ถอยนายกฯคนนอก-สว.
‘บวรศักดิ์’โอดถูกด่าเละ
สปช.ชงสูตรรื้อที่มาวุฒิฯ
ลากตั้ง-เลือกตั้ง77จังหวัด
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการ และคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะ
กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวเปิดการเสวนา ‘สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย’และปาฐกถาพิเศษเรื่อง’กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ’ ว่า ที่ผ่านมา 82ปี ไทยมีรัฐธรรมนูญ 20ฉบับ มากเป็นอันดับ4ของโลก บางฉบับเป็นไปตามวิธีของระบอบประชาธิปไตย บางฉบับมาจากการยึดอำนาจ ทั้งนี้ สังคม 10ปีที่ผ่านมามีความขัดแย้งแบ่งฝ่ายอย่างรุนแรง แบ่งประชาชนเป็นฝักฝ่าย หนักถึงขั้นมีการติดป้ายให้แบ่งการปกครอง แสดงว่าไม่ใช่ความขัดแย้งระดับธรรมดา แม้จะยุบสภาแล้ว ความขัดแย้งก็ยังไม่จบ ฝ่ายใดเป็นรัฐบาล อีกฝ่ายก็มาอยู่ที่ถนน ความขัดแย้งที่เป็นอาการของโรค วันนี้จึงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข
บวรศักดิ์ชี้ร่างรธน.ลดเหลื่อมล้ำ
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุความขัดแย้งครั้งนี้มาจากการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมในสังคม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคม สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมและเป็นรากฐานของความขัดแย้งในสังคม ซึ่งเป็นมากว่า 50ปีแล้วก็ไม่ดีขึ้น แม้จะนำนโยบายประชานิยมมาใช้ ก็ไม่แก้ปัญหา เป็นแค่การเอาเงินในอนาคตมาใช้ แต่ไม่ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์เรื่องการลดความเหลื่อมล้ำของการใช้ทรัพยากร ประชานิยมไม่เคยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เป็นแค่การเอาใจประชาชนชั่วคราว แล้วผลักหนี้ไปในอนาคต ไม่ได้เปลี่ยนสถานะของคนชั้นล่างจากคนไม่มีเป็นคนมั่งมี ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งขณะนี้ร่างรัฐธรรมนูญเริ่มเห็นหน้าเห็นหลังแล้ว โดยร่างแรกที่จะส่งให้สภาปฎิรูปแห่งชาติ( สปช.) พิจารณามี 315มาตรา มีเจตนารมณ์ 4 ข้อ คือ 1.สร้างพลเมืองให้เป็นใหญ่ 2.การเมืองใสสะอาดและสมดุล 3.หนุนสังคมที่เป็นธรรม 4.นำชาติสู่สันติสุข ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ให้สิทธิพลเมืองเพิ่มขึ้น
ผุดสมัชชาคุณธรรมฯคุมพวกโกง
“ระบบโอเพ่นลิสต์ที่พรรคการเมืองเต้นกันใหญ่ว่า เป็นการทำลายพรรคนั้น ความจริงไม่ได้ทำลายแต่เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน คนที่อยู่บัญชีรายชื่อที่ไม่เคยเข้าหาประชาชนต้องเดินเข้าหาประชาชน หัวหน้าพรรคจะเล็กลง ประชาชนจะเป็นใหญ่ขึ้น แล้วไปลดเสียงประชาชนตรงไหน ขอให้เอาไมโครโฟนไปถามประชาชนบ้าง อย่าไปถามนักการเมือง เพราะพูดแต่เรื่องการเข้าสู่อำนาจของตัวเอง ไม่เคยพูดเรื่องสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนจะได้รับ สื่อควรช่วยทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ ส่วนมาตรการทำให้การเมืองใสสะอาดนั้น รัฐธรรมนูญใหม่จะกำหนดลักษณะผู้นำการเมืองที่มีคุณธรรมและพรรคการเมืองที่ดี โดยให้มีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ เป็นผู้กำกับการปฏิบัติตามจริยธรรมและประเมินจริยธรรมของผู้นำการเมืองทุกปี รวมทั้งการไต่สวนการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงและส่งเรื่องให้รัฐสภา หรือประชาชนถอดถอน”นายบวรศักดิ์ กล่าว
นายกฯคนนอกใช้เสียง2ใน3
นายบวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก รัฐธรรมนูญระบุชัดเจนให้มาจากการเลือกตั้งของ สส.โดยเปิดเผย แล้วจะเป็นคนนอกได้อย่างไร ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญเคยเขียนให้นายกฯมาจาก สส.ก็ถูกฉีกรัฐธรรมนูญแล้ว เพราะเวลาในสภาฯหาทางออกไม่ได้ ก็จะคิดถึงมาตรา7 จนเป็นที่มาของเหตุการณ์วันที่ 22พฤษภาคม ส่วนที่ไม่เขียนว่า นายกฯต้องเป็น สส.เพราะถ้าบ้านเมืองไม่มีทางออกและทุกพรรคพร้อมใจเชิญคนนอกมาเป็นจะได้ไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เรื่องนายกฯคนนอกอาจมีการปรับได้ ต้องรอฟังจนวินาทีสุดท้าย เช่น หากเลือกคนที่เป็น สส.ก็ใช้เสียงเกินครึ่ง แต่หากเลือกคนไม่ใช่ สส.อาจต้องใช้เสียง2ใน3ของสภาฯจะรับกันได้หรือไม่
สว.อาจมาจากเลือกตั้งทางตรง
นายบวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเลือกตั้ง สว.ที่วันนี้มีเสียงให้เลือกตั้งทางตรงมาก ก็อาจจะทบทวนได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ กมธ.ยกร่างฯเขียนเรื่องการเลือกตั้ง สว.ทางอ้อมยืนยันว่าไม่ใช่การลากตั้ง เพราะเป็นการที่องค์กรต่างๆเลือกกันเข้ามาเอง ไม่ได้ตั้งโดยคน ๆ เดียว
โอด3เดือนโดนสับอยู่ฝ่ายเดียว
“ส่วนที่สื่อระบุว่า ผมมีท่าทีแข็งกร้าวต่อ สปช.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะผมเป็นลูกน้อง ขาจะไปแข็งได้อย่างไร ที่ผ่านมา 3เดือน ผมโดนมาเต็มๆ เขาเรียกผมว่า ตำบลกระสุนลง คือ ไม่มีพวกเลยในสื่อ โดนยิงเป้าอยู่ฝ่ายเดียว จึงขอให้พ่อแม่พี่น้องช่วยกัน ถ้าเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้ไปได้ มิเช่นนั้นจะถูกตีตกแน่ๆ แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” นายบวรศักดิ์ กล่าว
สมัชชาคุณธรรมฯถอดผิดจริยธรรม
เวลา 17.10น.วันเดียวกัน ที่โรงแรมลองบีช การ์เด้น โฮเต็ล แอนด์ สปา จ.ชลบุรี นายนิรันดร์ พันธกิจ สมาชิก สปช.กล่าวหลังประชุมคณะกรรมาธิการปฎิรูปการเมือง สปช.ว่า เรื่องถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เดิมต้องผ่าน 3องค์กร คือ สมัชชาคุณธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กว่าจะให้ประชาชนลงมติถอดถอนใช้เวลา 1-2ปี ทำให้เกิดความยุ่งยากและอาจไม่เกิดผลในทางปฏิบัติได้แท้จริง กมธ.ปฎิรูปฯจึงเสนอว่าให้สมัชชาคุณธรรมมีอำนาจเหมือน ปปช. คือเมื่อชี้ว่าบุคคลใดมีความผิดเรื่องจริยธรรม ให้บุคคลนั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีและไม่ให้ประชาชนเป็นผู้ลงมติถอดถอน โดยจะให้สภาฯและวุฒิสภา เป็นผู้ลงมติแทน แต่ต้องหาข้อสรุปอีกครั้งว่า จะให้สส.หรือสว.เป็นผู้ลงมติถอดถอน
กกต.แจกเหลือง-แดงอำนาจศาล
ส่วนเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตนั้น ให้กกต.คงอำนาจในการให้ใบเหลืองไว้ กรณีให้ใบแดงให้ กกต.ส่งให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด โดยให้สิทธิผู้ได้รับใบแดงยื่นอุธรณ์ต่อศาลได้ใน 7วัน ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) เราได้ให้คณะทำงานพิจารณาเรื่องโครงสร้าง กจต.ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร
ตั้งนายกฯคนนอกมี2ขั้นตอน
นายนิรันดร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มานายกฯ กมธ.ฯเห็นด้วย แต่ควรใช้ในกรณีที่เกิดวิกฤติเท่านั้นและควรทำเป็นบันไดหนีไฟ 2ขยัก คือ นายกฯควรมาจากส.ส. ส่วนกรณีเกิดวิกฤติสรรหาบุคคลภายนอกมาเป็นนายกฯควรมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภา และมีวาระดำรงตำแหน่งไม่เกิน 1ปี และต่ออายุไม่เกิน 1ปี โดยให้ขอมติที่ประชุมสภาฯอยู่เพิ่ม
สว.มาจากแต่งตั้ง-เลือกตั้ง77จว.
ด้าน นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สมาชิก สปช.กล่าวว่า เรื่องสรรหาสว.เห็นควรมาจาก 2สายหลัก คือ 1.จากการเลือกตั้งของประชาชนแบบที่เคยทำมา คือให้ประชาชนเลือกสว.จังหวัดละ 1คน รวม77 จังหวัด มีส.ว.77คน ที่เหลือ 123 คน เห็นด้วยกับการสรรหามาจากลุ่มตัวแทนอาชีพ จะมาจากกลุ่มไหนบ้างในวันที่ 30มีนาคม กมธ.ฯจะประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง พร้อมทั้งหาสรุปทุกอย่าง ร่วมถึงกำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกในวันที่ 20-26มีนาคม พร้อมกับคำขอแปรญัตติภายใน 30วัน เพื่อเสนอต่อ กมธ.ยกร่างฯ
ภท.แนะต้องร่างให้เป็นรูปธรรม
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้ยกร่างฯดีว่า อยากจะให้ทุกอย่างถูกต้องและป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ต้องมองกลับมาสู่ความเป็นจริงในทางปฏิบัติว่า จะทำได้หรือไม่ จึงขอฝากผู้ยกร่างฯว่า ให้ดำเนินการออกมารูปธรรม อย่าฝืนธรรมชาติ ให้ประชาชนยอมรับได้ รัฐธรรมนูญก็จะอยู่นาน หากเขียนอะไรที่ยากก็ไม่ทราบว่า รัฐธรรมนูญจะอยู่ได้นานแค่ไหน
ต้องทำประชามติจะได้ใช้นาน
เมื่อถามว่า มีความกังวลในเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี หรือจำนวน สส.หรือไม่ นายสรอรรถ กล่าวว่า ต้องมองว่า ความตั้งใจของผู้ยกร่างฯจะให้เป็นอย่างไร อยากให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งหรือไม่ แต่กระบวนการต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง การเขียนรัฐธรรมนูญจริงๆต้องถามคนปฏิบัติ ต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นของทุกคนเพราะรัฐธรรมนูญเป็นของคนทั้งประเทศ โดยอาจจะเข้าสู่กระบวนการการทำประชามติ แต่อย่างน้อยต้องสื่อถึงระดับรากหญ้าได้ว่า สามารถรับได้หรือไม่
จี้ทบทวนระบบ’โอเพ่นลิสต์’
เมื่อถามอีกว่า การร่างรัฐธรรมนูญลักษณะนี้จะทำให้นักการเมืองยุติบทบาทหรือไม่ นายสรอรรถ กล่าวว่า ตนคิดว่ามีโอกาสได้หลายอย่าง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างยกร่างฯ ยังไม่มีข้อยุติ การวิพากย์วิจารณ์อาจอาจจเร็วเกินไป ส่วนตนจะรอข้อสรุปของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก่อนค่อยตัดสินใจว่า จะเล่นการเมืองต่อหรือไม่ เพราะดูรายละเอียด เช่น ระบบโอเพ่นลิสต์นั้น จะทำให้ระบบพรรคการเมืองมันแตกหรือไม่ คนที่อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์จะหาเสียงให้ตนเองไม่สนใจนโยบายพรรคก็จะกลับไปสู่วัฏจักรเดิมๆ พรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง จึงขอให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
แนะถามลต.เยอรมันก่อนร่าง
นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าววว่า การร่างรัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามหลักการพื้นฐานคือ อำนาจต้องเป็นของประชาชน ประเด็นที่กำลังหารือกันอย่างมาก โดยเฉพาะกระบวนการจัดการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบเขต ระบบสัดส่วน จะออกมาแบบการเลือกตั้งแบบเยอรมัน หรือจะใช้การเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์นั้น เพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับก่อนที่จะนำออกมาใช้ ควรให้ประชาชนรับรองเห็นพ้องก่อน ซึ่งทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎอัยการศึก เช่น ส่งเอกสารให้ประชาชนตอบกลับ หรือให้ประชาชนโหวตผ่านเว็บไซต์ การที่ตนเสนอความคิดเห็นดังกล่าวเพื่ออยากให้มีการสอบถามประชาชนก่อนว่า เห็นด้วยกับระบบการเลือกตั้งแบบนี้หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เกิดการโต้แย้ง ถ้าเกิดปัญหาหรือไม่ยอมรับ จะได้นำมาปรับแก้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี