ประชามติรายประเด็น
สนช.ชงทางออก-สกัดฉีกร่างรธน.
จี้แก้ที่มาสว.-รับได้นายกฯคนนอก
‘เสื้อแดง’โผล่ฟ้องยูเอ็นขอคืนทีวี
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครส่งคำข้อแก้ไข หรือข้อเสนอแนะกลับมาที่ กมธ.ยกร่างฯ หลังส่งคำถามไปให้พรรคการเมืองทั้ง 74 พรรค โดยจะต้องรอหลังวันที่ 20 พฤษภาคม ในส่วนพรรคการเมือง และหลังวันที่ 25 พฤษภาคม ในส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากนี้ กมธ.ยกร่างฯจะรวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะ
จากนั้นจะเชิญตัวแทนเข้าแลกเปลี่ยนความเห็นในวันที่ 2-6 มิถุนายน โดยวันที่ 6 มิถุนายน จะให้พรรคการเมืองที่มี สส.สมัยที่แล้วเข้าให้ชี้แจงพรรคละ 1ชั่วโมง
สนช.รุมค้านปมที่มาสว.
ด้าน นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คนที่2 กล่าวถึงการส่งความเห็นและให้ข้อเสนอแนะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สนช.ให้ กมธ.ยกร่างฯว่า เท่าที่รับฟังความเห็นจาก สนช.ส่วนใหญ่เป็นห่วงประเด็นที่มา สว.เพราะมีความซับซ้อนในการสรรหา มีที่มาหลายแบบ เข้าใจยาก จึงอยากแก้ไขให้มี สว.สรรหาและเลือกตั้งในจำนวนเท่ากัน โดย สว.เลือกตั้ง 77จังหวัด ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ไม่ต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรองมาคัดเลือกผู้สมัครเหลือ 10คน
ไม่ขัดนายกฯคนนอก
ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก สนช.ส่วนใหญ่ไม่ขัดข้อง แต่ต้องระบุให้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญว่า ต้องใช้ในช่วงสถานการณ์วิกฤตจริงๆและต้องกำหนดนิยามภาวะวิกฤตให้ชัดเจนว่า หมายถึงอะไรบ้าง
จี้เพิ่มสส.ระบบเขต
สำหรับเรื่องสส.ระบบสัดส่วนนั้น สนช.ก็เห็นก้ำกึ่งกันอยู่ มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนตัวเห็นว่า สส.ระบบสัดส่วน เป็นระบบที่เข้าใจยาก อีกทั้งการไปลดจำนวน สส.เขตจากปัจจุบัน 400คน เหลือ 250คน หายไปร้อยกว่าคนทำให้ประชาชนเข้าถึงส.ส.ได้ยากขึ้น เพราะในสังคมชนบท สส.เหมือนเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน เวลาเดือดร้อนก็วิ่งเข้าหาสส.จึงอยากให้เพิ่มจำนวน สส.เขตมากขึ้น ส่วนการทำประชามตินั้น สนช.เห็นตรงกันว่า ต้องทำประชามติ แต่ไม่จำเป็นต้องนำร่างรัฐธรรมนูญปีอื่นมาประกบกับร่างใหม่เพื่อให้ประชาชนโหวตเลือก เพราะรัฐธรรมนูญเดิม อาทิ ปี40 หรือปี50 ล้วนมีจุดอ่อน ทำให้เกิดการรัฐประหาร
ต้องทำประชามติรายประเด็น
“หากจะทำประชามติควรทำเฉพาะร่างใหม่ฉบับเดียว ขณะนี้มีสนช.บางส่วนเห็นว่า ให้ทำประชามติเป็นรายประเด็น เฉพาะประเด็นที่มีปัญหาท้วงติงมากๆ เช่น ที่มานายกฯ ที่มา สว.และที่มา สส.ว่า ประชาชนจะเอาด้วยหรือไม่ ไม่ควรทำประชามติทั้งฉบับว่า จะรับหรือไม่รับร่างเพราะจะทำให้เนื้อหาในส่วนที่ดีๆ ของรัฐธรรมนูญพลอยตกไปด้วย หากประชาชนโหวตไม่รับร่าง การโหวตเป็นรายประเด็น ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ชาวบ้านเข้าใจได้ เพราะไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่พบชาวบ้านหลายจังหวัด ส่วนใหญ่อยากให้ทำประชามติ” นายพีระศักดิ์ กล่าว
นัดถกความเห็นแก้ไขพ.ค.นี้
ขณะที่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่1ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษา เสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา34 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษา เสนอแนะและรวบรวมความเห็นฯ อยู่ระหว่างพิจารณารัฐธรรมนูญแต่ละมาตรา อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการฯเห็นว่า ควรจัดสัมมนาระดมความเห็นของสมาชิก สนช.ทุกคน เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ตกผลึกอย่างเป็นทางการและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ก่อนส่งความเห็นให้ กมธ.ยกร่างฯต่อไป คาดว่าจะจัดสัมมนาระดมความเห็นได้ไม่เกินสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม ซึ่งวันที่ 6 พฤษภาคม จะประชุมคณะกรรมาธิการฯ เพื่อวางกรอบการจัดสัมมนาระดมความเห็น
นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า เท่าที่คณะกรรมาธิการฯได้หารือกันช่วงที่ผ่านมาเห็นตรงกันว่า ประเด็นที่ สนช. ส่วนใหญ่ให้ความเป็นห่วงจะอยู่ในภาค 2 เรื่องการเมือง ทั้งเรื่องที่มาสว. ที่มา สส. ที่มาของนายกฯและอำนาจหน้าที่ของแต่ละสภาฯ โดยประเด็นที่มาสว.ขณะนี้ สนช.ยังมีความเห็นแตกเป็น 2ฝ่าย คือ 1.ควรให้มีสว. 2ประเภทคือ สว.สรรหาและสว.เลือกตั้ง 2.ควรมี สว.ประเภทเดียวคือ สว.สรรหา หรือสว.เลือกตั้งอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จะเสนอแนวทางแก้รัฐธรรมนูญออกมาเป็นแนวทางใด ต้องรอการสัมมนาระดมความเห็นจาก สนช.ช่วงเดือนพฤษภาคมก่อน
ค้านประชามติเทียบร่างปี40-50
ส่วนเรื่องทำประชามตินั้นส่วนใหญ่เห็นว่า จะต้องทำร่างรัฐธรรมนูญออกมาให้ดีที่สุด โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ได้ว่า สมควรทำประชามติหรือไม่ ส่วนข้อเสนอให้นำร่างรัฐธรรมนูญปี40 มาประกบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนโหวตเลือกในการทำประชามตินั้น เห็นว่า ไม่จำเป็น แต่ควรปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ออกมาดีที่สุด เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญปี40 เคยใช้มาแล้วก็เห็นข้อบกพร่องว่า มีอะไรบ้าง แล้วจะเอารัฐธรรมนูญที่มีข้อบกพร่องมาประกบใช้ทำไม ควรทำของใหม่ให้ดีที่สุดจะดีกว่า
สปช.จี้รื้อกก.ปรองดองฯหวั่นล่ม
นายวันชัย สอนศิริ โฆษกวิปสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ตน พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการวิป สปช.และ นายไพโรจน์ พรหมสาส์น สปช.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานรวบรวมคำขอแปรญัตติร่างรัฐธรรมนูญจากสมาชิกสปช.มาจัดหมวดหมู่ แบ่งกลุ่ม ส่วน สปช.คนใดที่ยังรวมกลุ่มไม่ถึง 26คน คาดว่าวันที่ 6พฤษภาคมนี้ จะได้ความชัดเจนทั้งหมด
สำหรับคำขอแปรญัตติอยู่ในหมวดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของภาคประชาชน องค์กรใหม่ในรัฐธรรมนูญอย่าง สมัชชาคุณธรรม สมัชชาพลเมือง คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ สมาชิกถามกันมากว่า องค์กรเหล่านี้มีอำนาจปฏิบัติได้จริงหรือไม่ นอกนั้นคงไม่พ้นที่มานายกฯ ระบบเลือกตั้งเเบบสัดส่วนผสม ที่มา สส., สว.แต่ประเด็นที่สมาชิกกังวลคือ การตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ ต้องถูกขอเเก้ไขแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะทำให้สังคมคลางเเคลงใจ อาจถึงขั้นทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เสียไปก็ได้
‘ดิเรก’ค้านนายกฯคนนอก
นายดิเรก ถึงฝั่ง สปช.นนทบุรี กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญว่า วันที่ 6พฤษภาคม กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช.จะประชุมสรุปประเด็นคำขอแปรญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นประเด็นหลักคงหนีไม่พ้น ที่มานายกรัฐมนตรี ที่มาสส.,สว.,ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม โดยเฉพาะปมนายกฯ คนนอก ไม่ถูกต้องตามหลักการ เพราะระบอบประชาธิปไตยที่เเท้จริงต้องให้ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้ปกครองของตนเอง แต่ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ จู่ๆก็ให้ใครก็ไม่รู้ลอยมาเป็นนายกฯได้โดยไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง
‘สุวพันธุ์’เผยรมต.กำลังดูร่างรธน.
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการศึกษาร่างรัฐธรรมนูญว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาควาสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้รัฐมนตรีแต่ละคนกลับไปทำความเห็นร่างรัฐธรรมนูญแล้วส่งกลับมายัง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ 14พฤษภาคม เพราะวันที่ 19พฤษภาคม คณะรัฐมนตรี(ครม.)และคสช.จะประชุมร่วมกัน ซึ่งจะมีเรื่องร่างรัฐธรรมนูญด้วย ก่อนสรุปส่งความเห็นกลับไปยัง กมธ.ยกร่างฯ
ให้ครม.-คสช.ชี้ขาดทำประชามติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคการเมืองเวลานี้ ต่างมีเสียงเดียวกันที่จะทำให้ทำประชามติ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี57 ไม่ได้กำหนดให้ทำประชามติ ขณะที่ สปช.เพิ่งพิจารณาเสร็จ ขั้นตอนต่อไป สปช.ต้องเสนอประเด็นแก้ไข รวมถึง ครม.และคสช.อาจมีข้อเสนอแนะ ซึ่งต้องดูท่าทีของ กมธ.ยกร่างฯด้วย เมื่อตอนนั้นอาจจะทำให้เห็นชัดเจนว่า ควรทำหรือไม่ควรทำประชามติ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดชัดเจน แต่เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะรู้ ซึ่งผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจต้องดูปัจจัยล้อมด้านแล้วถึงมาตกลงใจ เมื่อถามว่า การกดดันจากกลุ่มการการเมืองให้ทำประชามติ มีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ นายสุวพันธุ์ ตอบว่า คิดว่า คสช.และครม.ดูผลประโยชน์สูงสุดประเทศชาติเป็นหลัก รวมถึงด้านการข่าวต้องประเมินเพื่อให้เข้าใจแนวโน้มอนาคตประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประเมินว่า จะทำหรือไม่ทำประชามติจะมีผลอย่างไร
เตือนคุ้มค่างบประมาณหรือไม่
นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สปช.ด้านสื่อสารมวลชน กล่าวถึงข้อเรียกร้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า ก่อนจะทำประชามติหรือไม่ต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องตอบคำถามเหล่านี้ได้เสียก่อน คือ 1.ประชามติมีความจำเป็นจริงหรือไม่ เพราะผู้เรียกร้องส่วนใหญ่เป็นฝ่ายการเมือง ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่หลายสิบล้านคนยังไม่มีท่าทีอะไรที่ชัดเจน 2.การทำประชามติควรทำในบรรยากาศที่บ้านเมืองและชาวบ้านมีสิทธิและเสรีภาพเต็มที่ แต่บรรยากาศบ้านเมืองต้องการความเรียบร้อยตามนโยบาย คสช.ดังนั้นหากทำประชามติจะเกิดการโต้แย้งเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบจากฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจนำมาซึ่งความขัดแย้งและ3.การทำประชามติต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและผลที่ประเทศชาติจะได้รับ เพราะต้องใช้งบประมาณแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 3พันล้านบาท งบจัดทำประชามติ เลือกตั้งสส.และสว.ช่วงปี2557-2559และการเลือกตั้งในอนาคตภายหลังรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ จะทำให้ชาติหมดเงินไปประมาณ 3.6หมื่นล้านบาท ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน หากตอบไม่ได้ ก็ไม่ควรทำประชามติ
นปช.ลุยยื่นUNทวงคืนทีวีแดง
ทางด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ในฐานะหนึ่งในผู้ดำเนินรายการช่องพีซทีวี พร้อมทีมผู้ประกาศ เข้าายื่นหนังสือต่อ นายยู คาโนสุเอะ เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชน สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านไปถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามปฏิญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนข้อที่19หยุดการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของสื่อ หลังพีซทีวีถูกเพิกถอนใบอนุญาต เมื่อวันที่ 30เมษายนที่ผ่านมา
“บิ๊กจิ๋ว”เดินสายพบชาวนา
วันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาพบชาวนาที่ศาลาการเปรียญวัดบางยี่โท ต.บางยี่โท อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีตัวแทนชาวนากว่า 100คน เข้าร่วมกิจกรรม ท่ามกลางการดูแลของกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต กล่าวกับชาวนาตอนหนึ่งว่า การมาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองและไม่ได้เป็นกิจกรรมที่หวังผลทางการเมือง แต่ที่มาพบชาวนา เพราะต้องการมารับทราบปัญหา ทั้งประเด็นปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแพง ทำให้ต้นทุนการเพาะปลูกสูงมาก แนวทางหนึ่งที่จะพอมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายคือ ต้องปรับวิธีการเพาะปลูก ด้วยการลดต้นทุน ลดใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง หรือเคมีภัณฑ์และหันมาทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อการเพาะปลูก ซึ่งจะลดต้นทุนการทำนาลงได้ จากนั้น พล.อ.ชวลิต จึงเดินทางกลับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี