คสช.จ่อประกาศใช้‘ม.44’
บิ๊กตู่เมินต้าน
ลุยยำใหญ่กฎหมาย3ฉบับ
อัยการศึก-พรบ.มั่นคง-พรก.
‘วิษณุ’นัดแจงเนื้อหา31มี.ค.
บิ๊กป้อมยันคนดีไม่ต้องกลัว
ปิดทีวีแดง2สถานี7วันรวด
รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินหน้าเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกและเตรียมใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แม้มีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่าย เพราะเกรงทำให้นายกฯใช้อำนาจมากเกินไป พร้อมเสนอให้ใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ. 2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคง) และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) แทน
“บิ๊กป้อม”ว๊ากคนดีไม่ต้องกลัว
โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มีนาคมว่า ไม่น่าต้องมาสอนกัน เพราะกฎหมายที่นำมาใช้ เพื่อป้องกันคนคิดไม่ดีต่อประเทศเท่านั้น ดังนั้น คนดีไม่ต้องเป็นห่วง และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาทั้งพ.ร.บ.ความมั่นคงและพ.ร.ก.ฉุกเฉินเคยใช้มาแล้วเป็น 10 ปีแต่ก็ไม่ได้ผล เจ้าหน้าที่ทุกคนทราบกฎหมายดี และสุดท้ายนายกฯจะเป็นผู้ตัดสินใจ ตนเห็นว่าสื่อมวลชนไม่ควรตั้งคำถามเรื่องนี้อีก เพราะนายกฯตอบหลายครั้งแล้ว
ชี้ค่าเท่ากันใช้คุมสถานการณ์ได้
ส่วนกรณีมีการเปรียบเทียบระหว่างมาตรา 44 กับกฎอัยการศึกนั้น พล.อ.ประวิตรเห็นว่าทั้งมาตรา 44 และกฎอัยการศึกมีค่าเท่ากัน เพราะใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ โดยมาตรา44ยังคงเน้นเรื่องการควบคุมตัวตรวจค้นและออกหมายจับเช่นเดียวกับกฎอัยการศึก แต่กฎอัยการศึกอาจดูรุนแรงในสายตาต่างชาติ จึงพิจารณานำมาตรา44 ใช้ดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยแทน โดยอำนาจทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ ซึ่งทราบดีว่าควรทำอย่างไร
มท.1หนุนย้ำทำปท.สงบ
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ที่ผ่านมาใช้กฎอัยการศึก ชาวต่างชาติค่อนข้างกลัว แม้ยังไม่ได้ใช้เต็มรูปแบบ ดังนั้น นายกฯจะดำเนินการโดยอาจใช้กฎหมายอื่นที่เหมาะสมและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ ตนยังยืนยันและเห็นด้วยหากจะใช้กฎหมายอื่นแทนกฎอัยการศึก โดยต้องยึดเรื่องความมั่นคง ดูสถานการณ์ภาพรวมของบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าประเทศสงบเรียบร้อยก็ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองเป็นการให้อำนาจหัวหน้า คสช. มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ย้อนถามว่า แล้วจะเอาอย่างไร พอใช้กฎอัยการศึกก็ต่อว่า ฉะนั้นก็ใช้ที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ถ้าสงบไม่ต้องมีมาตรการอะไรเพิ่ม
นายกฯยันไม่ใช้อำนาจรุกรานใคร
วันเดียวกัน ที่กระทรวงคมนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้สัมภาษณ์ย้ำว่า จะใช้อำนาจมาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ ถึงแม้มาตราดังกล่าวจะให้อำนาจตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาลทำอะไรให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศชาตินี้ได้ทันที โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจทางสามแท่งคือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ตนก็ทำได้ ถ้าทำแล้วไม่เกินกว่าเหตุหรือสร้างสรรค์ ตนไม่มีความผิด จะออกคำสั่งตามอำนาจ คสช.หรือรัฐบาลก็ได้
“คนอย่างผมจะไปรุกรานหรือแกล้งใคร ผมไม่ทำ แต่มันจำเป็น เข้าใจหรือยัง อะไรก็ได้ มาตรา 47 ก็มี ผมยังไม่ใช้สักอัน ขอให้เข้าใจผมบ้าง ทำไมกลัวนักหนามาตรา 44 ทุกวันนี้ใช้กฎอัยการศึกหนักกว่ามาตรา 44 ยังไม่กลัวกันเลย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ย้อนถาม2รบ.ใช้กม.อื่นได้ผลหรือไม่
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง และพ.ร.ก.ฉุกเฉินแทน นายกฯกล่าวว่า ไปถามทั้งสองพรรคสองรัฐบาล 10 ปีที่ผ่านมาประกาศหรือเปล่า ทั้งพ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ก็ยังตีกันเหมือนเดิม ทั้งสองรัฐบาลโดนทั้งคู่ หากตนไปใช้แบบนี้แล้วจะเอาอยู่หรือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่มีอยู่อย่างจำกัดใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พูดไปร้อยครั้งแล้ว ใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ได้ใช้เพื่อสร้างความขัดแย้ง ใช้เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญ บ้านเมืองปลอดภัย ขอถามว่ายกเลิกกฎอัยการศึกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น การประท้วง แกนนำออกมาเคลื่อนไหว ท้าทายรัฐบาล ใช่หรือไม่ ไม่มีใครตอบ ตอบตนหน่อย
ปัดเจอแม้วที่สิงคโปร์
ถามถึงการไปร่วมพิธีศพนายลี กวนยู อดีตนายกฯสิงค์โปร์ได้พบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เจอ เขาคงจัดระเบียบ ไม่ใช่ใครเจอใครก็ได้ งานนี้เป็นงานศพ คงไม่มีใครไปคิดอย่างนั้น ต้องให้เกียรติเขา ตนไม่ต้องการพบใครอยู่แล้ว ถึงมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตนก็ไม่ให้เข้า ไม่ให้พบกับคนที่ไม่ควรพบอยู่แล้ว
“ผมจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง เขียนเรื่อยเปื่อย ไปหาว่ามีการติดต่อกัน ติดต่อใครละ ทางอากาศมั้ง หายใจร่วมกัน ปั๊ดโธ่”นายกฯกล่าว
ประกาศเลิกยัวะกลัวเส้นโลหิตแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ หลังประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงที่กระทรวงคมนาคมว่า ก่อนเริ่มการสัมภาษณ์นายกฯปรารภกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯว่า “เมื่อวาน (วันที่ 29 มีนาคม) ทำไมไม่ไปรับ เธอส่งใครไปรับฉัน “เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่าเป็นนักข่าวเหมือนกัน พล.อ.ประยุทธ์ก็หันมายิ้ม ก่อนพยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า “โอเคนะ ก็อย่างน้อยมีพวกเยอะหน่อย” ทั้งนี้ ตลอดการให้สัมภาษณ์และแถลงข่าวของนายกฯ ยังคงปกติมีน้ำเสียงดุดัน เสียงดังและมีอารมณ์โมโหบ้างบางช่วง โดยเฉพาะเมื่อถูกตั้งถามถึงเสียงวิจารณ์เรื่องเตรียมออกคำสั่ง คสช.เพื่อใช้มาตรา 44 แทนกฎอัยการศึก
นายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า มีเรื่องอะไรสื่อมักจะมาลงที่ตนคนเดียว ทั้งที่พยายามแก้ปัญหาทุกเรื่อง ประชุมก็นาน สั่งงานก็เยอะปวดท้องไปหมดแล้ว บางวันพูดคนเดียว ถามคนเดียว วันนี้ประชุมไป 3-4 ชั่วโมง พูดคนเดียว และบางครั้งให้สัมภาษณ์ ตนก็เผลอตัวเสียงดัง โมโหบ้างนิดหน่อย ตอนนี้เขาก็ห้ามโมโหบ่อย เดี๋ยวตายก่อน พวกสื่ออยู่ได้ เพราะถามแค่ประโยคเดียวแต่ตนตอบยาวเหยียด
เมื่อถามว่าใครเป็นคนเตือนไม่ให้โมโหและพูดน้อยๆ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมเตือนตัวผมเอง เพราะผมปวดหัวไง พูดแล้วโมโห ก็ปวดหัว เส้นโลหิตมันจะแตกเดี๋ยวตายก่อน ยอมรับว่าผมเป็นคนขี้โมโห แต่ตอนนี้ พยายามที่จะหยุดเพราะน้องๆน่ารักทุกคน”
ร่างม.44ถึงมือ“วิษณุ”จ่อแถลง31มีค.
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ดูข้อกฎหมายในการใช้มาตรา 44 แทนการใช้กฎอัยการศึกว่า ตนได้รับรายละเอียดเรื่องดังกล่าวเมื่อเช้านี้ ดูไปแล้วบ้างบางส่วน ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีการร่างคำสั่งไว้เอาล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุยอมรับว่า มีการผ่านขั้นตอนร่างเอาไว้บ้างแล้วบางส่วน ขอให้ตนดูอย่างละเอียดก่อนแล้วจะมาแถลงรายละเอียดทั้งหมดวันที่ 31 มีนาคม ตอนนี้ยังพูดไม่ถูก ไม่อยากให้หลุดเป็นข่าวไปเป็นท่อน เกรงจะเข้าใจผิด ส่วนต้องหารือกับฝ่ายปฎิบัติ เช่น ฝ่ายความมั่นคงหรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)หรือไม่ ทางนั้นคงหารือกันแล้ว พอมาถึงตนเป็นเพียงการดูในเชิงกฎหมายเท่านั้น
“ปณิธาน”ชี้เข้าโหมดซักซ้อมแล้ว
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารมว.กลาโหมเปิดเผยว่า การใช้มาตรา 44 แทนกฎอัยการศึกอยู่ระหว่างซักซ้อมข้อกำหนดแล้ว อะไรทำได้ ทำไม่ได้ เพราะภาพรวมมาตรา 44 กว้าง โดยเป็นการนำข้อดีของกฎหมาย 3 ฉบับคือ กฎอัยการศึก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ.2551 และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาพิจารณา ดูอะไรที่เป็นอุปสรรคในช่วงใช้ ปรับเปลี่ยนให้ยืดหยุ่น ยึดหลักควบคุมกลุ่มขบวนการต่างๆที่เคลื่อนไหวสร้างเงื่อนไข ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อเปิดพื้นที่ให้กลุ่มที่หวังดีแสดงความเห็นตรงไปตรงมาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น สร้างบรรยากาศการร่างรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปดีขึ้น ตามหลักการที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ โดยมาตรา 44 จะออกเป็นคำสั่งหรือประกาศ คสช.
“และถ้ายกเลิกกฎอัยการศึก หากบางประเทศบอกว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตยจะขอสงวนท่าทีก็ไม่ว่ากัน เข้าใจได้ แต่เมื่อพูดว่าต้องการให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะกระทบเศรษฐกิจ การลงทุน เมื่อยกเลิกแล้วก็รอดูปฏิกริยา”นายปณิธานกล่าว
สนช.หนุนใช้แก้ปัญหาตามโรดแมพ
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวในเรื่องนี้ว่า ถึงแม้มีกฎอัยการศึกบังคับใช้ แต่คสช.ก็มีสิทธิ์ใช้มาตรา44 ได้ ดังนั้น เจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของมาตรา 44 เป็นอำนาจพิเศษที่ให้อำนาจหัวหน้าคณะ คสช. แก้ปัญหาชาติตามโรดแมพคือ การปฏิรูปประเทศ สร้างปรองดองของคนในชาติ ทำประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งมาตรา 44 ไม่ใช่กฎหมายที่แทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ตรงข้ามมาตราดังกล่าวบังคับใช้เพื่อเสริมหรือใช้เชิงสร้างสรรค์ให้สำเร็จได้ตามโรดแมพที่วางไว้
มั่นใจหัวหน้าคสช.ไม่ลุอำนาจ
ส่วนหลักประกันการใช้มาตรา44 ของหัวหน้าคณะ คสช.นั้น ประธานสนช.กล่าวว่า อยู่ที่ตัวหัวหน้าคณะ คสช. ถ้าทำถูกต้องตามหลักกฎหมาย ตนเชื่อว่า มาตรา 44 จะเป็นประโยชน์ จากประสบการณ์ที่ผ่านมานายกฯและหัวหน้า คสช. ไม่เคยใช้อำนาจรุนแรงเมื่อเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ส่วนชาวต่างประเทศต้องอธิบายให้เข้าใจว่า กฎหมายใหม่ที่บังคับใช้ตามมาตรา 44 จะมีอำนาจน้อยกว่ากฎอัยการศึกในการข้องเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่ได้ครอบงำแทรกแซงอำนาจทั้งสามฝ่าย แต่ก็ต้องดูว่าจะเป็นอย่างไร
“เมื่อรัฐบาลยกเลิกการบังคับใช้กฎอัยการศึกแล้ว สิ่งที่เคยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วนั้น ก็ต้องอาศัยมาตรา 44 รองรับ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้ เชื่อว่ากลไกที่จะออกมานี้ มีลักษณะผ่อนปรนมากกว่ากฎอัยการศึก และผมเชื่อมั่นว่าคสช.จะใช้มาตรา 44 ในทางสร้างสรรค์ เพื่อแก้ปัญหาชาติและทำตามเป้าหมายตามโรดแมพ” นายพรเพชรกล่าว
พท.ติงม.44ดาบสองคม
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเห็นข้อเสนอแนะจากพรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์มีแนวคิดยกเลิกกฎอัยการศึกถือเป็นความตั้งใจดี แต่เป็นกังวลถ้าจะใช้มาตรา 44 แทน เพราะขอบข่ายอำนาจครอบจักรวาลเป็นเหมือนดาบ 2 คม ถ้าใช้ดีก็ดี แต่ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะเกิดผลเสียมากกว่ากฎอัยการศึกเสียอีก ฉะนั้น จึงอยากให้ลดระดับความเข้มของกฎหมายลงมาใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินแทน เชื่อว่าจะผ่อนคลายความตึงเครียด สร้างบรรยากาศที่ดี ถือเป็นการคืนความสุขให้ประชาชน ทั้งนี้ เมื่อลองใช้ไประยะหนึ่งแล้วถ้าพบว่าสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี ก็อาจพิจารณาลดระดับความเข้มของกฎหมายลงไปอีก แต่ถ้าเกิดเหตุรุนแรงไม่สงบอีก ก็ยังสามารถประกาศใช้กฎอัยการศึกได้ใหม่ทุกเมื่อ
สั่งปิดทีวีแดง2สถานี7วันรวด
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) มีมติ 4 ต่อ 1 สั่งพักใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีช ทีวี (PEACE TV) และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทีวี 24 เป็นเวลา 7 วัน หลังนำเสนอเนื้อหายั่วยุ ปลุกปั่น ขัดประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 ทั้งนี้ คณะกรรมการของ คสช.ส่งข้อมูลให้กสท. พิจารณาสั่งระงับการออกอากาศ ส่งผลให้ต้องระงับการออกอากาศ และแจ้งโครงข่ายดาวเทียมให้ทราบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2557 กสท.อนุญาตให้ช่องทีวีดาวเทียมที่ถูกคำสั่ง คสช. ระงับการออกอากาศตามประกาศฉบับที่ 15/2557 กลับมาออกอากาศได้อีก 7 สถานี ในจำนวนนี้รวมถึงพีช ทีวี หรือยูดีดี ทีวี เดิม และทีวี ยี่สิบสี่ หรือ เอเชีย อัปเดต เดิม โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องปรับเนื้อหาสาระ ผังรายการ ให้สอดคล้องและไม่กระทบประกาศ คสช. หลังออกอากาศไประยะหนึ่ง กสท.ได้เรียกผู้บริหารโทรทัศน์ดาวเทียม 4 ช่องคือ นิวส์วัน ฟ้าวันใหม่ พีซทีวีและทีนิวส์ มาตักเตือนการนำเสนอเนื้อหาไม่เหมาะสม ขัดเงื่อนไขตามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ที่ทำไว้กับกสทช.ในการขออนุญาตออกอากาศ
เช่นเดียวกับ สถานีโทรทัศน์พีชทีวี ซึ่งมีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ดำเนินรายการ เจ้าหน้าที่ กสทช.ได้เรียกนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ในฐานะผู้บริหารช่องพีชทีวีมาเตือน เนื่องจากเนื้อหาบางรายการ เช่น รายการมองไกล ค่อนข้างรุนแรง และสร้างความไม่เข้าใจกันต่อสถานการณ์บ้านเมือง ก่อนมีคำสั่งปิดชั่วคราว เป็นเวลา 7 วัน
ชี้เลิกอัยการศึกคงอำนาจศาลทหาร
นายวิษณุยังกล่าวถึงศาลทหาร ถ้ามีการประกาศกฎอัยการศึกว่า ถ้าให้ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกก็เลิกไป แต่ไม่ได้ยกเลิกประกาศ คสช. พลเรือนที่ทำผิดก็ต้องขึ้นศาลทหารอยู่ นี่คือสิ่งที่คนทำกฎหมายต้องเอามาคิด ว่า เลิกอันใดอันหนึ่ง หรือเลิกทั้งสองอัน ลำพังเลิกกฎอัยการศึกไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะยังมีประกาศ คสช.ที่ให้นำคนไปขึ้นศาลทหารในเวลาไม่ปกติอยู่อีก 3 ฉบับคือ ฉบับที่ 37 38 และ 50 ถ้าจะพูดให้ยกเลิกประกาศคสช. 3 ฉบับ ยังจะดูเข้าท่ากว่าเลิกกฎอัยการศึก เพราะกฎอัยการศึกมีผลกับทหาร ส่วนประกาศคสช.ฉบับดังกล่าวมีผลกับพลเรือน จึงต้องดูให้รอบคอบว่าเลิกอะไร และจะเยียวยาผลกระทบอย่างไร ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าใช้มาตรา 44 แล้วจะทำให้อันตรายรุนแรงหรือประหารชีวิต
ย้ำลดระดับจากหนักไปหาเบา
“เขาอุตส่าห์เลิกสิ่งที่แรงลงมาสู่สิ่งที่เบาก็ยังอุตส่าห์จินตนาการจะกลับไปหาว่ามันจะแรงกว่ากฎอัยการศึก”นายวิษณุ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพที่ออกมาจะอ่อนกว่ากฎอัยการศึกใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ฟังคำพูดตนไว้ เมื่อเรารู้สึกว่ากฎอัยการศึกแรง ไม่มีใครจะหนีไปหาสิ่งที่มันแรงกว่า ส่วนที่หลายฝ่ายมองมาตรา 44 ด้านลบ ก็ไม่ว่ากัน แต่เชื่อตนเถอะว่า สุจริตชนจะไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไรสักนิดเดียว ส่วนที่กังวลกันว่าจะซ้ำรอยมาตรา 17 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์นั้น เขาจะใช้อย่างนั้นก็ได้ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น
บิ๊กนปช.โวย-ดักคอแผนยุแดงป่วน
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. หนึ่งในผู้จัดรายการ ทางสถานี ทีวี24 กล่าวถึงมติ กสท.ให้ปิดพีซทีวีและทีวี24ว่า ไม่ทราบใครเสนอ แต่ถ้าไปดูทีวีช่องอื่น อย่าง เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน เสนอเนื้อหารุนแรงกว่าทีวีคนเสื้อแดงอีก ทำไมยังอยู่สบาย แล้วที่บอกจะเลิกกฎอัยการศึก แต่สั่งปิดทีวีคนเสื้อแดง คำพูดสวนทางกับการกระทำ จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถูกมองว่าคุกคามสื่อ มีภาพเผด็จการขึ้นไปอีก ทำให้เมืองไทยดูแย่ คนเป็นเดือดเป็นแค้นมากขึ้น อนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่รู้
“ถามว่าทำไมต้องเป็นทีวีเสื้อแดง เราก็ออกข่าวทั่วไป ไม่ได้ยั่วยุ ปิดทีวีเสื้อแดง คสช.อยากทำอะไรสักอย่างหรือไม่ หรือต้องการยั่วยุให้คนเสื้อแดงออกมา โดยวางแผนอะไรไว้หรือไม่”นพ.เชิดชัยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี