21 เม.ย.58 ที่รัฐสภา น.ส.รสนา โตสิตระกูล สปช.ด้านพลังงาน ได้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่ 2 ผู้นำทางการเมืองที่ดีและระบบทางการเมืองที่ดี ว่า จากผลสำรวจขององค์การสหประชาชาติ พบว่า ประเทศพัฒนาที่พัฒนาจะมีการคอร์รัปชั่นต่ำ แต่มีการกระจายอำนาจสูง อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาไม่ได้แก้ไขปัญหาของประเทศ แต่กลับสร้างพรรคการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายขนาดใหญ่ ชัดนำกลุ่มทุนเข้ามาครอบงำการเมือง เรียกว่า "ทุนสามาลย์" จนนำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งทาง คณะกมธ.ยกร่างฯ จึงได้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมทางการเมืองดังโครงสร้างและกลไกในร่างรัฐธรรมนูญ คือการจำกัดอำนาจของนักการเมือง โดยนำระบบราชการมาถ่วงดุลนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเกิดคำถามตามมาว่าข้าราชการจะถูกคอรบงำด้วยกลุ่มทุนหรือไม่ ดังนั้นตัวบ่งชี้การเมืองที่ดีจะต้องมีการทุจริตคอร์รัปชั่นน้อย ไม่ใช่การนำระบบข้าราชการมาปรับใช้ เพราะจะกลายเป็นอำมาตยาธิปไตยที่ประชาชนเบื่อหน่าย
"มาตรา 207 การตั้งกรรมการคัดสรรข้าราชการระดับสูง ดิฉันคิดว่าสุดโต่งเกินไป ซึ่งอาจจะบัญญัติให้ รัฐมนตรีกระทรวงนั้นเข้ามามีส่วนร่วม นอกจากนั้น ถ้ายึดระบบคุณธรรม ไม่ใช่อาศัยเพียงอดีตข้าราชการระดับสูงมาคัดสรร แต่ควรฟังเสียงประชาคมในแต่ละกระทรวงด้วย" น.ส.รสนา กล่าว
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นข้อสังเกตของร่างรัฐธรรมนูญ คือ มาตรา 172 ระบุให้บุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องอาศัยเสียงสภาฯ เกินกึ่งหนึ่ง แต่ถ้าเป็นบุคคลภายนอกจะต้องอาศัยเสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 แต่ไม่ได้ระบุว่าบุคคลที่มาจากการเลือกตั้งควรได้รับการโหวตเลือกก่อน ทั้งนี้ในมาตรา 173 ระบุว่าถ้าเสียงไม่ถึงที่กำหนด ให้ประธานสภาฯ นำชื่อบุคคลที่ได้เสียงมากที่สุดทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้อาจจะไม่แก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้น เพราะอดีตบุคคลที่ได้รับการโหวตจาก สส. ในสภาฯ ประชาชนไม่ยอมรับ สำหรับวิธีการเลือกตั้งที่คณะกมธ.ยกร่างฯ ออกแบบมาหลากหลาย เพื่อป้องกันการซื้อเสียง โดยเฉพาะที่มาของ สว. เช่น กำหนดโควตาจากการเลือกกันเองของสภาวิชาชีพ ที่มีจำนวนไม่เกิน 30 องค์กร ซึ่งอาจมีการซื้อเสียงได้ ยกตัวอย่างเช่น การคัดเลือกบุคคลเข้าสู่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังมีการซื้อเสียงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามตนไม่ปฏิเสธหาก ส.ว.จะมาจากการสรรหาทั้งหมด แต่จะต้องมีอำนาจน้อย เพราะจะเกิดคำถามตามมาว่า ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับสามารถออกกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถถอดถอนนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเท่ากับตัดขาดตัวแทนของประชาชนในสภาฯ และฝ่ายบริหาร
ประเด็นสุดท้าย คือ บทบัญญัติในส่วนแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ คณะกมธ.ยกร่างฯ ได้รวบรวมประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติไว้ในส่วนนี้ทั้งหมด ซึ่งตนเสนอว่า ควรแยกเรื่องปิโตรเลียมไว้ในส่วนของสิทธิของประชาชน เพราะมีมูลค่าปีละกว่า 5 แสนล้านบาท จึงควรได้รับการบริหารจัดการอย่างดีโดยรัฐ ซึ่งเชื่อว่า ภาครัฐจะมีข้าราชราชการที่ดีและมีความสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ น.พ.เสม พริ้งพวงแก้ว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี