ก.ศป.สั่งพักราชการ'หัสวุฒิ' ตั้ง'ปิยะ'เข้าปฏิบัติหน้าที่แทน
วันอังคาร ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558, 15.54 น.
Tag :
31 มี.ค. 58 สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ที่มีคำสั่งที่ 8/2558 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2558 เรื่อง ให้พักราชการนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ลงนามโดยนายชาญชัย แสวงศักดิ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่ 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง ซึ่งมีเนื้อความดังนี้ ตามที่ ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ 170-5/2557 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 ได้พิจารณากรณีที่ตุลาการศาลปกครองได้เข้าชื่อกันเพื่อให้ ก.ศป.ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่านายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้จัดทำหนังสือจำนวน 2 ฉบับ ถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามลำดับ โดยอ้างว่า
นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด มีความประสงค์ที่จะสนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รอง ผกก.ป.สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นเพื่อนกับหลานชายให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้กำกับการ
โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า หากเป็นความจริงดังที่นายดิเรกฤทธิ์ ได้กล่าวอ้างไว้ในหนังสือทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว กรณีอาจเข้าข่ายตามที่กำหนดในข้อ 3(1) แห่งระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ.2544 สมควรสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่า มีมูลความจริงดังที่นายดิเรกฤทธิ์ ได้กล่าวอ้างไว้ในหนังสือทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวหรือไม่ จึงมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย นายนพดล เฮงเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานกรรมการ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม และนายวราวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงต่อ ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ 181-2/2558 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 ซึ่ง ก.ศป. ได้มีมติรับทราบ และมอบหมายให้สำนักงานศาลปกครองในฐานะฝ่ายเลขานุการ ก.ศป. ขอข้อมูลเพิ่มเติม
หลังจากนั้น ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ 182-3/2558 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 ได้พิจารณารายงานผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานศาลปกครองได้นำเสนอต่อ ก.ศป.แล้ว ก.ศป.เสียงข้างมากเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฝ่ายข้างมาก โดยเห็นว่าเป็นกรณีมีมูลที่อาจเข้าข่ายตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3(1) แห่งระเบียบ ก.ศป.ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครอง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ.2544 และถึงขั้นที่จะให้ตุลาการศาลปกครองผู้นั้นพ้นจากตำแหน่ง จึงมีมติให้ดำเนินการตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ข้อ 5 วรรคสอง และข้อ 6 วรรคหนึ่ง (4) แห่งระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ.2544 และได้มีคำสั่ง ก.ศป. ลับ ที่ 9/2558 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2558 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว
ต่อมา ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ 184-5/2558 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 เสียงข้างมากเห็นว่าปรากฏพยานหลักฐานเป็นที่ชัดแจ้งว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีอำนาจหน้าที่บริหารงานของศาลปกครองและพิจารณาพิพากษาอรรถคดี การให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนเสื่อมความเชื่อถือและศรัทธา รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของศาลปกครองซึ่งเป็นองค์กรตุลาการ การให้นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจึงเป็นการเสียหายแก่ราชการ จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 24 วรรคสาม แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ก.ศป. จึงมีมติให้พักราชการนายหัสวุฒิ ตุลาการศาลปกครองผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่า ก.ศป. จะพิจารณากรณีที่นายหัสวุฒิ ถูกกล่าวหาแล้วเสร็จ
หากนายหัสวุฒิ ประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองกลาง หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองกลาง ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนี้ อนึ่ง ก.ศป. มีมติให้ นายปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลปกครองสูงสุด ในระหว่างที่นายหัสวุฒิ ถูกสั่งพักราชการ