21 เม.ย.58 ที่ห้องประชุม 1 กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงผลงานของกระทรวงมหาดไทยในรอบ 6 เดือน พร้อมด้วยนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยได้ร่วมกันแถลงผลงานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยระบุงานสำคัญของกระทรวงมหาดไทยมี 5 กลุ่มภารกิจ ได้แก่ 1. ด้านการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. ด้านความมั่นคงและการรักษาความปลอดภัย 3. ด้านการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการลดความเหลื่อมล้ำ 4. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน และ 5. ด้านการปฏิรูป
โดยพล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความต้องการให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ นโยบายส่วนกลางและแต่ละกระทรวง ซึ่งบางครั้งไม่อาจปฏิเสธและเข้าใจในข่าวบางข่าวอาจต้องการข้อเท็จจริงในประเด็นที่หนัก ตามความต้องการของแต่ละองค์กรสื่อ ดังนั้นอยากให้สื่อช่วยสื่อสาร และสร้างการรับรู้งานของรัฐบาลไปยังประชาชนด้วย สำหรับประเด็นแรกในการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยที่ผ่าน แบ่งได้เป็น 1.ด้านการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทรวงมหาดไทยได้มีโอกาสถวายงานน้อมเกล้าฯ ถวายพลับพลาเขาดอกไม้ ในพื้นที่โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริที่จังหวัดเพชรบุรี โดยได้ออกแบบและก่อสร้างเรือนที่ประทับฯ เพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับทรงงาน และส่งมอบพื้นที่ให้สำนักพระราชวัง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา 2.ด้านความมั่นคงและการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ที่เป็นปัญหา และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จึงได้กำหนด 7 มาตรการเข้ม เพื่อป้องกัน สกัดกั้น และปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยใช้กลไกให้ทุกจังหวัด อำเภอ จัดชุดสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดเพื่อสกัดกั้นการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำทะเบียนแรงงานทุกกลุ่ม ทางการข่าว รวมถึงดูแลเหยื่อ ผู้ถูกหลอกลวง ซึ่งให้เป็นไปตามโรดแม็พของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)
ด้านการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ปรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ เน้นหนักไปที่การวางกองกำลังในพื้นที่ โดยจัดตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอทั้ง 37 อำเภอ" มีนายอำเภอเป็นหลัก ร่วมกับฝ่ายทหาร และตำรวจ เพื่อดูแลความปลอดภัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มาเป็นหลักในการพัฒนาในพื้นที่ ขณะที่การดูแลความปลอดภัย ได้สั่งเพิ่มกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) จัดตั้งกองกำลังประจำถิ่น จัดตั้งศูนย์วิทยุระดับตำบลของแผนยุทธการ "ทุ่งยางแดงโมเดล" ทุกหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามคาดว่า สถานการณ์ในพื้นที่แผนยุทธการดังกล่าวน่าจะดีขึ้น แม้จะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้าง
3. ด้านการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการลดความเหลื่อมล้ำ ได้จัดสรรที่ดินทำกินเพื่อประชาชน สร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อให้ประชาชนมีที่ดินทำกินเป็นของตนเองภายใต้โครงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุกเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท โดยจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนไปแล้ว 4จังหวัด จำนวน 3,830 แปลง และมอบโฉนดผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ "มอบโฉนดที่ดิน 60 พรรษา 60 ร้อยแปลง" โครงการมอบโฉนดที่ดิน ทั่วไทย รวดเร็วทันใจ โปร่งใสเป็นธรรม ไปแล้วกว่า 5 หมื่นแปลง และการเตรียมพื้นที่รองรับการพัฒนาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยจัดผังพื้นที่เฉพาะและการจัดเตรียมผังพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้วเสร็จ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว มุกดาหาร ตาก ตราด สงขลา และจังหวัดหนองคาย 4. ด้านการปฏิรูปการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่ผ่านมาบ้านเมืองมีความขัดแย้ง ประชาชนมีความแตกแยกกันทางความคิด และยุยงปลุกปั่นให้เกิดให้เกิดความเกลียดชัง ฉะนั้นเห็นต่างได้ แต่อย่าแตกแยก โดยได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปใน 76 จังหวัด 878 อำเภอ 7,852 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการชี้แจงทำความเข้าใจ ปลูกฝังสำนึกรักสามัคคีและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและกิจกรรมเพื่อสร้างบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์ในรูปแบบต่างๆ ไปแล้วกว่า 9 หมื่นครั้ง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 11 ล้านคน และ 5.การบริหารราชการแผ่นดิน ได้ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้าประปาเพื่อประชาชน โดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยได้พัฒนางานบริการที่ดีสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การพัฒนาคุณภาพ น้ำประปา การดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ผู้มีรายได้น้อย และการขยายระบบไฟฟ้าประปาเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ด้านนายสุธี กล่าวเสริมว่า ในส่วนของการก่อสร้างห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ด้วยตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อมอบให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาจังหวัดๆ ละ 1 แห่ง รวมจำนวน 76 แห่ง ทั่วประเทศ ให้เด็กและเยาวชน ประชาชนทั่วไปได้ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลให้ได้มีโอกาสเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัยได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้าน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นดำเนินการ 3 ด้าน คือ การป้องกันโดยเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน 2,978 หมู่บ้านหรือชุมชน ที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง การบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ โดยผู้ติดยาเสพติดดำเนินการแล้วจำนวน 37,370 คน และติดตามผู้ผ่านการบำบัดแล้ว จำนวน 117,161 คน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดด้านอาชีพ จัดหางาน การศึกษา และการปราบปราม สามารถจับกุมคดียาเสพติด จำนวน 2,774 คดี รวมผู้ต้องหา 3,187 คน 3.การติดตั้งไฟสาธารณะในจุดที่มีความเสี่ยงและการเชื่อมเข้ากับระบบไฟกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือ CCTV โดยได้ติดตั้งและเปลี่ยนดวงโคมไฟส่องสว่างบริเวณท่าเรือและการติดตั้งไฟส่องสว่างเพิ่มเติมในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงรุก ด้านการป้องกันปัญหาได้สำรวจหมู่บ้านและตำบลรวมถึงพื้นที่การเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจต่อสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น และแก้ไขปัญหาเชิงรุกโดยสนับสนุนการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน เครื่องจักรกลสาธารณภัย และแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนได้มีน้ำกินน้ำใช้อย่างเพียงพอ การพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อพัฒนา New Landmark of Thailand เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์เป็นสถานที่พักผ่อน นันทนาการ เข้าถึงแหล่งชมทัศนียภาพได้อย่างเท่าเทียมมีสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี และการจัดตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีจำนวน 2,102 แห่ง ผู้ร่วมจำหน่ายสินค้า จำนวน 83,224 ราย มีเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ จำนวน 796,979,119 บาท
ขณะที่นายวิบูลย์ กล่าวแถลงถึงผลงานในส่วนของหน่วยงานในสังกัดประจำ ในเรื่องการสร้างความโปร่งใส "มหาดไทย ใสสะอาด" โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกระทรวงมหาดไทย (ศปท.มท.) เพื่อบูรณาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเนื่องจริงจัง การเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใส ในการใช้จ่ายงบประมาณท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชาติ โดยผลของการดำเนินโครงการดังกล่าว ทำให้ผลการเบิกจ่ายและการก่อหนี้ผูกพันของงบประมาณเงินอุดหนุนที่เป็นรายจ่ายลงทุน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสแรกอย่างมีนัยสำคัญ ก่อหนี้ผูกพันแล้วทั้งสิ้น 25,671.3849 ล้านบาท และเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 6,451.5149 ล้านบาท ศูนย์ดำรงธรรม ได้เพิ่มช่องทางการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน รวมทั้งได้กำหนดแผนพัฒนาระบบให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพทีมงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ และส่วนกลางเพื่อรองรับการให้บริการได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ได้มีเรื่องติดต่อร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด จำนวน 942,875 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 900,520 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 95.51 4.โครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ขนย้ายขยะมูลฝอยจากตำบลบ้านป้อมไปยังสถานที่ฝังกลบขยะมูลฝอยตำบลมหาพราหมณ์ จำนวน 223,865 ตัน
นอกจากนี้ในเรื่องการบูรณาการแผนงานโครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่ (Area Based) เพื่อบูรณาการแผนงานโครงการของภาครัฐ งบส่วนราชการ กลุ่มจังหวัด และจังหวัดที่จะลงไปสู่พื้นที่ให้มีความเหมาะสมตรงกับความต้องการของประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นกรณีศึกษา และเป็นแนวทางการพัฒนาเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อตอบสนองงานของรัฐบาลให้สัมฤทธิ์ผล การแจ้งเตือนสู่ประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากการเกิดสาธารณภัยมากขึ้น ลดการสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งการเตรียมพร้อมรับมือจากภัยสึนามิ 8.การส่งเสริมสินค้าและการพัฒนาคุณภาพสินค้า OTOP เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชน มุ่งเน้นการพัฒนาช่องทางการตลาดเชิงรุกในทุกรูปแบบ รวมทั้งการเชื่อมโยงสินค้าของชุมชนสู่ตลาดในและต่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี