แฉซำ‘ธาริต’
พบโยกย้ายทรัพย์สิน
ปปช.ยันต้องรีบอายัด
ชี้แจงไม่ได้ชงศาลยึด
‘คตร.’เล็งลุยสอบศธ.
เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีปปช.มีมติอายัดทรัพย์สิน 40.9 ล้านบาทของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภริยา กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ดำเนินการไต่สวนอย่างรอบคอบ
พบพิรุธมีการโยกย้ายทรัพย์สิน
“คณะอนุฯไต่สวนได้พิจารณาตรวจสอบข้อมูลหลักฐานอย่างละเอียด พบว่ามีพฤติกรรมเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน จึงอายัดทรัพย์ชั่วคราว ก่อนที่จะรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอมติดำเนินการอายัดทรัพย์ชั่วคราวดังกล่าว ซึ่งป.ป.ช.สามารถอายัดทรัพย์สินไว้ได้ 1 ปีตามที่กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กำหนดไว้เพื่อทำการพิสูจน์ทรัพย์ดังกล่าว หากครบ1ปีแล้วไม่มีความผิดปกติ ป.ป.ช.ทำอะไรไม่ได้ ต้องยกเลิกคำสั่งอายัด”นายปานเทพ กล่าว
ยันทำตาม กม.ไม่ได้ดิสเครดิต
ทั้งนี้ข้อยืนยันว่ากรรมการป.ป.ช.ให้ความยุติธรรมทั้งหมด โดยนายธาริต มีสิทธิ์ที่จะมาชี้แจงทรัพย์สินภายใน 30วันตามกฎหมาย มาพิสูจน์ทรัพย์ที่ถูกอายัดนี้ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หากชี้แจงได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับที่ถูกอายัด ก็ต้องคืนไป ส่วนกรณีนายธาริตได้ยื่นหนังสือขอขยายเวลาชี้แจงป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันอังคารที่ 21 เมษายนนั้นสามารถทำได้ ส่วนจะให้ขยายเวลา หรือไม่ อยู่ที่มติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.
“ยืนยันว่าไม่ได้ดิสเครดิต เป็นการไต่สวนตามกฎหมาย และพิจารณาตามหลักฐาน เมื่อผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงรายละเอียดของทรัพย์สินที่ถูกยึดได้ ก็คืนทรัพย์ไป”นายปานเทพ ย้ำ
อนุฯไต่สวนยันไม่เกี่ยวการเมือง
ด้านนาย ปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนคดีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนฯทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ และให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาให้โอกาสชี้แจงและพิสูจน์ข้อสงสัยที่ถูกกล่าวหา ไม่ได้กระทำโดยกลั่นแกล้ง หรือให้เป็นประเด็นทางการเมืองอย่างที่ถูกเข้าใจผิดเพราะเมื่อนายธาริตถูกย้ายมาดำรงตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว คงไม่มีเหตุให้ทำไปเพื่อให้ถูกโยกย้าย หรือพ้นจากตำแหน่งอีก
อนุฯนัดถกพุธนี้/จี้ธาริต รีบแจง
อย่างไรก็ดี นายปรีชา เรียกร้องขอให้นายธาริตเข้ามาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ตามกฎหมาย หากผู้ใดมีข้อมูลหลักฐาน หรือต้องการชี้เบาะแส ต้องการให้ ป.ป.ช.พิสูจน์ความจริงไม่ว่าจะให้ผลทางบวกหรือลบต่อผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากข้อมูลที่ ป.ป.ช.ได้มานั้น ยังมีตัวเลขอื่นๆที่มีความเคลื่อนไหวของตัวเลขต้องสงสัย ซึ่งทาง ป.ป.ช.ยินดีรับข้อมูลมาพิจารณาโดยทางอนุกรรมการฯประชุมในวันพุธที่ 22 เมษายนนี้
ชี้แจงไม่ได้ส่งอสส.ชงศาลยึด
ขณะที่ นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า กระบวนของ ป.ป.ช.หลังจากนี้จะให้นายธาริต เข้ามาชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สินที่ถูกอายัด หากชี้แจงที่มาได้ ทาง ป.ป.ช.จะต้องคืนทรัพย์สินดังกล่าว แต่ถ้าไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ ป.ป.ช.จะดำเนินการส่งสำนวนคดีนี้ต่อให้อัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อวินิจฉัยให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
บิ๊กตู่ยันเด้งบิ๊กศธ.ไม่เกี่ยวทุจริต
ทางด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.ว่า เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามามาก แต่ข้าราชการ4-5 คนที่ปรับย้ายยังไม่ได้มีความผิดอะไร แต่เป็นการปรับย้ายตามความเหมาะสมเพื่อการปฏิรูป โดยตนไม่ได้เอาคนของตนไปใส่ในตำแหน่งเลย โดยพูดคุยกับรมว.ศึกษาธิการและปลัดศธ.คนใหม่แล้ว เราก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน คงไม่กระทบขวัญและกำลังใจ
คาดโทษถ้าสอบพบผิดฟันหมด
เมื่อถามว่าจะมีกระทรวงใดต้องปรับอีกหรือไม่นั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ายังต้องรอให้เจ้ากระทรวงรายงานขึ้นมา ส่วนข่าวปรับย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลัง ในที่ประชุมครม.ไม่ได้มีการพูดกัน ส่วนกรณีกรมที่ดิน อยู่ระหว่างการสอบสวน ต้องย้อนกลับไปหลายอธิบดี เกี่ยวกับการออกโฉนด นส.3 ต้องตรวจสอบเพราะผู้ที่เข้ามาซื้อที่ ก็คิดว่าถูกก็มีเช่นตอนซื้อมีเอกสารสิทธิ์ มีโฉนดถูกต้องทุกประการจึงต้องไปดูกรมที่ดินและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ว่าถ้าผิดเอกสารเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร ต้องย้อนดูหลายอย่างทั้งกฎหมายที่ดินและผังเมืองออกมาที่หลัง
ถ้าผิดถึงเกษียณก็ตามไปเอาโทษ
ส่วนจะย้อนไปถึงข้าราชการเกษียณด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่าหากตรวจพบว่ากระทำผิดก็จะลงโทษหมด หากยังไม่ขาดอายุความ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานและให้โอกาสในการชี้แจง ที่ผ่านมาปัญหาคือ ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการ แต่เมื่อเข้ามาสู่กระบวนการ ก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งขอยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกคน
บิ๊กต๊อกอุบ!สอบขรก..ล๊อตสอง
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงการตรวจสอบการทุจริตในศธ. และในคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ว่า ต้องไปถาม4หน่วยงานหลักคือป.ป.ช.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ที่ทำเรื่องนี้ก่อนว่ามีมูลอะไรหรือไม่
ส่วนของการดำเนินการกับข้าราชการที่พัวพันการทุจริตจะมีล็อต 2 อีกหรือไม่นั้น ยังไม่รู้ ขึ้นอยู่กับ 4 หน่วยงาน ที่จะส่งเรื่องมา แต่ได้ย้ำไปแล้วว่า ถ้ามีให้ส่งมาเรื่อยๆ
นายกฯประชุม คตช.เช้า21เมษา
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการป.ป.ท.กล่าวว่า ในวันที่ 21 เมษายน เวลา 09.00น .พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.)จะเป็นประธาน ในการประชุม คตช.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
คตร.ถกปมสอบ3บอร์ดศธ.พุธนี้
ขณะที่พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธธ์ใช้คำสั่งมาตรา 44 ให้คตร.เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณของคณะกรรมการคุรุสภา และสกสค.ว่า จะมีการประชุม คตร.วันพุธที่ 22 เมษายนนี้ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน เพื่อศึกษาเรื่องต่างๆและกำหนดเรื่องที่จะเข้าไปตรวจสอบใน 3 บอร์ดโดยจะพิจารณาว่าจะเชิญผู้แทนศธ.มาให้ข้อมูลหรือไม่หลังจากประชุมแล้วจะเริ่มเก็บข้อมูล แต่ขั้นต้นเรามีข้อมูลเก่าอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี