ลูกสมุน‘แม้ว’ผวาหนัก
อิทธิฤทธิ์ม.44
กลัวบิ๊กตู่เชือดเบ็ดเสร็จ
ครวญแรงกว่ากฎอัยการศึก
วอนใช้พรก.ฉุกเฉินแทน
โพลล์พอใจงาน10เดือนคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ประจำวันที่ 28 มีนาคม ว่าในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย สมาชิก คสช.และครม.ได้ร่วมทำกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์และร่วมตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ สวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวและบันทึกภาพแต่อย่างใดโดยขอเป็นการส่วนตัวต่อมา เวลา 12.00น.ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน และเวลา 15.00น.นายกฯพร้อมคณะ ได้เดินทางขึ้นเครื่องบิน ของกองทัพบกจากท่าอากาศยานหัวหิน (บ่อฝ้าย) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมพิธีสมรสของบุตรสาว นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซีย และ วันที่ 29 มีนาคม จะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อไปแสดงความไว้อาลัย นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ที่ถึงแก่อสัญกรรม
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณ เตรียมยกเลิกกฎอัยการศึก และจะใช้อำนาจในมาตรา44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ออกเป็นคำสั่งคสช.แทน หลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่สวนสนประดิพัทธ์ โดยตกช่วงค่ำ ได้มีงานเลี้ยงอาหารค่ำทั้ง ครม. คสช.และภริยาที่บริเวณริมหาดสวนสนประดิพัทธ์ 2 บรรยากาศภายเป็นไปด้วยความชื่นมื่นโดยนายกรัฐมนตรีได้นำครม.และคสช.ขึ้นเวทีร้องเพลงสายโลหิตและเพลง คำมั่นสัญญา ร่วมกันอย่างระรื่น
“พีระศักดิ์”หนุนเลิกอัยการศึก
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ สนับสนุนแนวทางของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ เตรียมยกเลิกกฎอัยการศึก และจะใช้อำนาจในมาตรา44 แทน
“ผมเห็นด้วย คสช.ถือเป็นผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากการกดดันของต่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และอีกส่วนหนึ่ง คสช.ก็คงมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าควรใช้มาตรการใดในการบริหารประเทศ และคิดว่าเป็นการลดระดับการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย จากกฎอัยการศึก ที่สูงสุดลงมาแสดงว่าปัญหาเริ่มคลี่คลาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว คสช.ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ซึ่งเข้าใจ เห็นใจ คสช.ที่ต้องแบกรับหน้าที่นี้ “นายพีระศักดิ์ ระบุ
พร้อมเชื่อใช้ม.44 นายกฯเอาอยู่
และเชื่อว่าการยกเลิกกฎอัยการศึก จะเป็นผลดี หากสามารถควบคุมความสงบได้ เพราะมาตรการนี้จะมีความแตกต่างจากการบังคับใช้กฎอัยการศึก อีกทั้งยัง ช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวดีขึ้นในมุมมองที่รับผิดชอบด้านกฎหมายและได้ลงพื้นที่พบประชาชน ส่วนตัวยืนยันว่าประชาชนในพื้นที่ตลอดจนภาคเอกชน ไม่มีเสียงสะท้อนออกมาว่าได้รับผลกระทบจากกฎอัยการศึกเลย มีแต่เพียงสะท้อนปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งการบังคับใช้มาตรา44 ของรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการใช้กฎหมายตามปกติเหมือนที่เรามี คสช. ครม.สนช.สปช.คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ส่วนมาตรการดังกล่าวนี้จะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ นายพีระศักดิ์ ตอบว่าคงตอบไม่ได้ แต่คิดว่าเอาอยู่ และเห็นว่าการชุมนุม หรือการประท้วง ไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะแม้จะยกเลิกกฎอัยการศึก แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสมสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายทั้งฝ่ายที่ชอบรัฐบาลและไม่ชอบรัฐบาล เพราะเชื่อว่าชาวบ้านจะไม่เอาด้วย
เผยคสช.คิดเลิกอัยการศึกต้นปี
ด้านนายปณิธานวัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึง แนวคิดของพล.อ.ประยุทธ์ ในการใช้ มาตรา44ในรัฐธรรมนูญ ชั่วคราวแทนกฏอัยการศึกว่าทางคสช. ได้มีการหารือกันตั้งแต่ต้นปี 2558แต่ปรากฏว่าในเวลาดังกล่าวเกิดเหตุระเบิดซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองขึ้นจึงต้องใช้กฏอัยการศึกไปก่อน แต่เมื่อรัฐบาลเห็นว่าขณะนี้ถึงเวลาที่ต้องเปิดพื้นที่การแสดงออกทางการเมืองมากขึ้นจึงเห็นควรนำ มาตรา 44 มาใช้แทนได้เพราะคิดว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่าหลายด้าน
ชี้ใช้ม.44 มีประสิทธิภาพรัดกุม
“จะต้องรอดูว่า เมื่อใช้มาตรา44 แทนกฏอัยการศึก จะมีการร่างระเบียบ หรือออกเป็นประกาศของ คสช.อย่างไรในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเพราะในมาตรา44 จำเป็น ต้องมีระเบียบ หรือประกาศเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ครอบคลุมเหมือนกฏอัยการศึก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการใช้มาตรา44ให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีความรัดกุม ผมคิดว่า คสช.คงมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฏหมาย เป็นผู้ดูแล”นายปณิธาน ระบุ
ระบุ 2 แรงกดดันหลักบีบให้เลิก
ทั้งนี้ นายปณิธาน ยอมรับว่า 2 ปัจจัยหลัก มีความสำคัญต่อการตัดสินใจยกเลิกกฏอัยการศึก คือ1.แรงกดดันจากกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง 2.แรงกดดันจากต่างชาติแต่สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อมีการยกเลิกกฏอัยการศึกแล้ว ต่างชาติจะลดการกดดันไทยหรือไม่ หากยังมีการกดดันอยู่ก็เท่ากับว่า ต่างชาติเช่นสหรัฐฯและองค์กรอื่นๆต้องการให้รัฐบาลคืนอำนาจแก่ประชาชนสถานเดียว
ถาวรหนุนใช้ม.44 ติงอย่าใช้อารมณ์
ด้าน นายถาวร เสนเนียม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข( กปปส.)กล่าวว่าเห็นด้วยที่นายกฯจะยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกโดยจะใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว2557 แทน ถือเป็นเรื่องดี เห็นด้วย ขอตบมือเชียร์ เพราะจะส่งเสริมสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลและประเทศไทยให้ดีขึ้นในสายตาของสากลประเทศ แต่ก็ควรระวัง อย่าใช้อารมณ์เหมือนที่เคยใช้กับสื่อมวลชนที่ผ่านมา เพราะมาตรา44 นี้ ก็เท่ากับ มาตรา17ในยุคจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ให้อำนาจนายกฯไว้กว้างขวางมาก ถึงขนาดสั่ง ประหารชีวิตคนได้ นายกฯจึงควรใช้อำนาจอย่างระมัดระวังสรุปโดยภาพรวม ก็เห็นด้วยว่าเป็นการเลือกใช้มาตรการที่ผ่อนคลายในสายตานานาชาติ
ตู่ค้านม.44 กลัวใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธฺปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช.)กล่าว คัดค้านเรื่องที่ถึง พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.เตรียมใช้มาตรา44แทนกฎอัยการศึก
โดยนายจตุพร ยกเหตุผลประกอบการคัดค้านว่า ว่าเป็นการ สะท้อนถึงคำว่ารัฐบาลที่มาจากรัฐประหารและสะท้อนถึงระบอบการปกครองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเดิมกฎอัยการศึก เรามองว่ามีปัญหาจริง แต่กฎอัยการศึก ยังเห็นตัวตน มีเนื้อหาที่ชัดเจน ประกาศใช้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5 แต่มาตรา44 นี้จะขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจและอารมณ์ของผู้ใช้อำนาจเท่านั้นถือว่าเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จของหัวหน้า คสช.เพียงคนเดียวเหนืออำนาจทั้ง 3 คือ นิติบัญญัติ บริหารและตุลาการจึงไม่มีหลักประกันใดๆ ที่ประชาชนสามารถล่วงรู้ล่วงหน้าได้เลย
“ผมคิดว่าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกทาง หากรัฐบาลคิดว่าจะลดความกดดันจากนานาชาติ แล้วไปใช้มาตรา44 จะยิ่งไม่เป็นผลดีทั้งประชาชนในฐานะผู้ถูกใช้อำนาจและหัวหน้า คสช.ผู้ใช้อำนาจเอง มันจะเข้ากับสำนวนไทยที่ว่า หนีเสือปะจระเข้มากกว่า” นายจตุพร กล่าว
เต้นห่วงม.44 ยิ่งขี้เหร่กว่าอัยการศึก
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลเตรียมประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยแต่อย่าว่าตนหาเรื่องค้านกวนใจรัฐบาลเลย เพราะการจะใช้มาตรา44 แทน ดูแล้วน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าเนื่องจากกฎอัยการศึก แม้จะเป็นกฎหมายโบราณนับร้อยปี ริดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนและไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ แต่ยังมีลายลักษณ์อักษรกำหนดขอบเขตชัดเจน
“ ผมห่วงว่ามันจะยิ่งหนักกว่าเก่า เพราะ อำนาจมาตรา44นั้นครอบจักรวาล ไม่มีบทบัญญัติตายตัว ขยายอำนาจรัฐได้ตลอดเวลา ไม่มีขีดจำกัด แม้จะยังไม่เห็นเนื้อหา รูปแบบว่าจะประกาศใช้อย่างไร แม้ว่ากฎอัยการศึก จะขี้เหร่ขนาดไหน แต่ก็ยังขี้เหร่แบบเห็นได้ชัดตรงข้ามกับมาตรา44 ที่นอกจากจะขี้เหร่แล้ว ยังมองไม่เห็นขอบเขตของอำนาจอีกด้วย” นายณัฐวุฒิ ย้ำ
แนะใช้พรบ.มั่นคง-พรก.ฉุกเฉินแทน
อย่างไรก็ดี นายณัฐวุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตุว่าให้รัฐบาลพิจารณาด้วยว่าที่ต้องการลดแรงกดดันจากต่างประเทศนั้น ไม่แน่ว่าจะบรรลุผลหรือไม่เพราะความหมายโดยนัยของมาตรา 44 นั้น ก็เท่ากับตัวบุคคล คือ กฎหมาย ดังนั้น สภาพแบบนี้อาจจะเพิ่มความกังวลให้กับประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายด้วยซ้ำ และไม่ได้กล่าวหานายกฯว่าจะลุแก่อำนาจใช้มาตรา44 เล่นงานใคร เพราะเห็นเล่นบทตบจูบตามอารมณ์อยู่กับสื่อมวลชนแล้วอดห่วงไม่ได้ หากพูดแบบเข้าใจรัฐบาลก็คือ ต้องการกฎหมายพิเศษไว้คุมสถานการณ์ โดยเสนอว่าหากลองดูกฎหมายที่ดีกรีน้อยกว่า แต่สาระชัดเจน อาทิ พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรืออะไรประมาณนี้ จะดีกว่าหรือไม่ เพราะถึงอย่างไร มาตรา44 ก็ยืนค้ำอยู่ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวอยู่แล้ว
ผลโพลคนพอใจ10 เดือน คสช
วันเดียวกันสำหรับ”สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ในโอกาสครบรอบ 10 เดือน คสช. เรื่อง”ผลการดำเนินงาน 10 เดือน ของ คสช.” จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,896 คน ระหว่างวันที่ 20-27 มี.ค. พบว่า ส่วนใหญ่พอใจการทำงานของ คสช. ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น ร้อยละ 55.85 ค่อนข้างพึงพอใจ , ร้อยละ 28.81 พึงพอใจมาก มีเพียง ร้อยละ 12.18 ไม่ค่อยพึงพอใจ และร้อยละ 3.16 ไม่พอใจเลย
ชอบตั้งใจปราบโกง-จี้แก้ปากท้อง
ทั้งนี้ พบว่าประชาชนร้อยละ82.44 เห็นว่า คสช.มีความตั้งใจในการทำงาน ปัญหาบางเรื่องก็แก้ไขได้รวดเร็ว แต่บางเรื่องก็ยังแก้ไม่ได้,ส่วนจุดเด่นของ คสช.ในการบริหารงานนั้น ร้อยละ 38.89 เห็นว่ามีความเด็ดขาด ตรงไปตรงมา กับอีก38.10 เห็นว่า สามารถปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นได้และร้อยละ23.01 กระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ , ขณะที่ ร้อยละ 64.74 มองว่า ประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ประชาชนมีความเป็นอยู่ลำบาก และ ร้อยละ 23.12 การปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องยาก เป็นปัญหาที่สะสมมานาน
และสิ่งที่ประชาชน อยากบอก คสช. มากที่สุดคือร้อยละ 53.07 แก้ปัญหาเรื่องสำคัญเร่งด่วน โดยเฉพาะของแพง ปากท้องประชาชน , ร้อยละ27.08 รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย นำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี