27 มี.ค.58 ที่รัฐสภา นายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงผลการพิจารณาศึกษากฎหมายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดย นายจุมพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้มีมติอนุมัติหลักการผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลทั้ง 10 ฉบับ ให้มีการจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีผู้ที่อาจได้รับผลกระทบเมื่อร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้ ทางคณะกรรมาธิการจึงได้ทำการศึกษาใน 2 ประเด็น คือ 1.ผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการสื่อสารและรับรู้ข้อมูลข่าวสาร 2.ผลกระทบต่อโครงสร้างสถานะและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการ
นายจุมพล กล่าวต่อว่า นโยบายดังกล่าวเป็นเรื่องดี แต่เมื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่ามีแนวทางที่มุ่งเน้นปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของประเทศมากกว่าความมั่นคงปลอดภัยของระบบไซเบอร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง และอาจถือเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่ที่ขัดแย้งต่อหลักการของรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศได้ ส่วนประเด็นเรื่องโครงสร้างสถานะและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ ยังขาดความชัดเจน โดยประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะถูกลดบทบาทลงจนเป็นองค์กรที่ขาดความเป็นอิสระ คณะกรรมการดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคมจะเข้ามามีบทบาทแทน ทำให้อำนาจในการจัดสรรและกำกับดูแลคลื่นความถี่ถูกแทรกแซงทั้งจากกลุ่มอำนาจทางการเมืองและอำนาจทุนได้โดยง่าย ส่งผลให้พัฒนาการตามแนวทางการปฏิรูปสื่อย้อนกลับไปสู่อดีตที่รัฐถือครองคลื่นความถี่จำนวนมากโดยใช้ประโยชน์สาธารณะเป็นข้ออ้าง
ด้าน นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ รองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ จึงมีข้อเสนอแนะให้กำหนดบทบาทของคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้เป็นเพียงผู้กำหนดนโยบาย เพื่อป้องกันการแทรกแซงการดำเนินการของ กสทช.ด้วยวิธีการกำหนดให้ กสทช.ดำเนินการตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพียงอย่างเดียว และให้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้จัดทำแผนและนโยบายเสนอคณะรัฐมนตรี ส่วนร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. .... ให้ชะลอการพิจารณาออกไปก่อน จนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยขอให้คงหลักการความเป็นองค์กรอิสระของ กสทช.ตามที่เป็นมา
"ร่างกฎหมายทั้ง 10 ฉบับนี้ จะไปกระทบเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องของสื่อ ถ้าหากว่า กสทช.ไม่มีความเป็นอิสระ ไม่เป็นองค์กรอิสระ ก็จะทำให้เกิดการแทรกแซง ควบคุมกำกับสื่อวิทยุโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ทั้งหลายได้ ในขณะเดียวกันประชาชนเองก็จะได้รับผลกระทบจากการที่กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่มาก ในการเข้าไปตรวจค้น การเข้าไปดูเรื่องที่ประชาชนสื่อสารระหว่างกัน ตรงนี้เราเห็นว่าโดยมาตรฐานสากลแล้วอย่างน้อยที่สุดต้องได้รับความเห็นชอบจากทางศาลหรือฝ่ายตุลาการ เหมือนกับจะเข้าค้นบ้านคนต้องมีหมายศาล" นายวสันต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี