1 เม.ย.58 หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกาศใช้กฎอัยการศึก ตั้งแต่เกิดวิฤตประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจหน้าที่เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน ในการระงับปราบปรามหรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และศาลทหารก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาบางอย่างที่ประกาศระบุไว้แทนศาลพลเรือน
จนกระทั่งอีก 2 วันต่อมา คณะ คสช. เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการของ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
แม้ในช่วงแรก ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในฐานะประชาชนเจ้าของประเทศ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบได้อย่างรวดเร็ว แต่ภายหลังการรัฐประหาร และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งมีการจัดตั้งรัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อย่างเป็นทางการ หลายฝ่ายได้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ นายกรัฐมนตรี ได้ยกเลิกกฎอัยการศึก ดังที่หลายฝ่ายเรียกร้อง แต่ได้ประกาศใช้ มาตรา 44 เข้ามาบังคับใช้แทน
สำหรับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 44 บัญญัติไว้ว่า
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 44 บัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอำนาจสั่งการระงับยับยั้ง หรือกระทำการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งหรือการกระทำ หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
จากข้อความข้างต้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด ถึงอำนาจขอบเขต คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ได้ดังนี้
- ให้ทหารเข้าไปปฏิบัติงาน และร่วมสอบสวนผู้ต้องหาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- ให้มีศาลทหาร 3 ศาล
- ควบคุมตัวต้องสงสัยได้ภายใน 7 วัน เท่ากับกฎอัยการศึก
- หากควบคุมตัว และสอบสวนแบบไม่มีความผิด สามารถปล่อยตัวได้ทันที ยกเว้นมีอาวุธสงคราม
จะเห็นได้ว่า มาตรา 44 ได้ให้อำนาจกับหัวหน้า คสช. ได้กระทำการใดๆได้เหนือกว่าฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และเป็นคำสั่งที่เป็นผลที่สุด โดยไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย
นับจากนี้ไป กลุ่มคนออกมาต่อต้าน จะมีปฎิกริยากับ มาตรา44 นี้อย่างไร จะเข้าข่าย 'กบเลือกนาย'หรือไม่!!! โปรดจับตาอย่าให้กระพริบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี