11 มี.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "สุริยะใส กตะศิลา" ถึงเรื่องที่ประชาชนคนไทยกำลังให้ความสนใจในขณะนี้ คือ "พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" โดยตั้งข้อสังเกตว่า เป้าหมายในการจัดเก็บคืออะไร รัฐบาลถังแตกหรือไม่ ล้วนเป็นคำถามที่รัฐบาลต้องตอบ และแปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลนี้จึงยังไม่ยกเลิกนโยบายสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 20% ซึ่งมุ่งช่วยนักธุรกิจนายทุน จนทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท
โดย นายสุริยะใส ระบุข้อความดังนี้
โปรดฟังอีกครั้ง...ภาษีนี้เพื่อใคร???
ในขณะนี้ Talk of the Town คงหนีไม่พ้น ร่าง พรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่กำลังจะเสนอเข้า ครม.และ สนช.ซึ่งคาดกันว่า ร่าง พรบ.ฉบับนี้จะมีผลบังคบใช้ในปี 2560 ประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก คือ ตัวเลขที่จัดเก็บคือ 0.5% ของราคาประเมิน โดยจะจัดเก็บบ้านตั้งแต่ราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งตัวเลขยังไม่นิ่ง
และเป้าหมายในการจัดเก็บคืออะไรกันแน่ รัฐถังแตกหรือไม่ ล้วนเป็นคำถามที่รัฐต้องชี้แจงครับ
แม้ด้านหนึ่งจะเห็นใจภาครัฐที่ต้องมาแบกรับภาระจากรัฐบาลที่แล้วที่สร้างหนี้ไว้เยอะ และประชานิยมกันแบบสุดโต่ง บ้าคลั่ง รวมทั้งมีทุจริตคอร์รัปชั่นกันมโหฬารในทุกระดับ แต่ก็อดห่วงใยว่าจะกระทบกับชนชั้นกลางที่เพิ่งมีบ้านและกำลังจะซื้อบ้านหลังแรก แต่คนรวยหรือบรรดาเศรษฐีจริงๆ จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก ทำให้มีคำถามตัวโตทันทีว่าจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือ
ที่อดแปลกใจไม่ได้ทำไมรัฐบาลนี้จึงยังไม่ยกเลิกนโยบายสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ซึ่งมุ่งช่วยนักธุรกิจนายทุนผู้มีอันจะกิน จนทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท
ผลสุดท้ายที่กังวลที่สุดคือเป้าหมาย ร่าง พรบ.ฉบับนี้ อาจไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แต่จะกลายเป็นเพียงหาเงินเข้ารัฐเพื่อไปถลุงในโครงการเมกะโปรเจกต์แทนหรือไม่
เมื่อรัฐไม่สามารถจัดเก็บรายได้เข้าเป้า ก็ควรลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น บรรดางบลงทุนที่ค้างท่อไม่มีเบิกจ่ายก็ควรทบทวนหรือยกเลิกไป หรือการเก็บเพิ่มภาษีฟุ่มเฟือย สินค้าแบรนด์เนมที่ไม่จำเป็น ฯลฯ
ผมเห็นด้วยกับการกลไกภาษีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ก็แปลกใจอีกทำไมภาษีทรัพย์สินคนรวย หรือคนที่ถือครองที่ดินเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ไม่เร่งพิจารณา โดยเฉพาะรูปแบบอัตรภาษีก้าวหน้า แต่กลับมาเร่งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่กระทบคนหาเช้ากินค่ำอย่างกว้างขวางขนาดนี้
ผมอยากให้รัฐบาลทบทวน รับฟัง และประชาพิจารณ์เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าเถียงกันไปมาแบบนี้ครับ
หลักการจัดเก็บภาษีแบบใหม่นี้ต้องไม่อยู่ภายใต้วิธีคิดเดิมๆ ของนักเศรษฐศาสตร์อีกต่อไป เพราะผลกระทบมันกินความกว้างกว่าที่เคยมีมา โดยเฉพาะคำถามจากผู้เสียภาษี ซึ่งเป็นพลเมืองแห่งรัฐย่อมมีสิทธิรู้ว่า จะเอาเงินภาษีไปทำอะไร เป็นประโยชน์กับสาธารณะจริงมั้ย และจะมีหลักประกันได้อย่างไรว่าจะไม่รั่วไหล ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น
เสียภาษีไม่ใช่แค่หน้าที่ตามกกฎหมาย แต่ด้านหนึ่งมันคือ "สัญญาประชาคม" ระหว่างรัฐที่มีอำนาจหน้าที่บริหารเงินจากภาษีกับพลเมืองผู้เสียภาษีครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี