เปิดฉากซักฟอกรธน.
ส่อเค้าเดือด
สปช.ดุ!สับไม่ไว้หน้า
“สมบัติ”ซัดถอยหลังลงคลอง
ขอเพิ่มเวลายำ-ล่าชื่อแปรญัตติ
กมธ.ยกร่างฯรู้ตัวถล่มหนักแน่
เมื่อวันที่ 19เมษายน ที่อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ส่งมอบให้ สปช.พิจารณาเป็นร่างแรกในระหว่างวันที่ 20-26 เมษายนนี้
โดย นายสมบัติ กล่าวก่อนประชุม กมธ.ยกร่างฯว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หลังจากกมธ.ยกร่างฯส่งมอบมาให้ และหลังพิจารณาโดยภาพรวมแล้วตนเห็นว่า มีโครงสร้างคล้ายรัฐธรรมนูญฉบับปี2540 แต่ กมธ.ยกร่างฯ เอาหลักแบ่งแยกอำนาจระบบประธานาธิบดีมาใช้คือกำหนดให้ ส.ส.เป็นนายกฯ และรัฐมนตรี ไม่ได้ในเวลาเดียวกัน
ยำเลือกตั้งเยอรมันโมเดล
ประเด็นที่เรายังวิตกกังวลคือระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ที่ไม่ต้องการให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งจนเกินไป หากดูประสบการณ์ของประเทศเยอรมนี ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมได้ผลดีมาก เพราะทำให้ได้รัฐบาลผสมที่เข้มแข็ง เพราะนักการเมือง และพรรคการเมืองของเขามีมาตรฐานสูงและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ถล่มยับถอยหลังเข้าคลอง
“แต่สำหรับประเทศไทยมีประสบการณ์เรื่องรัฐบาลผสมมาแล้ว ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เลวร้าย เต็มไปด้วยการฮั้วกัน ทำให้คนเป็นนายกฯ ไม่มีเอกภาพในการบริหารประเทศ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าพรรคเล็กเรียกผลประโยชน์และขู่ถอนตัวจากรัฐบาล เท่านี้ประเทศก็ยุ่งแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคยเห็นมาแล้ว หากจะนำกลับมาใช้อีก ผมมองว่าไม่ใช่การปฏิรูป แต่ถอยหลังมากกว่า”นายสมบัติ กล่าว
ชี้หนักสุดให้ตั้งกลุ่มการเมือง
และที่หนักมากไปอีกคือการอนุญาตให้มีกลุ่มการเมืองซึ่งจะทำให้กลุ่มการเมืองขนาดเล็ก เข้ามามีบทบาทมากขึ้นหลายคนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองก่อนปี 40 จะรู้ว่าเป็นอย่างไร ตนตรวจสอบดูแล้วไม่มีประเทศกำลังพัฒนาประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยการขับเคลื่อนของรัฐบาลผสม ส่วนที่กำหนดให้ส.ส.เสนอกฎหมายการเงินได้ต้องให้นายกฯรับรองนั้นทำให้บทบาทของส.ส.มีน้อยลง ควรให้ส.ส.มีอำนาจออกกฎหมายได้ทุกประเภทมากกว่ารวมทั้งกฎหมายการเงิน
ทำให้การถอดถอนยากกว่าเดิม
"อีกประเด็นที่เห็นว่าใช้ไม่ได้ผลคือเรื่องการถอดถอนตามมาตรา 254 ที่กำหนดให้รัฐสภามีอำนาจในการถอดถอน โดยใช้เสียง 3 ใน 5 คือ 60 % จะทำให้การถอดถอนทำได้ยากกว่าเดิม ขนาดที่ผ่านมาให้เฉพาะ ส.ว.มีหน้าที่ถอดถอน ยังไม่เคยทำสำเร็จ เมื่อนำ ส.ส.มารวมด้วยคงสำเร็จยาก"นายสมบัติ กล่าวพร้อมขอให้กมธ.ยกร่างรับฟังข้อเสนอของสปช.เพื่อนำไปพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ
สปช.โวยให้เวลาน้อยเกินไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยกาศในที่ประชุมนุ้น กมธ.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับกรอบเวลาในอภิปรายของ กมธ.เพราะลดเวลาจากเดิมไปมาก โดยนายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธาน กมธ. เห็นว่าไม่เพียงพอต่อการชี้แจงได้อย่างละเอียด ซึ่งตนจะนำประเด็นนี้เข้าสู่การหารือในที่ประชุม สปช.วันที่ 20 เม.ย. นี้ เพื่อให้พิจารณาและปรับเวลาให้เหมาะสมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการให้ความรู้แก่ประชาชน
ขอเพิ่มเวลาปธ.กมธ.1ชั่วโมง
ทั้งนี้ที่ประชุมส่วนใหญ่ได้เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอให้มีการปรับเวลา เนื่องจากเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมีทั้งหมด 315 มาตรา โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองทั้งสิ้น 141 มาตรา ถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง ดังนั้นการให้เวลาที่เฉลี่ยเท่ากับประเด็นอื่น ถือว่าไม่เหมาะสม โดยอย่างน้อยควรให้สิทธิประธานกมธ.ปฏิรูปการเมืองได้อภิปรายประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และให้สมาชิกใน กมธ.อีก 5 คน ร่วมอภิปรายอีกคนละ 25 นาที
ยื่นหนังสือขอยืดเวลาซักฟอก
ด้านนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวภายหลังการประชุมว่า เช้าวันที่ 20 เมษายนก่อนการประชุม เพื่ออภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ จะยื่นหนังสือถึงนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.เพื่อขอให้ยืดหยุ่นเรื่องเวลาการอภิปราย โดยให้เพิ่มในส่วนของประธาน กมธ.เป็น 45 นาที รวมทั้งสมาชิก สปช.อยากให้เพิ่มจากเดิมที่ได้ 15.8 นาที
ล่าชื่อแปรญัตติกดดันกมธ.
สำหรับกรอบการอภิปราย ตนในฐานะประธานฯ จะอภิปรายในภาพรวม และกรอบที่ได้ปรึกษาหารือในกมธ.ส่วนสมาชิกจะให้อิสระในการอภิปราย “ในการแปรญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ได้ให้ กมธ.ไปพูดคุยกับสมาชิก สปช.เพื่อขอให้มาร่วมลงชื่อ เนื่องจากลำพังใช้เสียงในกมธ.เพียงชุดเดียว คงไม่พอเพื่อจะได้เสนอแก้ไขในประเด็นต่าง ๆทั้งนี้การเขียนรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นพลวัตไม่ใช่เขียนใช้แค่วันนี้แต่ต้องดูอนาคต ซึ่งจะต้องมีความยืดหยุ่น ไม่ใส่รายละเอียดที่ผูกมัดตัวเองมากเกินไป”
ลั่นวางเป้าต้องแก้ไขร่างรธน.
ขณะที่ นายวันชัย สอนสิริ โฆษกคณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า การประชุมมีการกำหนดกรอบเนื้อหาการอภิปรายว่า สมาชิกจะพูดประเด็นใดบ้าง มีการวางบุคคลให้เหมาะกับเนื้อหา และประสบการณ์ สิ่งสำคัญคือเป้าหมายการอภิปราย ต้องสามารถโน้มน้าวให้ สปช. และกมธ.ยกร่างฯ เห็นด้วย ยอมรับในเหตุผลของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง เพราะหากเห็นด้วยแล้ว จะนำไปสู่เป้าหมายคือการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เล็งยืดเวลาถล่มถึงเที่ยงคืน
ด้านนายบุญเลิศ คชายุทธเดช โฆษกคณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวว่า จะหารือกับสมาชิก สปช.เพื่อขอให้ประธานสปช.ขยายเวลาการประชุม ให้ดำเนินไปจนถึงเวลา 24.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนได้อภิปรายอย่างเต็มที่และครบถ้วน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้คุยกับประธาน สปช. แล้วก็ไม่ขัดข้องในแนวทางดังกล่าว
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำศึกใหญ่
นอกจากนี้ในวันที่ 20 เมษายน ตนได้ประสานกับสมาชิก สปช.เพื่อร่วมพิธีสักการะพระสยามเทวธิราช และพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ในเวลา 07.45 น. เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำหน้าที่ และจะอ่านคำประกาศเจตนารมณ์ของ สปช. ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
สปช.ลงชื่อเรียงคิวแล้ว47คน
นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการประจำสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.)กล่าวว่า การอภิปรายจะเริ่มจาก กมธ.ยกร่างฯ เป็นผู้ชี้แจงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไปจนถึงตัวบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การอภิปรายจะเรียงตามหมวด ตามด้วยภาค 1-4 เพื่อให้ประชาชนเข้าใจง่าย ไม่สับสน ส่วนจำนวนผู้ลงชื่ออภิปรายในแต่ละประเด็นนั้น ส่วนยอดสปช.ที่แจ้งความประสงค์จะอภิปรายตอนนี้มีทั้งสิ้น 47 คน
ตั้งท่าไม่ให้เพิ่มเวลาซักฟอก
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่ กมธ.ปฏิรูปการเมือง จะเสนอเพิ่มเวลาในการอภิปรายนั้น เห็นว่าเป็นความต้องการบางส่วนของคณะกรรมาธิการฯ ใน สปช. แต่แนวทางที่วิป สปช.ได้กำหนดไว้ทุกอย่าง ถือว่าลงตัว แต่อาจจะมีความยืดหยุ่นของเวลา เช่น จากเดิมอาจเลิกประชุมเวลา 21.00 น. ก็จะเป็น 23.00-24.00น.เป็นต้น
สปช.เตือนนักการเมืองหุบปาก
นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การออกมาวิพากย์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญในขณะนี้ของนักการเมืองว่า ตนอยากเรียกร้องให้นักการเมืองทั้งหมดที่เคยสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติให้อยู่นิ่งๆ ซะบ้าง หรือแนะนำในทางสร้างสรรค์ อย่าใช้วาทกรรม อย่าเอาแต่ต่อว่าสิ่งไม่ดี เสนอแนะในสิ่งที่ดีๆ บ้าง
จวกยับพรรคใหญ่สร้างปัญหา
“ก็พวกคุณเอง พรรคใหญ่ๆ สร้างแต่ปัญหาให้ประเทศชาติ แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นให้คุณหยุด ลองดูสิให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมาให้มีการเลือกตั้งแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น พออะไรที่เขียนออกมาไม่ได้อย่างใจ หรือไม่สบผลประโยชน์ตัวเองก็หาทางออกมาเรียกร้อง มาโวยวาย ผมว่าให้เขากลับไปมองดูตัวเองบ้าง พรรคใหญ่ๆ ที่สร้างวุ่นวายให้ประเทศ ให้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด มันจริงอย่างที่พูดไหม”
กมธ.ยกร่างฯทำใจโดนหนัก
ทางด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญต่อสมาชิกสปช.ในระหว่างวันที่ 20 -26 เมษายนนี้ว่า ก่อนการประชุม สปช.เพื่อดำเนินการอภิปรายนั้นในเวลา 8.00น.ทางกมธ.ยกร่างฯจะประชุมเพื่อทบทวนการชี้แจงในแต่ละภาคแต่ละหมวด ซึ่งทำใจไว้แล้วว่าทางกมธ.ยกร่างฯคงถูกซักมากทุกประเด็น
อ้อนพร้อมรับฟังความเห็นต่าง
“อย่างที่มาสภาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โดยกำหนดให้มาจาก สปช. 60 คน รวมทั้งที่มา สว. ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมนั้น ก็ยอมรับว่ามีสปช.ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ทางกมธ.ก็ยืนยันว่าสภาขับเคลื่อนฯนั้น ต้องมีเพื่อให้ประเทศปฏิรูปต่อเนื่อง แต่ถ้าเห็นว่าจะก่อให้เกิดปัญหาก็ยินดีที่จะรับฟังความเห็นที่แตกต่างและข้อเสนอในการปรับแก้เพื่อไปตัดสินใจในช่วง 60วันสุดท้ายคือในวันที่ 25พฤษภาคม-23 กรกฎาคม " นายคำนูณระบุ
วงเสวนาเสนอแก้ร่างเพียบ
ขณะที่นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงผลสรุปการสัมมนากำหนดการประชุมถกแถลงร่างรัฐธรรมนูญ โดยเสนอหลายประเด็น อาทิ ที่มาสว.เสนอ 2 แบบคือยึดตามรัฐธรรมนูญปี 40 ให้มาจากเลือกตั้ง 200 คน หรือยึดตามรัฐธรรมนูญปี 50 เลือกตั้ง 77 จังหวัด และมาจากการสรรหา 73 คน รวมเป็น 150 คน ไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ตั้งกลุ่มการเมืองเพราะจะทำให้พรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง เป็นต้น
จี้ให้มีการทำประชามติรธน.
นายโคทม กล่าวต่อว่า ส่วนองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญ ควรลดลงไปบ้าง หรือควรมีวาระการดำรงตำแหน่งแค่ 6 ปี ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นว่าการให้คณะกรรมการอิสระเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ ให้สามารถเสนอตราพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแก่บุคคลที่ให้ความจริงอันเป็นประโยชน์และได้แสดงความสำนึกแล้วนั้น ไม่อยากให้ตั้งเงื่อนไขมากจนเกินไป ที่เขียนไว้เคร่งเกินไป และที่ประชุมเห็นด้วยกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี