'ศุภชัย'แจงระบบเลือกตั้งเยอรมัน ห้ามลูก-เมียช่วยชี้โอเพ่นลิสต์ยุ่ง
วันพฤหัสบดี ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558, 19.58 น.
Tag :
26 มี.ค. 58 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวถึงการที่รัฐบาลเยอรมนีได้เชิญตัวแทนกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และกกต. ไปศึกษาดูระบบการเมืองและระบบเลือกตั้งของเยอรมนีเมื่อวันที่ 16-20 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า จากการศึกษาระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมนีที่จะกำหนดให้มี ส.ส. ในสภาทั้งหมด 598 คน ประกอบด้วย ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 299 คน และ ส.ส.แบบสัดส่วน 299 คน โดยจาการเลือกตั้งของเยอรมนีที่ผ่านมาได้มีพรรคการเมืองลงสมัครเลือกตั้งทั้งหมด 34 พรรค แต่ได้รับเลือกตั้งทั้งหมด 5 พรรค เป็นพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค และฝ่ายค้าน 2 พรรค เพราะคะแนนที่ได้เกินร้อยละ 5 ของคะแนนเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศ เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งของเยอรมนีได้ระบุว่าหากพรรคใดได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 5 ก็จะไม่ได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภา
นายศุภชัยกล่าวอีกว่า จากการได้พูดคุยกับ ส.ส. เยอรมนี ก็ได้ระบุว่า การคิดคะแนน ส.ส.แบบสัดส่วนค่อนข้างยุ่งยาก ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิด แต่วัฒนธรรมของคนเยอรมนีจะมีความเชื่อมั่นในระบบ ทำให้ไม่มีการคัดค้านหรือแสดงการไม่เห็นด้วย อีกทั้ง การเลือกตั้ง ส.ส.แบบสัดส่วน ไม่ได้ใช้การเลือกแบบโอเพ่นลิสต์ แต่จะเป็นการเลือกตามบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองกำหนด ซึ่งทางเยอรมนีได้มองว่าหากนำระบบนี้มาใช้กับประเทศก็จะทำได้ง่าย เพราะระบบสัดส่วนที่ประเทศไทยจะใช้โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่มจังหวัด แต่ของเยอรมนีจะแบ่งถึง 16 มลรัฐ ถ้าหากจะใช้ประชาชนเป็นคนเลือก ส.ส. ในระบบโอเพ่นลิสต์ก็อาจจะยุ่งยาก อีกทั้ง ในระบบของเยอรมนี การจัดลำดับ ส.ส. ของแต่ละพรรคจะคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก แม้ว่า ส.ส.จะกระทำการขัดมติพรรค แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งประชาชนแสดงความต้องการที่จะให้พรรคส่ง ส.ส. คนดังกล่าวลงเลือกตั้ง พรรคก็ต้องฟังประชาชน
อย่างไรก็ตาม ระบบเยอรมนี ผู้สมัครส.ส. สามารถลงสมัครได้ทั้งแบบระบบเขตและระบบสัดส่วนในเวลาเดียว โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโน ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ถามว่าจะตลกหรือไม่หาก บุคคลนั้นไม่ได้รับเลือกตั้งในระบบเขตแต่ได้รับเลือกตั้งในระบบสัดส่วน ก็ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นเรื่องปกติสามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีซักถามในประเด็นที่ ส.ส. ของเยอรมนีสามารถนำญาติพี่น้องบุตรภรรยามาเป็นผู้ช่วย ส.ส. ได้หรือไม่ ซึ่งทางเยอรมนีระบุว่ามีกฎหมายห้ามไม่ให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาทำหน้าที่ผู้ช่วย ส.ส.
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของการจัดการเลือกตั้งของเยอรมนี จะดำเนินการโดย กกต. ซึ่งประธานกกต.จะมาจากผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งสหพันธรัฐ โดยรมว.มหาดไทยจะเป็นผู้แต่งตั้ง และข้าราชการของสำนักงานสถิติจะทำหน้าที่เหมือนเจ้าหน้าที่กกต.ในการช่วยจัดการเลือกตั้ง ร่วมกับอาสาสมัครจากภาคประชาชน ซึ่งประธานกกต.ของเยอรมนียืนยันว่าแม้จะได้รับการแต่งตั้งจากรมว.มหาดไทย แต่เมื่อเป็นประธานกกต.แล้ว รมว.มหาดไทยก็ไม่สามารถมาสั่งการได้ในการจัดการเลือกตั้ง รวมทั้งตัวประธานกกต.เอง ก็ไม่สามารถไปสั่งข้าราชการในการจัดเลือกตั้งเพื่อเอื้อประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอำนาจหน้าที่ของกกต.เยอรมนีคือการดูแลและประกาศผลการเลือกตั้ง กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้เสนอกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจะเป็นหน้าที่ของสภา ก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ถ้าเป็นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งท้องถิ่นก็เป็นหน้าที่ของสภาท้องถิ่น
ส่วนเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ที่กมธ.ยกร่างฯเปิดช่องให้ใช้ได้ในการเลือกตั้งของประเทศไทย ในส่วนของเยอรมนีก็เคยนำมาใช้ แต่มีเรื่องฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเรื่องความแม่นยำในการนับคะแนน แม้ศาลจะไม่มีคำพิพากษาว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่หลังจากนั้น เยอรมนีก็ไม่เคยนำเครื่องลงคะแนนมาใช้อีกเลยเพราะอาจมองว่าประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น อีกทั้งเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก็ไม่มีในเยอรมนี
"ถ้าหากกมธ.ยกร่างฯจะนำระบบสัดส่วนแบบผสมมาใช้กกต.ก็พอรับได้ ตอนนี้ กกต.ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องคำนวณคะแนนไว้แล้ว แต่ถ้านำระบบโอเพ่นลิสต์มาใช้ การนับคะแนนอาจจะล่าช้า ไม่รู้ 3 วันจะจบหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าระบบบัญชีรายชื่อแบบเดิมก็อยู่แล้ว แต่อาจแก้ไขให้พรรคการเมืองเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น คำนึงถึงความเท่าเทียมทางเพศ มีผู้ทรงคุณวุฒิ ปราชญ์ต่างๆเข้ามาอยู่ในบบัญชี ไม่ใช่เอาแต่พวกมีอิทธิพล ลูกนายทุน มาอยู่ในลำดับต้นๆ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องรอดูว่ารัฐธรรมนูญจะออกแบบมาอย่างไร" ประธานกกต.กล่าว