20 เม.ย.58 ที่ห้องประชุมอาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคือร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดย นายสุจิต บุญบงการ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวอภิปรายในส่วนของภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี ว่า ในการสร้างการเมืองที่ใสสะอาดและสมดุลนั้น หลักสำคัญก็คือ การเมืองที่ใสสะอาดตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมไทย
แต่ประเด็นที่มีการพูดจากันมากก็คือ ระบบรัฐสภาที่ประเทศไทยนำมาใช้นั้น มีการยอมรับว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพทางการเมือง และวัฒนธรรมของประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทาง กมธ.ยกร่างฯ มีโจทย์ที่จะต้องแก้ไขคือ จะต้องแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นก่อนเดือน พ.ค.57 ซึ่งเป็นกรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เป็นประเด็นที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก หลังจากที่มีการใช้รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างในขณะนี้ คือการที่มีผู้นำมีอำนาจมากเกินไปจนมีการใช้อำนาจโดยมิชอบ จนนำไปเกิดการเมืองแบบเผด็จการรัฐสภา
นอกจากนั้น การขยายตัวของการใช้อำนาจที่มิชอบในการบริหารราชการบ้านเมือง จนกระทั่งก่อให้เกิดการขยายตัวของการใช้นโยบายที่ผิดพลาด นำความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการค้าของประเทศชาติ รวมทั้งการคอร์รัปชั่นที่มีการแพร่ขยายอย่างกว้างขวาง
นายสุจิต กล่าวต่อว่า ประเด็นที่จะต้องแก้ไขที่จะทำให้การเมืองใสสะอาดนั้น ก็จะต้องสามารถได้ผู้นำทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. , ส.ว. , คณะรัฐมนตรี (ครม.) , นายกรัฐมนตรี และผู้บริหารท้องถิ่น เป็นต้น ต้องมีประวัติและพฤติกรรมที่เหมาะสมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น ต้องมีพฤติกรรมไม่เคยหลีกเลี่ยงภาษี โดยต้องมีหลักฐานการเสียภาษีย้อนหลัง ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นพลเมืองที่ดี ไม่เคยเพิกเฉยต่อหน้าที่ และไม่เคยกระทำผิดทางอาญาจนถึงคำพิพากษาถึงจำคุกหรือพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีบทบัญญัติในภาคนี้อีกไม่น้อย ที่พูดถึงคุณธรรม จริยธรรม ที่กำหนดเพื่อให้ผู้นำทางการเมือง จะต้องทำคำนึงถึงประโยชน์ของของชาติ ไม่คำนึงประโยชน์ส่วนตัว
ส่วนกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.มีการปรับระบบใหม่คือ ระบบสัดส่วนแบบผสม (MMP) ซึ่งการใช้ระบบเลือกตั้งแบบนี้ เป็นการสะท้อนความต้องการอย่างถูกต้องของพลเมืองในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นอกจากนั้น พลเมืองยังสามารถจัดลำดับรายชื่อของผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ แทนที่จะให้พรรคการเมืองจัดลำดับฝ่ายเดียว ข้อดีของระบบดังกล่าวจะทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างผู้สมัคร ส.ส.และผู้ลงคะแนน และกำจัดผู้สมัคร ส.ส.ในบัญชีรายชื่อที่ไม่เหมาะสมออกไป นอกจากนั้นแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการระบบเลือกตั้ง โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่กำกับควบคุมการเลือกตั้ง แต่ให้คณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งแทน
ส่วนการแก้ปัญหาในการซื้อเสียงนั้น จะแก้ไขแต่เพียงระบบการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว หรือการออกกฎที่เข้มงวดนั้นไม่ได้ แต่จะต้องสร้างแนวความคิดใหม่ให้แก่ผู้เลือกตั้งและผู้สมัครว่า การเลือกตั้งไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เฉพาะหน้า แต่เป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตยของผู้เลือกตั้งที่สำคัญ
นายสุจิต กล่าวอีกว่า ส่วนสมาชิกวุฒิสภานั้น มีรูปแบบที่แตกต่างจาก ส.ส.เพราะถ้าให้มีการเลือกตั้งก็จะได้ ส.ว.ที่มีฐานเดียวกับ ส.ส.โดยมีการแบ่งที่มาของ ส.ว.ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ เลือกกันเองในส่วนของอดีตข้าราชการ การสรรหาของกลุ่มวิชาชีพ และการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัดจากผู้สมัครที่ได้รับการกลั่นกรองคณะกรรมการฯ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่าง ส.ส.และ ส.ว.
ส่วนเรื่องของ ครม.นั้น ถ้ายึดหลักในระบบรัฐสภา ก็ถือว่า นายกฯ ก็จะถูกเลือกโดยสภา แต่ในครั้งนี้ไม่ได้กำหนดลงไปว่า ผู้ที่ได้รับเลือกจะมาจาก ส.ส.เท่านั้น ก็มีการเปิดกว้างว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของ ส.ส.ว่าจะต้องการแบบใด ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤตเกิดขึ้นอีก ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า หากเลือกจาก ส.ส.ใช้เสียงเพียงแค่กึ่งหนึ่ง แต่ถ้าเลือกจากคนนอกต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสภา ซึ่งความสมดุลในอำนาจระหว่าง ครม.กับสภานั้น ได้มีมาตรการบางประการที่ป้องกันไม่ให้เกิดความอ่อนแอของรัฐบาลผสม ซึ่งจะเกิดจากการเลือกตั้งแบบ MMP เช่นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากรัฐบาลแพ้ผลโหวต อายุของ ส.ส.ก็จะหมดไป และให้มีการเลือกตั้งใหม่ สุดท้าย นักการเมืองยังต้องถูกตรวจสอบจากหน่วยงานตรวจสอบของรัฐและภาคพลเมืองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี