‘ปู’ยื่น30ล.ประกันตัว
ปฏิเสธข้อหาปล่อยโกงข้าว
ศาลห้ามออกนอกประเทศ
แม้วโผล่เย้ยรัฐบาล‘บิ๊กตู่’
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การ คดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.)เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 กรณีไม่ยับยั้งทุจริตโครงการจำนำข้าว สร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
“ปู”ขึ้นศาลนัดแรก-ลั่นบริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการนัดพิจารณาคดีครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาพร้อมนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี พร้อมทีมทนายความ และอดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายนิวัติธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมว.พาณิชย์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นอกจากนี้ ยังมีประชาชนจำนวนมากมารอมอบดอกไม้ให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์บริเวณหน้าศาลฎีกาฯ โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 500 นาย จาก บก.น.2 และสน.ทุ่งสองห้องคอยดูแลความปลอดภัย
โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวเพียงสั้นว่า จะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และมั่นใจในความบริสุทธิ์ พร้อมขอความร่วมมือ อย่าวิพากษ์วิจารณ์คดี เพราะคดีอยู่ในการพิจารณาชั้นศาลแล้ว
ขณะที่ฝ่ายอัยการโจทก์ นำโดย นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานฯ นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก อสส.พร้อมคณะทำงานอัยการ มาร่วมฟังการพิจารณา
ปฎิเสธทุกข้อหายื่นพยาน20ปากสู้คดี
ต่อมาเวลา 09.30 น.นายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะพิจารณาคดี 9 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีนัดแรกและสอบคำให้การจำเลย โดยศาลอ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังสรุปว่า ระหว่างเดือนสิงหาคม 2554-พฤษภาคม 2557 จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวเปลือก 5โครงการ ซึ่งมีหลายหน่วยงานท้วงติงว่า โครงการรับจำนำข้าวมีแนวโน้มก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งด้านคุณภาพข้าว บิดเบือนราคาตลาด ซึ่งจำเลยและครม.ต้องระมัดระวัง และมีมาตรการป้องกันความเสียหายด้านเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ แต่จำเลยกลับร่วมลงมติกับคณะรัฐมนตรี (ครม.)งดเว้นมาตรการป้องกันไม่ระงับยับยั้งความเสียหาย โดยโจทก์ขอให้ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2,000 – 20,000 บาท และ พ.ร.บ.ปปช.2542 มาตรา 123/1 มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท
จากนั้นนายวีระพล ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสอบถามจำเลยว่าให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงตอบศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอต่อสู้คดี พร้อมแถลงขอยื่นคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับสมบูรณ์ไม่เกินวันที่ 3 กรกฎาคม
ศาลจึงสอบถามโจทก์และจำเลยว่าจะนำพยานเข้าไต่สวนคดีกี่ปาก นายชุติชัยในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอัยการโจทก์แถลงว่ามีพยานบุคคลเข้าไต่สวนรวม 13 ปาก ขณะที่นายเอนก คำชุ่ม ทนายความจำเลย แถลงขอนำพยานเข้าไต่สวนไม่ต่ำกว่า 20 ปาก ซึ่งพยานบางส่วนอยู่ในสำนวนของป.ป.ช.และพยานบางส่วนอยู่นอกสำนวน ป.ป.ช.
ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน21กค.
ซึ่งศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การฉบับสมบูรณ์ต่อศาลภายในวันที่ 3 กรกฎาคม โดยนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 21 และ 28 กรกฎาคม เวลา09.30 น. ส่วนที่จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลยนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องมาศาลตามนัดทุกครั้ง หากไม่สามารถมาศาลนัดใดได้ ให้ยื่นคำร้องแสดงเหตุจำเป็นต่อศาลเป็นครั้งคราวไป ขณะที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นได้รับอนุญาตจากศาล
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณา น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกจากศาลฎีกาฯ โดยมีมวลชนที่มารอให้กำลังใจบริเวณหน้าประตูศาลฎีกาฯ ตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจว่า “ยิ่งลักษณ์ สู้ สู้” ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ยกมือไหว้ขอบคุณผู้ที่มารอให้กำลังใจ ก่อนขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโฟล์ค เลขทะเบียน ฮน 333 เดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ยื่นประกัน30ล.ศาลปล่อยตัวชั่วคราว
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า กระบวนการหลังจากนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมเข้ากระบวนการยุติธรรม แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว เพื่อช่วยเหลือชาวนา พร้อมแสดงหลักฐานต่างต่อศาล ทั้งนี้ ทีมทนายความยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพฯจำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร
ทนายดักคอฝ่ายปฎิปักษ์อย่าพูดชี้นำ
“ทีมทนายมั่นใจในพยานหลักฐาน เพราะดูจากสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบข้อพิรุธ และตั้งข้อสังเกตความน่าเชื่อถือของพยาน เพราะพยานที่ถูกกล่าวอ้างบางรายถูกออกจากราชการและถูกออกหมายจับ ส่วนเรื่องพยานไต่สวนนั้นจะไปแถลงวันที่นัดตรวจพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม เราไม่กังวล แต่เมื่อคดีเข้ากระบวนการศาลแล้ว ไม่อยากให้พรรคฝ่ายค้านที่เป็นปฎิปักษ์ต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปพูดชี้นำเท่านั้น”นายนรวิชญ์กล่าว
ศาลแจงตีวงเงินวงเงินสูงสุด
ขณะที่นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาฯ หนึ่งในองค์คณะคดีนี้เปิดเผยว่า การพิจารณาหลักทรัพย์ในการปล่อยชั่วคราวของศาลฎีกาฯสำหรับจำเลยแต่ละคนนั้น ศาลพิจารณาจากอัตราโทษแต่ละคดีและมูลค่าความเสียหายในคดีเป็นหลัก ซึ่งคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ศาลตีราคาวงเงินประกัน 30 ล้านบาทนั้น พิจารณาจากมูลค่าความเสียหายในคดีที่สูงถึง 5 แสนล้านบาท อัตราโทษของคดีและนำสำนวนคดีอื่นมาพิจารณาประกอบกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่านำกรณีคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ซึ่งศาลตีราคาวงเงินประกัน 8 ล้านบาท แต่ก็ยังหลบหนีมาประกอบการพิจารณาด้วยหรือไม่ นายธนฤกษ์กล่าวว่า ก็มีส่วน อย่างคดีพ.ต.ท.ทักษิณก็นำมาประกอบการพิจารณาด้วย แต่ถือได้ว่าคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ศาลตีราคาวงเงินประกันปล่อยชั่วคราวสูงสุด
“แม้ว”ชี้ผลงานรบ.ตู่ไม่น่าประทับใจ
วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางไปร่วมสัมมนา งานประชุมผู้นำแห่งทวีปเอเชียครั้งที่ 6 “The 6th Asian Leadership Conference” ( ALC )ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ โดยพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวนอกรอบตอนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่า ยังไม่น่าประทับใจ ขอให้รัฐบาลพยายามทำงานให้หนักขึ้นกว่านี้ ต้องเข้าใจโลกและนานาชาติ และความรู้สึกของประชาชนที่เคยอยู่กับประชาธิปไตยมานานหลายปี อีกทั้ง ยังระบุว่า ต้องการเห็นรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ประสบความสำเร็จ แต่คงเป็นเรื่องยากอย่างที่เราสามารถคิดกันได้
ปัดหนุนเสื้อแดงเคลื่อนไหว
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า ในที่สุดแล้ว ประชาธิปไตยจะมีชัยในไม่ช้า แต่เราต้องอดทนและอยู่ในความสงบและสันติ พร้อมเรียกร้องไม่ให้คนไทยใช้ความรุนแรง และปฎิเสธการให้การสนับสนุนคนเสื้อแดงเคลื่อนไหว อีกทั้ง ยืนยันไม่มีแผนให้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตเล่นการเมืองหรือรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนต่อไป
“บิ๊กตู่”เมินถูกแขวะท้าดูการกระทำ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษ์ถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณระบุผลงานรัฐบาลชุดนี้ยังไม่น่าประทับใจว่า เขาพูดเหมือนที่ตนพูดหรือไม่ ทำเหมือนที่ตนทำหรือไม่ ตนไม่ไปตอบโต้ใครทั้งสิ้น ให้ดูที่การกระทำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี