วิจารณ์แซ่ดโค่น'หัสวุฒิ'เปลี่ยนขั้ว พบถูกตั้งกก.สอบอีกหลายคดี
วันอังคาร ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558, 20.36 น.
Tag :
31 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติพักราชการนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด กรณี "จดหมายน้อย" เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ในวันนี้ไม่พบนายหัสวุฒิ เดินทางเข้ามาที่สำนักงานศาลปกครองแต่อย่างใด และทางผู้บริหารก็ยังไม่มีการเรียกประชุมข้าราชการศาลปกครองเพื่อชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น ในส่วนนายหัสวุฒิ จากนี้จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ที่มีนายชาญชัย แสวงศักดิ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่ 2 เป็นประธานและมีผู้แทนจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ร่วมเป็นกรรมการ โดยจะใช้เวลาสอบสวน 60 วัน ซึ่งนายหัสวุฒิ สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่ ก.ศป.มีคำสั่งพักราชการ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวให้ความเห็นว่า ระหว่างการสอบสวนหากนายหัสวุฒิ ลาออกจากตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเกษียณอายุ ก็ไม่เป็นผลให้การสอบสวนยุติลง ส่วนผลการสอบสวนสามารถออกมาได้ 2 แนวทางคือ ถ้าไม่ผิดก็ถือว่าจบสิ้นการพิจารณาสามารถกลับมาเป็นประธานได้เช่นเดิม แต่ถ้าผิดก็ต้องพิจารณาโทษว่ามีความร้ายแรงแค่ไหน ถึงขั้นไล่ออกจากราชการหรือให้ออก ซึ่งก็จะกระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ
ทั้งนี้นายหัสวุฒิ ไม่ได้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยคดีจดหมายน้อยเพียงเรื่องเดียว โดยก่อนหน้านั้น ก.ศป. ได้มีมติสั่งให้มีตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีมีการร้องเรียนพฤติกรรมของนายหัสวุฒิ ในหลายกรณี ทั้งความไม่โปร่งใสในการเบิกค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปเป็นประธานพิธีอัญเชิญยอดฉัตรทองคำลูกแก้วมงคลนิมิต ประดิษฐานบนพระธาตุเจ้าจอมล้านนา วัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นภารกิจส่วนตัว ในช่วงเวลาเดียวกับที่อ้างว่าไปปฏิบัติราชการที่ศาลปกครองพิษณุโลก กรณีถูกกล่าวหาว่ามีความสนิทสนมกับ นางวรรณี ลิทองกุล แม่เลี้ยงคนดังลำปาง ที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท วีพีเอ็นคอนเล็คชั่น จำกัด ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี ในคดีที่ชาวบ้านในจังหวัดลำปางยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ขอให้ยุติการก่อสร้างโครงการกำจัดขยะแบบครบวงจรมูลค่า 695 ล้านบาท และกรณีเป็นองค์คณะพิจารณาคดีที่บุตรสาวตนเองเป็นทนายให้กับคู่ความโดยไม่ยอมถอนตัว ซึ่งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงยังดำเนินการสอบสวนอยู่ หากแล้วเสร็จและเสนอให้ ก.ศป. พิจารณาว่ามีมูลที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปมคดีจดหมายน้อย หรือการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายหัสวุฒินั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความพยายามที่จะโค่นล้มประธานศาลปกครองสูงสุด และต้องการเปลี่ยนขั้วอำนาจภายในศาลปกครอง โดยมีการขยายให้เป็นประเด็นใหญ่ นำปมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเรื่องต่างๆ มาเป็นส่วนเสริม แล้วตั้งเป็นประเด็นเรื่องที่อาจทำให้สังคมเกิดความไม่เชื่อมั่นในศาลปกครอง เข้ามากดดันภายในองค์กรศาล
เรื่องความขัดแย้งภายในศาลเป็นคลื่นใต้น้ำมีมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการก่อตั้งศาลปกครอง ที่ในขณะนั้นมีนายอักขราทร จุฬารัตน เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด และนายโภคิน พลกุล เป็นรองประธาน โดยมีการวางตัวไว้ให้นายโภคิน ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดต่อจากนายอักขราทร ทำให้มีการวางสายเพื่อสืบทอดอำนาจไว้ แต่เมื่อนายโภคิน ลาออกไปลงเล่นการเมือง ก็ยังมีกระแสข่าวที่ว่ากันว่า การวางสายของกลุ่มตุลาการที่เรียกกันว่า "สายโภคิน" ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
ประกอบกับที่มาของตุลาการศาลปกครอง ที่กฎหมายกำหนดให้มีที่มาค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งปัจจุบัน ผู้ที่ดำรงตำแหน่งตุลาการส่วนใหญ่ก็เคยเป็น อัยการ ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม ข้าราชการระดับสูงของหน่วยราชการต่างๆ และนักวิชาการมหาวิทยาลัย เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งตุลาการ ก็ได้มีการรวมตัวกัน และเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการ โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกจับตามองว่าเป็นความพยายามที่จะผลักดันนายชาญชัย แสวงศักดิ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่สอง ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ต่อจากนายหัสวุฒิ ในขณะที่นายปิยะ ปะตังทา รองประธานสูงสุดคนที่หนึ่งมีอาวุโสมากกว่า