'บวรศักดิ์'ปลุกปชช.ศึกษารธน. ลั่นตัดสิทธิพลเมืองต้องข้ามศพ
วันเสาร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 16.35 น.
Tag :
23 พ.ค. 58 ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น มีการจัดเวทีการสัมมนา เรื่อง “การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ” จัดโดย คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
โดยก่อนที่จะมีการเปิดการสัมมนา นายวิรัตน์ สุขกุล ตัวแทนขบวนองค์กรชุมชนภาคอีสาน ยื่นหนังสือต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สนับสนุนแนวทางการปฏิรูปเพื่อกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยให้คงไว้ซึ่งการปฏิรูปที่จะนำไปสู่ระบบการจัดการตนเอง และสนับสนุนวิธีการจัดการตนเองด้วยกลไกสมัชชาพลเมือง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการบริหารท้องถิ่น เพื่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนำความเห็นประชาชนไปประกอบการตัดสินใจ ระหว่างการพิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ
หลังจากนั้น นายบวรศักดิ์ ได้กล่าวเปิดการสัมมนาและกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ 'ร่างรัฐธรรมนูญ' ว่า เวทีที่นี้ ถือเป็นเวทีก่อนที่จะมีการพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเริ่มต้นกระบวนการในวันที่ 26 พฤษภาคม ส่วนการดำเนินการรับฟังความเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญจะมีถึงปลายเดือนมิถุนายน เพราะในเดือนกรกฎาคม ทางกรรมาธิการยกร่างฯ ก็จะได้มีการสรุปร่างต่อไป ซึ่งตนอยากฝากบอกไปยังทุกคนว่า ตนและทุกคนเกิดมาวันแรกไม่มีตำแหน่ง และวันที่เข้าโลงศพหรือวันตายนั้นทุกคนก็ไม่ได้มีตำแหน่งเช่นกัน แต่จะเหลือเพียงแค่ความเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น ดังนั้นการทำประชามติต้องนึกถึงพลเมืองเป็นหลัก เพราะทุกคนสวมหัวโขนกันอยู่ทั้งสิ้น เกิดและตายในฐานะพลเมืองไม่ใช่ด้วยตำแหน่งใดทั้งสิ้น
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ เป็นร่างฯ ภายหลังจากที่บ้านเมืองผ่านความขัดแย้ง เพราะถ้าความขัดแย้งไม่หายไป อนาคตไม่รู้ไปทางไหน ประเทศก็จะถอยหลัง ดังนั้น ทางกรรมาธิการฯ จึงได้มีการตั้งเจตนารมณ์ 4 ข้อ คือ สร้างพลเมืองให้เป็นใหญ่ การเมืองใสสะอาดและสมดุล หนุนสังคมที่เป็นธรรม นำชาติสู่สันติสุข ซึ่งคำที่พบมากที่สุดในร่างรัฐธรรมนูญนี้ ก็คือ สิทธิและพลเมือง แต่กลับมีคนพูดแค่เพียง 15 มาตรา คือ ระบบเลือกตั้ง โอเพ่นลิสต์ ส่วนอีก 300 มาตราที่เกี่ยวข้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนกลับไม่มีใครพูดถึงเลย
ดังนั้น ทางกรรมาธิการยกร่างฯ ตัดสินใจว่า จะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อคน 64.5 ล้านคน ไม่ใช่นักการเมืองที่มีไม่ถึงพันคน ซึ่งหากมีใครคิดที่จะตัดสิทธิของพลเมืองต้องผ่านศพตนไปก่อน ซึ่งทางกรรมาธิการยกร่างฯ ไม่ได้สู้เพื่ออะไร แต่สู้เพื่อลูกหลาน รัฐธรรมนูญผ่านไม่ผ่าน ไม่ใช่อยู่ที่ทางสมาชิก สปช. เพราะทางสมาชิก สปช. ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินแทนประชาชน 64.5 ล้านคน คนที่จะตัดสินว่าผ่านไม่ผ่านคือประชาชน เพราะประชาชนคือผู้พิพากษา ถ้าเกิดบอกไม่เอา ตนก็กลับไปนอนบ้าน ดังนั้น อีกไม่กี่เดือนจะถึงวันประชามติ พ่อแม่พี่น้องอย่าไปฟังใคร ต้องศึกษาเอง เชื่อกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า อ่านดูเองแล้วตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับ อย่าเชื่อใคร ซึ่งตนเชื่อว่า คำพิพากษาประชาชนคือคำพิพากษาสุดท้าย