1.เมื่อวันที่ 8 และ 15 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมาได้บอกเล่าถึงหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาในการดำเนินการทางวินัยและหลักในการดำเนินการทางวินัย โดยเมื่อมีการกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดวินัย ก็จะต้องมีการรายงานหรือสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลหรือไม่ หากมีมูลก็ต้องดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษโดยยึดหลักรวดเร็ว ยุติธรรม ปราศจากอคติ และลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด...
แต่ยังไม่มีกระบวนการดำเนินการทางวินัยว่าจะต้องดำเนินการประการใด จึงขอหยิบยกมาบอกเล่าโดยย่อๆ พอเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง หากต้องการหรือประสงค์จะทราบรายละเอียด คงจะต้องตามไปดูจากกฎก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556 อันประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ รวมจำนวน 98 ข้อด้วยกันครับ...
2.เราเริ่มกันด้วยการดำเนินการทางวินัยกรณีความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงครับ เมื่อกรณีมีมูลควรกล่าวหาว่าผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ก็ตกเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ที่จะดำเนินการสอบสวนด้วยตัวเองหรือมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณาว่า กรณีนั้นเป็นความผิดวินัยหรือไม่ มาตราใด และควรได้รับโทษสถานใดโดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหรือไม่ก็ได้
3.ในกรณีดำเนินการสอบสวนโดยไม่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ดูมาตรา 92 วรรคหนึ่งและกฎก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัยฯ ข้อ 9 และข้อ 10 โดยสาระสำคัญคือต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเป็นหนังสือให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในระยะที่กำหนดด้วย หากไม่ชี้แจงภายในระยะเวลาที่กำหนด ถือว่าไม่ประสงค์ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
4.เมื่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ได้รับรายงานการสอบสวนแล้วต้องพิจารณาสั่งการตามข้อ 11 ดังนี้
(1) สั่งยุติเรื่อง หากไม่ได้กระทำผิด
(2) หากเห็นว่ากระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ก็ให้สั่งลงโทษวินัยไม่ร้ายแรงตามควรแก่กรณี
(3) หากเห็นว่าเป็นความผิดเล็กน้อยและมีเหตุอันควรงดโทษ จะงดโทษ และทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ หรือว่ากล่าวตักเตือนก็ได้
(4) หากเห็นว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ก็ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป
5.ในกรณีที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรงนั้น ข้อ 12 ของกฎก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัยฯกำหนดให้การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและการคัดค้านกรรมการสอบสวน ต้องนำข้อ 18 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสี่ (องค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวนไม่มีข้อ 18 วรรคสามเกี่ยวกับกรรมการที่จะต้องดำรงตำแหน่งนิติกรฯ แต่อย่างใด) พร้อมกับข้อ 19 ข้อ 20 ข้อ 21 ข้อ 22 ข้อ 23 ข้อ 24 และข้อ 25 มาใช้บังคับโดยอนุโลมโดยไม่ต้องไปดูหนังสือสำนักงานก.พ.ว.19/2547 ลง 14 ก.ค. 2547
6.เมื่อคณะกรรมการสอบสวนรายงานการสอบสวนขึ้นมา ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ต้องพิจารณาสั่งการตามข้อ 11 หรือสั่งการตามข้อ 14 ดังนี้
(1) สั่งสอบสวนเพิ่มเติมโดยกำหนดประเด็นไปด้วย
(2) สั่งการให้คณะกรรมการแก้ไข ส่วนที่ไม่ถูกต้องก่อนสั่งการก็ได้
( n อ่านต่ออาทิตย์หน้า)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี