ง คู่สมรส บุตร และเครือญาติให้เป็นผู้ปฏิบัติงานให้สมาชิกสนช. โดยได้รับเงินเดือน ว่า สมาชิกสนช. จำนวนกว่า 50 ราย ได้ให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวเข้าช่วยปฏิบัติงานนั้น ถือว่าไม่ควรกระทำ ซึ่งทางสภาพัฒนาการเมืองถือว่าเป็นองค์กรที่จัดขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 โดยมีบทบาทอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรม และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงขอแถลงให้สังคมรับทราบเพื่อให้เกิดบรรทัดฐานทางการเมืองและการบริหารที่ดี ดังนี้ 1.การที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่ดี บุคคลที่ดำรงตำแหน่งสมาชิก สนช.สมควรต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังจะปฏิรูปประเทศ ซึ่งข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิก สนช. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2558
นายธีรภัทร์ กล่าวอีกว่า 2.การปฏิบัติดังกล่าวอาจเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยการประกาศสนช. เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 เรื่องการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้แก่สนช.ได้กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งคุณสมบัติของผู้ที่ถูกแต่งตั้ง เพราะก่อนที่จะแต่งตั้งตำแหน่งดังวกล่าว ทางสนช.จะต้องตรวจสอบความสามารถและคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่ออย่างรอบคอบและโปร่งใส แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความสามารถ ไม่มีคุณสมบัติ หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่จริง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ สภาพัฒนาการเมืองจะส่งเรื่องการแถลงการณ์ในวันนี้ไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อดำเนินคดีต่อไป3.ปรับปรุงเพื่อสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานทางการเมือง และการบริหารที่มีธรรมาภิบาลสำหรับหน่วยงานของรัฐในการแต่งตั้ง
นายธีรภัทร์ กล่าว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม จึงเห็นว่าสนช.ที่แต่งตั้งเครือญาติของตนเองต้องออกมาแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณะชน และต้องคืนเงินงบประมาณแผ่นดินที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนคืนมาทั้งหมด เพราะหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องการปฏิรูปประเทศก็ควรจะต้องปฏิบัติที่ดีต่อสังคม เพราะสังคมมีความหวังว่าจะปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้น ไม่ใช่อ้างเรื่องเดิมๆ แล้วทำแบบเดิมๆ เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ควรเอามาเป็นแบบอย่าง โดยควรคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลมากกว่าเรื่องของตัวเอง
“ผมว่าเราไม่ต้องพูดหรอกว่าอะไรผิดอะไรถูก เราต้องดูเอาเอง แต่ที่ผมเห็นคนทั้งประเทศก็ตำหนิเรื่องนี้ การที่มีคนมาปกป้องว่าทำได้ไม่ผิด ผมก็เห็นคนเขาตำหนิคนเหล่านี้เหมือนกัน ผมไม่เห็นมีคนชมเลย อยากให้เล็งเห็นถึงธรรมภิบาล ไม่ใช่ปากพูดถึงการปฏิรูปประเทศ แต่การกระทำย้อนหลังไปนับ 10 ปี คิดว่าประชาชนรับไม่ได้อยู่แล้ว เราต้องปฏิรูปอย่างแท้จริง” นายธีรภัทร์ กล่าว