โทษหนักคุกตลอดชีวิต
ฟ้อง‘บุญทรง’
ปรับอ่วม3.5หมื่นล้าน
อสส.ขนหลักฐาน205ลัง
มัดแก๊งขายข้าว‘จีทูจีเก๊’
ศาลฯนัดสั่งคดี20เมษาฯ
อัยการสูงสุด(อสส.) นำสำนวนคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) พร้อมเอกสารหลักฐานจำนวนมากยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมพวกรวม 21 รายต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โดยศาลนัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือไม่ 20 เมษายน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 มีนาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษและนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นำสำนวนพร้อมเอกสารหลักฐานคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีในโครงการรับจำนำข้าว ของนายบุญทรงกับพวกรวม 21 คน จำนวน 205 ลัง 1,628 แฟ้ม เอกสารหนากว่า 70,000 หน้า ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ
ไร้เงา“บุญทรง”กับพวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญทรงกับพวกไม่ได้เดินทางมาศาลและไม่ได้ส่งตัวแทนมาแต่อย่างใด แต่ตามกฎหมาย อสส.สามารถส่งสำนวนฟ้องได้โดยไม่ต้องนำตัวผู้ถูกกล่าวหามาแสดงต่อศาลในวันฟ้อง เช่นเดียวกับกรณีฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ข้อหาละเว้นปฎิบัติหน้าที่ กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มาตรา 123/1 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อสส.แจงข้อหา-โทษถึงคุกตลอดชีวิต
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานฟ้องคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี ในฐานะตัวแทนฝ่ายอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบคดีทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี แถลงรายละเอียดคดี หลังนำคำฟ้องกว่า 40 หน้า พร้อมสำนวนไต่สวนของป.ป.ช.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวกรวม 21 ราย เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาฯว่า ศาลฎีกาฯรับคำฟ้องไว้แล้ว เป็นคดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 ซึ่งการยื่นฟ้องเป็นไปตามข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ฐานทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 , 9, 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 , 91 ,151 และ 157 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 7 และ 13
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติ่มประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ,123 และ 123/1 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 2 พ.ศ.2554 มาตรา 36 มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
ปรับอีก3.5หมื่นล.-จ่อเจอแพ่งอีกคดี
นายชุติชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อสส.ยังขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมดจำนวน 35,274,611,007 บาท คิดเป็นร้อยละ 50 จากมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 7 หมื่นล้านบาทตามสัญญาระบายข้าว 4 ฉบับที่ว่ากระทำผิดจากทั้งหมด 8 ฉบับ ส่วนการรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายของโครงการจำนำข้าวทั้งหมดประมาณ 5 - 6 แสนล้านบาท ที่ป.ป.ช.กำลังรวบรวมหลักฐานนั้น เป็นอีกเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ ถ้าป.ป.ช.สรุปสำนวนส่งให้อสส. ถ้าจะฟ้องคดีนี้ ก็ต้องยื่นต่อศาลปกครอง
ชี้จีทูจีพบผิดเพิ่มน้ำหนักอาญา“ปู”
ส่วนศาลฎีกาฯจะรวมพิจารณาคดีของนายบุญทรงกับคดีอาญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีปล่อยให้เกิดความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวหรือไม่ นายชุติชัยกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการเจ้าของคดี เพราะหลักฐานความผิดเป็นคนละฐานความผิด องค์คณะเป็นคนละชุด
“แม้พยานหลักฐานจะมีความเชื่อมโยงกัน แต่เป็นการกระทำต่างวาระ และขั้นตอนแตกต่างกัน จึงแยกสำนวน แต่คดีนี้จะเป็นการเพิ่มหลักฐานให้คดีอาญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีน้ำหนักมากขึ้น ในกรณีที่พบว่าเกิดการทุจริตจริง” นายชุติชัย กล่าว
นัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือไม่20เม.ย.
ด้านนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนกล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ไม่เกิน 14 วัน ที่ประธานศาลฎีกาจะเรียกประชุมใหญ่ผู้พิพากษา เพื่อคัดเลือกผู้พิพากษา 9 คนเป็นองค์คณะพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว จากนั้นองค์คณะทั้ง 9 คนจะประชุมเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน แล้วจะพิจารณาว่ามีคำสั่งรับฟ้องคดีหรือไม่ วันที่ 20 เมษายน เวลา 10.00 น. โดยวันดังกล่าวจำเลยยังไม่ต้องทางมารายงานตัวต่อศาลก็ได้ แต่ถ้าศาลมีคำสั่งรับฟ้องแล้วส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยรับทราบว่า มีการฟ้องคดีเกิดขึ้น และกำหนดวันพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ ในวันนัดครั้งแรกจำเลยทั้งหมดต้องมาศาลด้วยตัวเอง หากไม่มาศาลก็จะพิจารณาเพื่อมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป
เตรียมพยานกว่าร้อยปากมัดเอาผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้หรือไม่ เพราะเป็นคดีมีอัตราโทษสูงถึงจำคุกตลอดชีวิต นายสุรศักดิ์กล่าวว่า หากศาลฎีกาฯนัดพิจารณาคดีครั้งแรกแล้วจำเลยทั้ง 21 คนมาศาลถือว่าเข้าสู่กระบวนการแล้ว ดังนั้น นัดไต่สวนต่อไปแม้จำเลยไม่มา ศาลก็สามารถไต่สวนพยานลับหลังได้ แต่ถ้าในวันพิจารณาคดีครั้งแรก มีจำเลยคนหนึ่งคนใดไม่มาศาล ก็อาจต้องจำหน่ายคดีไว้ และพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่มาศาลในวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ อสส.เตรียมพยานบุคคลไว้กว่า 100 ปาก และขณะนี้อยู่ระหว่างทำบัญชีสรุปพยาน ซึ่งมีพยานปากสำคัญหลายปาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งนี้ ในการไต่สวนคดีของศาลฎีกาฯ เป็นการพิจารณาต่อเนื่อง คาดว่าใช้ระยะเวลาไต่สวนไม่นาน
ยังไม่ค้านประกัน-ไม่ห้ามไปนอก
เมื่อถามว่าอสส.คัดค้านการปล่อยชั่วคราว หรือห้ามเดินทางออกนอกประเทศจำเลยหรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่า จำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี อสส.จึงไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว โดยวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ถ้าศาลสอบถามความเห็นอสส.เรื่องการปล่อยชั่วคราว อัยการก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะคัดค้านหรือกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศหรือไม่ สำหรับคดีนี้ อสส.ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 7 คน โดยมีคณะทำงานจากป.ป.ช.เข้าร่วมพิจารณาด้วย
เปิดบัญชี21จำเลยคดีจีทูจีเก๊
สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 21 คน ประกอบด้วย กลุ่มนักการเมืองและข้าราชการพลเรือน 6 ราย ได้แก่ นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุฯพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการและอดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4 นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6
ส่วนเอกชน ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัทและนิติบุคคล 15 ราย ได้แก่ นายสมคิด เอื้อนสุภา จำเลยที่ 7 นายรัฐนิธ โสจิระกุล จำเลยที่ 8 นายลิตร พอใจ จำเลยที่ 9 บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10 น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 11 น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ จำเลยที่ 12 น.ส.สุทธิดาหรือสุธิดา ผลดีหรือจันทะเอ จำเลยที่ 13 นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 14 นายนิมลหรือโจ รักดี จำเลยที่ 15 นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 17 นายกฤษณะ สุระมนต์ จำเลยที่ 18 นายสมยศ คุณจักร จำเลยที่ 19 บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือบริษัท สิราลัย จำกัด จำเลยที่ 20 และน.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 21
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอภิชาต หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจชื่อดัง จำเลยที่ 14 ในคดีนี้ ถือเป็นบุคคลสำคัญในวงการค้าข้าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ศาลแขวงสมุทรปราการ พิพากษาจำคุก 6 ปี ปรับ 12,000 บาท ฐานยักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ส่งไปขายประเทศอิหร่าน 20,000 ตัน มูลค่า 200 ล้านบาท โดยให้นายอภิชาต และ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัดจำเลยร่วม คืนทรัพย์สินของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือชดใช้แทนในราคา175,480,000 บาท รวมทั้งค่าเสียหายอื่นอีกรวมกว่า 200 ล้านบาทด้วย ซึ่งนายอภิชาตยื่นหลักทรัพย์ เป็นเงิน 700,000 บาท ขอประกันตัวสู้ระหว่างอุทธรณ์คดี
ชี้สอย“บุญทรง”ใช้เวลาไม่นาน
ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กล่าวถึงการพิจารณาถอดถอนนายบุญทรง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่บรรจุเข้าที่ประชุมสนช.วันที่ 2 เมษายนว่า การบรรจุวาระนี้ไม่ได้เป็นการเร่งด่วน ตนตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียดแล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนไม่กี่คน ทั้งนี้ การพิจารณาคดีอาญาของนายบุญทรงไม่มีผลต่อการพิจารณาของสนช. เพราะมาตรฐานการพิจารณาระหว่างศาลกับสนช.แตกต่างกัน เรื่องนี้คล้ายกันเพียงส่วนเดียว คือ เนื้อหาคดีเท่านั้น เชื่อว่าการพิจารณาคดีของนายบุญทรงจะใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับนายบุญทรงจะใช้สิทธิอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี