26 เม.ย.58 ที่รัฐสภา การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 7 (26 เมษายน) นั้น ยังคงเป็นการอภิปรายในเนื้อหาในหมวด 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง โดยมีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
โดยมีสมาชิกอภิปรายในเนื้อหาหลากหลาย เช่น นายแพทย์สุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ สปช.ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อภิปรายเปรียบเปรยการเขียนรัฐธรรมนูญว่า หากพุ่งเป้าผิดจุด อาจหลงทางหรือไม่สามารถแก้ปัญหาในความเป็นจริงได้ เพราะที่ผ่านมาสมาชิกต่างเน้นความสำคัญด้านการเมือง แต่แท้จริงแล้วหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญนี้คือการปฏิรูป ที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงประเทศ และตรงกับความต้องการของประชาชน พร้อมยืนยันว่า การเสนอแนะด้านปฏิรูปของคณะกรรมาธิการฯ ทั้ง 18 คณะ มีความโปร่งใสในการเขียนแนวคิดปฏิรูปแต่ละด้าน ที่นำส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ภารกิจของสภาปฏิรูปแห่งชาติ คือ การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญและการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ
นายทิวา การกระสัง สปช. บุรีรัมย์ ระบุว่า การกำหนดให้ให้มีสมาชิก สปช. 60 คน อยู่ในสภาขับเคลื่อนฯนั้นสนับสนุน แต่การให้มีผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 30 คน ถือเป็นการล็อคสเป็ค อย่างมาตรา 279 เขียนมาเพื่อใคร การเอาพรรคพวกตัวเองเข้าไปถึง 60 คน ยิ่งกว่าตั้งเครือญาติเป็นผู้ช่วย สนช.และยิ่งกว่าที่วุฒิสภาปี 50 ถูกครหาว่าเขียนแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนเอง อยากบอกว่าการตั้ง สปช. 60 คน น่าอายยิ่งกว่า อีกทั้ง กรณีมีการกล่าวหาว่า กมธ.ยกร่างฯ กับสปช.สายจังหวัดตกลงกันเพื่อต้องการให้สปช.จังหวัด สามารถมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ได้ว่า เรื่องนี้เป็นเท็จ เนื่องจาก สปช.จังหวัดที่ไปพูดคุยกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯนั้น เป็นการพูดกันในห้องสีชมพู เพราะต้องการให้สมาชิกที่มาจากจังหวัด ที่เป็นประธานอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปให้ประชาชนทราบ เนื่องจากได้รับแรงกระแทกจากข้างนอกและข้างใน ตนจึงได้บอกไปว่า ถ้าต้องการให้ประชาชนยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่มาของ ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน
"ผมยืนยันว่าไม่เคยไปต่อรองกับนายบวรศักดิ์ว่าต้องการให้เพื่อนสมาชิกสปช.ที่มาจากต่างจังหวัดสามารถสมัครรับเลือกตั้งส.ว.และตัวผมเอง ไม่เคยคิดว่าจะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.แต่การลงสมัครเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ยืนยันไม่เคยมีการต่อรอง" นายทิวา กล่าว
ทางด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมาธิการยกร่างฯ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ทุกเรื่องที่บัญญัติมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะประเด็นที่มา ส.ว.ในช่วงแรกมีสมาชิกที่เห็นด้วย แต่จากการรับฟังความคิดเห็น และจัดเวทีต่างๆ ทำให้ทางกมธ.มีการทบทวนในรอบสุดท้าย ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบน่าจะให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ จังหวัดทั้ง 77 จังหวัด ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีการล็อบบี้และประธาน กมธ.ยกร่างไม่มีอะไรอยู่ในใจหรือใช้อภิสิทธิไปฟังใครมา แต่ที่มา ส.ว.ดังกล่าวเป็นเสียงส่วนใหญ่ของกมธ.ยกร่างฯ ที่เห็นด้วยในการปรับสัดส่วนให้ลดลง ส่วนเรื่องสภาขับเคลื่อนฯ ที่ตั้งข้อสงสัยถึงการให้ สัดส่วน สปช.อยู่ใน สภาขับเคลื่อนฯ เพราะทางกมธ.ยกร่างฯเห็นว่า ในเรื่องการปฏิรูปควรให้คนมีความรู้ในด้านต่างๆเข้ามาอยู่ในสภาขับเคลื่อนฯ เพื่อให้การปฏิรูปทำได้ดี โดยจะนำเสียงทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มาชั่งน้ำหนักและปรับเปลี่ยนไม่ให้เกิดข้อครหาต่อไป
ส่วน นายนิพนธ์ นาคสมภพ สปช.ด้านสื่อสารมวลชน ได้อภิปรายเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ในหมวด 4 การปฏิรูปและการปรองดอง ว่า ตนเห็นด้วยที่จะมีคณะกรรมการอิสระเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ เพื่อจะมาทำหน้าที่ในด้านดังกล่าว แต่ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษนั้น ตนเห็นว่า จะเป็นการที่เสี่ยงต่อการก้าวล่วงพระราชอำนาจ เพราะโดยปกติเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในพระบรมราชวินิจฉัย ที่ไม่มีใครก้าวล่วงได้ เพราะตนเชื่อว่า การสร้างความปรองดองจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีการก้าวล่วงพระราชอำนาจ เพราะการก้าวล่วงพระราชอำนาจ เป็นจุดเปราะบางที่สุดของประเทศนี้ ตนขอเสนอให้มีการกำหนดในรัฐธรรมนูญเพื่อให้นักการเมืองที่พูดโกหกจนสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติจะต้องรับผิดชอบกับคำพูดด้วย เพราะทำให้ประเทศชาติขาดความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวัน สมาชิก สปช.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้ปฏิรูปทุกด้าน และสนับสนุนให้มีสภาขับเคลื่อน และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ แต่สมาชิกสปช.ได้อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า 2 องค์กรดังกล่าว ยังมีจุดอ่อน ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องบทบาทอำนาจหน้าที่ โดยเสนอให้กำหนดเรื่องนี้ไว้ในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี