26 เม.ย.58 ที่รัฐสภา นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงประเด็นในเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ภาค 4 หมวด 3 การสร้างความปรองดอง โดยระบุว่า นการร่างรัฐธรรมนูญ ทางกรรมาธิการยกร่างฯ 36 คนอาจจะมีความขัดแย้งกันหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่เห็นร่วมกันมาตั้งแต่ต้นไม่เปลี่ยนแปลงเลยคือรัฐธรรมนูญ นี้มีเป้าหมายให้มีการปฏิรูป และปรองดอง เพราะการปฏิรูปที่แท้จริงคือต้องตบมือ2ข้าง ไม่ใช่ข้างเดียวคือต้องปรองดองด้วย ในมาตรา 297 และ 298 ให้มีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแก้ไขความขัดแย้ง สร้างความรักสามัคคีให้เกิดขึ้นระหว่างสีเหลืองสีแดง หรือฝ่ายที่สาม หรือขยายไปถึง3จังหวัดภาคใต้ก็ได้ หรือระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ หรือประชาชนด้วยกัน ต้องมีนวัตกรรมมากที่สุดเพราะบทเรียนที่ได้จากต่างประเทศจะเห็นว่าการสร้างความปรองดองหลังจากที่มีการชนะสงครามกันแล้ว โดยเป็นการสร้างความปรองดองระหว่างฝ่ายชนะกับฝ่ายแพ้ แต่ไทยไม่มีแพ้ชนะ และเราไม่อยากเห็นเช่นนั้น จึงเริ่มหาหนทางให้ทุกฝ่ายมีความสำนึกผิด มีเมตตา ให้อภัยกันและกันด้วยการเริ่มการปรองดอง แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะแต่ละฝ่ายล้วนแต่คิดว่าตนถูก อีกฝ่ายผิด อีกฝ่ายขาวอีกฝ่ายดำ นอกจากพยายามสามัคคีแล้ว ต้องให้เกียรติกันและกัน
นายอเนกกล่าวต่อว่า คณะกรรมการชุดนี้จะมีความเป็นอิสระจำนวนอิสระ 15 คนไม่ใช่ลูกน้องรัฐบาล หรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิคนกลางและรับรู้ปัญหา 10 คนและอีก 5 คน มาจากคู่ขัดแย้ง หรือไม่ยอมรับว่าขัดแย้งแต่ปรารถนาจะร่วมแก้ความขัดแย้ง มีวาระ 5 ปี โดยนายกฯเป็นคนแต่งตั้ง และเสนอให้มีการโปรดเกล้า ซึ่งนายกฯ จะเป็นฝ่ายที่สามไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นปรปักษ์กัน และไม่ใช่ตั้งได้ตามใจชอบต้องระมัดระวังและ มีคุณสมบัติตามกฎหมายลูกกำหนด ส่วนการทำงานจะเป็นการต่อยอดทางความคิดทางข้อมูลประสบการณ์ จากฝ่ายต่างๆรวมถึงเอาประสบการณ์จากต่างประเทศมาประกอบด้วย และต้องคำนึงถึงหลักการสากลและเหมาะสมทางวัฒนธรรมด้วย โดยคณะกรรมการฯ จะเป็นเวทีสมองผนึกกำลังทุกฝ่าย
"เท่าที่ผมได้คุยกับแกนนำคู่ขัดแย้ง และฝ่ายที่อยู่ตรงกลางพอมาพอสมควร พอที่จะให้ความมั่นใจได้ว่าสิ่งนี้จะเป็นทางออกของบ้านเมือง หากรัฐธรรมนูญไม่กีดกันฝ่ายใดให้ออกไปจากอำนาจสิ้นอย่างเชิง ไม่มีแพ้ชนะ เมื่อมารวมกับรายละเอียดต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญนี้ บ้านเมืองน่าจะกลับคืนสู่ปกติได้" นายเอนกกล่าว
นายเอนก ชี้แจงว่า ส่วนเรื่องการออกพ.ร.ฎ.อภัยโทษไม่ใช่แปลว่าคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติฯจะเสนอเองได้ แต่ต้องขอพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ล่วงละเมิดพระราชอำนาจอย่างแน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างนี้ก็บัญญัติไว้ว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจอภัยโทษ การจะตรา พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ต้องโทษต้องถึงที่สุดแล้วมีการ รับโทษแล้ว และสำนึกผิดต่อคณะกรรมการอิสระ และต่อราชการตามปกติด้วย ไม่ต่างกับกรณีอื่นๆ ต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรมด้วย ไม่ใช่อภัยโทษสุ่มสี่สุ่มห้า หรือส่งเดชอย่างที่สมาชิกเป็นห่วง แม้แต่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็อาจจะเกิดได้ แต่ในรูปการเสนอความคิดเห็นต่อรัฐบาล และรัฐบาลจะต้องเป็นคนตราขึ้นมาให้เป็นพระราชบัญญัติ แต่เราเองไม่มีอำนาจที่จะออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมได้ ยันยันว่าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นวัฒนธรรมที่มุ่งมั่นที่จะฝันฝ่าวิกฤตของประเทศให้ได้อย่างไร ซึ่งประวัติศาสตร์ไทยเคยผ่านวิกฤตมาหลายครั้งแต่วิกฤตที่กำลังประสบอยู่ขณะนี้คือความปรองดองและความสามัคคี
"ผมเชื่อว่า สปช.และประชาชนจะร่วมมือกันเพื่อให้เราฝ่าวิกฤตออกไปให้ได้ ผมกลัวว่าเราจะสูญเสียลักษณะประจำชาติ หากความมืดมน อับจน ท้อแท้จะเข้ามาครอบงำจิตใจ จึงขอเรียกร้องพวกเราว่าต้องช่วยกันฝันฝ่าไป เพราะพระสยามเทวาธิราชจะช่วยคนที่ช่วยตนเองเท่านั้น หลายอย่างยังไม่มีรายละเอียด เช่น สมัชชาพลเมืองคืออะไร ผมเองก็งง แต่เราต้องมาเรียนรู้ด้วยกัน ตอนไหนต้องใช้ไฟฉายส่องก็ต้องใช้เรื่องที่มีความสำคัญ ยืนยันว่าเรายึดบ้านเมืองเป็นสำคัญ" นายเอนกกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี