กมธ.ยอมรื้อที่มา200สว.
อึ้ง!สูตรใหม่
3ปีจับสลากออก‘35คน’
ใช้แบบผสมเลือกตั้ง-ลากตั้ง
อดีตปลัด-กองทัพยึด20ที่นั่ง
โหวตนายกฯคนนอก2ใน3
ถกแม่น้ำ5สายอีกรอบ7เมย.
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ฯ เป็นประธาน ได้พิจารณาทบทวนในหลักการ 2 ประเด็นสำคัญ คือ ที่มานายกรัฐมนตรี และที่มาสมาชิกวุฒิสภา (สว.)หลังการประชุม พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯแถลงว่า ที่มานายกฯนั้นที่ประชุมมีมติให้เพิ่มประโยคที่ว่า กรณีที่บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ต้องได้รับคะแนนเสียงลงมติไม่น้อยกว่า 2ใน3ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นไปตามที่มีผู้เสนอว่าบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาเป็นนายกฯต้องผ่านการยอมรับจากสส.ในสภาด้วยเสียงที่มากกว่านายกฯ ที่เป็นสส.
นอกจากนั้นได้เพิ่มเติมบทบัญญัติขึ้นใหม่กรณีที่สส.ได้รับเลือกและแต่งตั้งเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ต้องลาออกจากการเป็นสส.นั้นด้วย เพื่อให้เป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการจำกัดวาระของนายกฯ ที่ไม่เป็น ส.ส.และกำหนดเงื่อนไขให้นายกฯ คนนอกต้องมาช่วงวิกฤตนั้นที่ประชุมไม่ได้บัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการให้เป็นการใช้ดุลยพินิจและตัดสินใจร่วมกันของสส.ในสภาฯ
ชิงสว.77จว.ต้องผ่านกก.คัดตัว
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่มา สว.ตามมาตรา121 ที่ประชุมได้ปรับแก้ไขที่มา สว.โดยกำหนดให้ สว.มี 200 คน มาจาก 3กลุ่ม ดังนี้1.มาจากการเลือกตั้ง 77จังหวัด จังหวัดละ 1คน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อมาตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครในแต่ละด้านและคัดให้เหลือผู้สมัคร 10คน จาก 10ด้าน เพื่อให้ประชาชนเลือกตั้งเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน โดยรายละเอียดคณะกรรมการและคุณสมบัติของผู้สมัครจะบัญญัติในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาในสัปดาห์หน้า
2.มาจากการเลือกตั้งกันเอง 65 คน คืออดีตข้าราชการพลเรือน ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารจำนวนไม่เกิน 10คน ข้าราชการฝ่ายทหารที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือผู้บัญชาการเหล่าทัพที่เลือกตั้งกันเองในแต่ละประเภทจำนวนไม่เกิน 10 คน ผู้แทนสภาวิชาชีพ องค์กรวิชาชีพ หรืออาชีพที่มีกฎหมายจัดตั้งไม่เกิน 15 คนและจากการเลือกตั้งกันเองของผู้แทนองค์กรด้านเกษตร ด้านแรงงานด้านวิชาการ ด้านชุมชนและท้องถิ่น จำนวนไม่เกิน 30 คน
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวอีกว่า 3.การสรรหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 58คน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมด้านการเมือง ความมั่นคงการบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมการปกครองท้องถิ่น การศึกษา การสาธารณสุข การเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผังเมืองทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคม ชาติพันธุ์ ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม คุ้มครองผุ้บริโภค ด้านเด็กและเยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ และด้านอื่นๆโดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเช่นกัน
วาระ6ปี-3ปีจับสลากออก35คน
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนวาระการดำรงตำแหน่ง สว.อยู่ได้ถึง 6ปี แต่ใน 3ปีแรกจะให้พ้นจากตำแหน่ง 100คน โดยไม่เกี่ยวกับ สว.เลือกตั้ง 77คน รวมถึงกลุ่ม สว.จากการเลือกตั้งกันเอง 65คน ให้พ้นจากตำแหน่งทั้งหมดเช่นกัน ขณะที่ สว.จากการสรรหา 58คนนั้น จะใช้วิธีจับสลากออกจากตำแหน่ง 35คน รวมเป็น 100คน แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ที่พ้นจากตำแหน่งสามารถกลับมาใช้สิทธิลงสมัครเป็น สว.ได้อีก โดยจะอยู่ในวาระ 6ปี เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ที่แท้สนองความต้องการบิ๊กตู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนที่มา ส.ว ซึ่งบัญญัติในมาตรา 121 นั้นได้มีการแก้ไขจากร่างมาตราเดิม โดยตัดส่วน สว.ที่มาจากการเลือกกันเองของผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ ประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกา จำนวน 10 คนออก เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ไปทบทวนที่มาของส.ว.ดังกล่าว
กมธ.พร้อมงดจ้อรธน.รายวัน
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประสานกับกมธ.ยกร่างฯเพื่อให้งดให้สัมภาษณ์เพื่อป้องความสับสนในร่างรัฐธรรมนุญ ว่า เรื่องนี้กมธ.ยกร่างฯยังไม่ได้หารือกันว่า จะวางแนวทางสื่อสารต่อสาธารณะอย่างไร ต้องรอให้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯได้พบกับ นายวิษณุ อย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีการนัดหมายกันเมื่อใด ซึ่งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ให้สมาชิก กมธ.ยกร่างฯให้สัมภาษณ์ไม่เป็นการก้าวก่ายการทำงาน เพราะทุกอย่างแลกเปลี่ยนกันได้ด้วยเหตุผล
ทำโพลล์ไม่ถามลึกรายมาตรา
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้เปลี่ยนรูปแบบการสอบถามความเห็นประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จากการนำประเด็นในร่างรัฐธรรมนูญไปทำประชาพิจารณ์ ให้เปลี่ยนเป็นถามประชาชนว่า ต้องการมีอะไรในรัฐธรรมนูญแทนนั้น หลังทราบข่าว กมธ.ยกร่างฯได้หารือกันในเรื่องนี้และเห็นว่า นายบวรศักดิ์ ต้องไปทำความเข้าใจกับ นายวิษณุซึ่งเป็นตัวแทนนายกฯ เนื่องจากคำว่าประชาพิจารณ์อาจตีความหมายที่แตกต่างกัน เมื่อทำความเข้าใจกันแล้วก็น่าจะสามารถปรับเข้าหากันได้ แต่ในส่วนที่มีการวางแนวทางไว้ให้ นางถวิลวดี บุรีกุล กมธ.ยกร่างฯในฐานะประธานอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นของประชาชน ทำข้อเสนอแนะต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำประชาพิจารณ์นั้น ยังไม่ระงับแต่อย่างใด
เร่งประสานทำความเข้าใจรบ.
แหล่งข่าวจาก กมธ.ยกร่างฯเปิดเผยว่า กมธ.ยกร่างฯ ได้ประสานงานกับคณะทำงานของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าใจถึงการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนของคณะกมธ.ยกร่างฯแล้ว จึงทำให้การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน ที่ จ.เชียงใหม่ ยังดำเนินการได้ตามปกติ แต่จะไม่เผยแพร่ตัวร่างที่บทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราเพื่อไม่ให้ความเข้าใจผิด โดย กมธ.ยกร่างฯจะเน้นนำเสนอเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญผ่านการอธิบายเจตนารมณ์ของการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทน
สปช.นัดซ้อมชำแหละ9เม.ย.
วันเดียวกัน มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระ ประธานได้แจ้งให้สมาชิกรับทราบกำหนดการสัมมนา สปช.ในวันที่ 9เมษายน ภายในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ระหว่าง 20-26เมษายน ที่กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญจะเสนอมา โดยจะเชิญกรรมาธิการยกร่างมาชี้แจง และให้ข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่สมาชิก สปช.จะร่วมกันอภิปราย
ถกแม่น้ำ5สายอีกรอบ7เมษาฯ
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) เปิดเผยว่า วันที่ 7เมษายน จะประชุมร่วมแม่น้ำ 5สาย คือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และกมธ.ยกร่างฯที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นการรายงานความคืบหน้าการทำงานของแม่น้ำแต่ละสายและการรายงานของ กมธ.ยกร่างฯที่จะรายงานร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่เสร็จแล้ว 100เปอร์เซ็นต์ให้ที่ประชุมรับทราบ ขณะเดียวกันเรื่องการปฏิรูป 18ด้าน กรอบวิสัยทัศน์ หรือblue printมีความคืบหน้าเข้าสู่โรดแมประยะที่3 โดยเราผ่านช่วงวางแนวทางหลัก วิสัยทัศน์และเป้าหมายแล้ว รวมถึงการออกแบบกลไกวิธีการในการปฏิรูปแต่ละด้านมีความคืบหน้าไปมากแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี