'วันชัย'เชื่อหมวดการเมืองเข้มข้น 'เทียนฉาย'สั่งคุมความปลอดภัย
วันศุกร์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558, 13.28 น.
Tag :
17 เม.ย. 58 ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ และนายไพโรจน์ พรหมสาส์น ประธานคณะกรรมมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ สปช. ร่วมกันแถลงข่าวถึงการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของสมาชิก สปช. ระหว่างวันที่ 20 - 26 เมษายนนี้ โดยนายอลงกรณ์แถลงว่า ทางคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามมาตรา 34 วรรค 1 และมาตรา 36 วรรค 1 และส่งให้ คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมาตรา 36 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก่นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ในเวลา 7.49 น. โดยจะมีการมอบให้สมาชิกไปศึกษาพิจารณาภายในวันนี้ เพื่อจะได้อภิปรายในช่วงเวลาดังกล่าว จากนั้นจะมีการจัดทำคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน จึงหวังว่าประชาชนจะมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็น ทั้งในชั้นการยกร่างและช่วงที่มีการเสนอคำขอแก้ไขเพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปของประชาชน โดยสามารถเสนอความเห็นมายัง สปช.ได้ทุกช่องทาง
นายวันชัย แถลงชี้แจงถึงรูปแบบการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญระหว่างวันที่ 20-26 เมษายนนี้ว่า ทางประธาน สปช.เตรียมสั่งการและมีความพร้อมในการที่จะพิจารณาตลอดจนให้ข้อเสนอแนะหรือให้ความเห็นของ สปช.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 36 เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้การประชุมดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดกรอบอภิปรายได้ข้อสรุปว่า มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการอภิปรายใหม่เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามอย่างเป็นระบบตามภาค ตามหมวด ตามมาตราอย่างต่อเนื่อง คือ ให้ประธานคณะกรรมาธิการฯแต่ละคณะ อภิปรายคนละ 30 นาที โดยสมาชิกที่เหลือทุกคนอภิปรายได้ประมาณ 15 นาที แต่ถ้ามีสมาชิกแจ้งความจำนงน้อยกว่า 208 คน ก็อาจได้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 20 นาที ทั้งนี้ผู้จะอภิปรายให้แจ้งความจำนงจนถึงก่อนเวลา 9.00 น. ของวันที่ 20 เมษายน โดยระบุให้ชัดเจนว่าจะอภิปรายมาตราใดเกี่ยวกับเรื่องใด จากนั้นประธาน สปช.จะนำรายชื่อมาจัดหมวดหมู่อภิปราย และจับสลากว่าใครจะอภิปรายก่อนหลัง โดยจะประกาศให้ทราบก่อนวันที่ 20 เมษายน ซึ่งจะทำให้การอภิปรายครบถ้วนรอบด้านตามความต้องการของสมาชิกส่วนใหญ่ อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการติดตามของประชาชนด้วย ทั้งนี้สมาชิกสภาปฏิรูปทุกคนตั้งใจรับรัฐธรรมนูญช่วง 13.00 น. ด้วยตัวเอง และหลายคณะเตรียมการประชุมภาคบ่ายรวมถึงวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย หมายความว่ามีความตื่นตัว กระตือรือร้นในการตรวจสอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก ปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เพราะตระหนักถึงความรับผิดชอบให้รัฐธรรมนูญออกมาดีที่สุด เป็นประโยชน์และแก้ปัญหาชาติให้ได้มากที่สุด
“เชื่อว่าหมวดการเมืองจะใช้เวลามากที่สุดเพราะสมาชิกให้ความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับที่มาส.ส. ส.ว. นายกรัฐมนตรี รวมทั้งระบบการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่สมาชิกจะวิจารณ์ให้ข้อสังเกตกันมาก” นายวันชัยกล่าว
หลังจากนั้น นายอลงกรณ์ ระบุว่า การปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ได้ทำให้เวลาภาพรวมเปลี่ยนแปลงไป การพิจารณากำหนด 7 วัน 7 คืน รวม 79 ชั่วโมง แต่เวลาของสมาชิกได้เพิ่มขึ้น ส่วนกรรมาธิการยกร่างฯมีเวลา 15 ชั่วโมงเช่นเดิมในการชี้แจงตอบข้อซักถาม โดยจะมีการถ่ายทอดสดทีวี-วิทยุรัฐสภาและขอความร่วมมือทีวีของรัฐ ส่วนเอกชนสามารถเกี่ยวสัญญาณได้ ซึ่งการพิจารณาจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่จ้องถล่มหรือชำแหละเนื่องจากไม่ใช่สภาการเมืองแต่เป็นสภาวิชาการที่เคารพความเห็นต่าง เปิดโอกาสให้ทุกคนเสนอคำขอแก้ไขได้ โดยกรรมาธิการยกร่างฯเตรียมให้ชี้แจงซึ่งเป็นการทำงานอย่างเป็นระบบ เปิดเผย โปร่งใส นอกจากนี้ ประเด็นที่อภิปรายมากอีกส่วนหนึ่งคือ ภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง โดยมองสองมิติคือ 1 การพิจารณาในฐานะเป็นกฎหมายสูงสุด และ 2 ในเรื่องการปฏิรูปประเทศ ดังนั้น สปช.ซึ่งมีภารกิจสองด้านในการจัดทำแผนแม่บทปฏิรูปและรัฐธรรมนูญจึงต้องพิจารณาแบบคู่ขนาน
“สำหรับเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบต่อการเดินหน้าตามโร๊ดแมปซึ่งเป็นเงื่อนเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อนำประชาธิปไตยกลับมาโดยเร็ว จะไม่หวั่นไหวไม่ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ ก็ตาม ขอเรียกร้องทุกกลุ่มทุกฝ่ายให้หยุดยั้งการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ เพราะไม่ประสงค์ที่จะเห็นความล่าช้าในการเดินหน้าประเทศตามโร๊ดแมปที่เดินมาครึ่งทางแล้ว จึงต้องการบรรยากาศสงบ สันติ กลุ่มการเมืองพรรคการเมืองปรับเปลี่ยนมุมมองทัศนคติในเชิงสร้างสรรค์ ก้าวข้ามอดีตและความขัดแย้ง โดยหลังเกิดเหตุวางระเบิดสยามพารากอน ประธาน สปช.ได้สั่งการให้เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ คสช. มีคำสั่งตั้งคณะทำงานประสานงานในการรวบรวมความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและรัฐธรรมนูญจากการเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาแลกเปลี่ยนความเห็นนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะลอกจากต่างประเทศแต่เป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ ทำให้มีมุมมองหลากหลายในการแก้วิกฤตของประเทศอื่น ๆ โดย สปช.มีความเป็นอิสระไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง และไม่มีการครอบงำใด ๆ จากรัฐบาล ทั้งนี้อยากให้แยกเรื่องการเชิญผู้เชียวชาญต่างประเทศมาดูร่างรัฐธรรมนูญแต่กลับไม่มีความชัดเจนว่าจะทำประชามติเพื่อให้คนไทยได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วนออกจากกัน เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ใช่ว่าจะฟังคนต่างชาติมากกว่าคนไทย
“หวังว่าจะได้รับการยอมรับและมีความเข้าใจต่อร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้น ทั้งจากของคนไทยและต่างประเทศ ส่วนร่างดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบของ สปช.หรือไม่ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ ต้องรอวันที่ 6 สิงหาคม 2558 ก่อน เพราะสปช.เป็นอิสระ อีกทั้งยังต้องดูความยืดหยุ่นของกรรมาธิการยกร่างฯด้วยว่าจะมีการรับฟังคำขอแปรญัตติมากน้อยแค่ไหน" นายอลงกรณ์กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ พรหมสาส์น ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ สปช. กล่าวว่า มีการรายงานสมาชิกทุกระยะ ได้จัดทำเอกสารแจกในวันที่ 20 เปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี 50 และปี 58 เพื่อเป็นข้อสังเกตเพิ่มเติมและทำดัชนีค้นเรื่องท้ายเล่มสามารถค้นข้อมูลได้ง่ายขึ้น