เครือข่ายสตรีศรีสยามจี้ใช้ม.44 ฟันคนเอี่ยวโครงการจำนำข้าว
วันเสาร์ ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558, 16.03 น.
Tag :
25 เม.ย. 58 เมื่อเวลา 14.00น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่ประเทศไทย เครือข่ายสตรีศรีสยาม (Woman Thailand) กว่า 10 คน นำโดยนางพัชรายุ โล่ชนะชัย เลขาธิการเครือข่ายสตรีศรีสยาม และนางชุมศิลป์ โสตถิปรีดาวงษ์ ผู้ประสานงานเครือข่าย ร่วมกันแถลงข่าว เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งอายัดทรัพย์สินบุคคลที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบผลประโยชน์โดยมิชอบจากโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า เครือข่ายสตรีศรีสยามได้ร้องเรียนไปยังกระทรวงการคลังเพื่อขอให้ดำเนินคดีดังกล่าวและปรากฎว่าเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางของกระทรวงการคลังได้มีหนังสือตอบรับว่าอยู่ระหว่างการกำลังดำเนินการ ซึ่งอายุความของคดีดังกล่าวมีเพียง 2 ปี เท่านั้น จึงอาจเป็นแรงจูงใจให้บุคคลที่ต้องจ่ายสินไหมทดแทนแก่รัฐ อาจมีการยักย้ายถ่ายโอน ปิดบังซ่อนแร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวได้ ย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาประโยชน์ในการเยียวยาความเสียหายให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ จึงยากจะให้รัฐบาลใช้อำนาจอย่างเต็มทีดำเนินการอายัดทรัพย์สินดังกล่าว ทั้งนี้ ยังรอการดำเนินคดีอาญา และทางแพ่งอยู่ด้วย
นางพัชรายุ กล่าวว่า ทางเครือข่ายคิดว่าการดำเนินคดีอาญาซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ระหว่างการพิจราณา ดังนั้นเราคงไม่เข้าไปก้าวก่าย ส่วนคดีทางแพ่งก็อยากให้กระบวนการยุติธรรมทำงานอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงคือเงินจำนวนมหาศาลหายไปอยุ่ไหน ก็คิดว่าน่าจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ ทำให้รัฐบาลที่ผ่านมาต้องรับภาระหนี้สิน ซึ่งเป็นเงินมหาศาลที่จะต้องใช้เวลา 30 ปี ที่จะใช้หนี้ จึงไม่อยากให้สูญเปล่า จึงอยากให้ทุกฝ่ายรักษาผลประโยชน์ของชาติ
เมื่อถามว่า การที่กระทรวงการคลังหมายอยู่ระหว่างการดำเนินการถือว่าเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ นางชุมศิลป์ กล่าวว่า จากวันที่ไปยื่นเรื่องที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปที่กรมบัญชีกลาง จากนั้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย.58 ได้ส่งหนังสือตอบกลับมาที่เครื่อข่ายสตรีศรีสยาม ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่โดยใช้หลักเกณฑ์พ.ร.บ.ความรับผิดการละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กำลังดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นคงต้องให้เวลากระทรวงการคลังได้ทำงาน แต่ภาคประชาชนจะตามงานไปเรื่อยๆ เพราะไม่ต้องการให้คดีในลักษณะนี้เงียบหายไปเหมือนหลายคดีที่เกิดขึ้น และสุดท้ายก็หาตัวผู้รับผิดไม่ได้
เมื่อถามอีกว่า จะไปยื่นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์หรือไม่ เพราะกรมการค้าต่างประเทศเกี่ยวข้องกับการระบายข้าว นางชุมศิลป์ กล่าวอีกว่า ตามพ.ร.บ.ความรับผิดการละเมิดของเจ้าหน้าที่สุดท้ายแล้วภาระหน้าที่ทั้งหมดจะตกอยู่ที่กระทรวงการคลังเป็นหน้าที่หลัก โดยกรมบัญชีกลางจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ฉะนั้นคงไม่ได้ไปยื่นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์