'กระแส'ชี้'บวรศักดิ์'ใช้สมาธิหยั่งรู้ มั่นใจ'ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน'
วันเสาร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 16.53 น.
Tag :
23 พ.ค. 58 ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น น.พ.กระแส ชนะวงศ์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในเวทีการสัมมนา เรื่อง “การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ” ว่า ตนผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมานาน ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และเป็นคนที่เชื่อผู้นำ ดังนั้นเมื่อได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกับนายบวรศักดิ์ที่เป็นประธานกรรมาธิการยกร่างฯ ตนเคยถามว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ ซึ่งนายบวรศักดิ์ บอกว่าผ่าน เพราะในร่างรัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจประชาชนเพิ่มมากขึ้น และจากการหยั่งรู้โดยสมาธิว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่าน เมื่อนายบวรศักดิ์บอกว่าผ่าน ตนก็มั่นใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านเช่นกัน เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า “ถ้าเชื่ออย่าสงสัย ถ้าสงสัยอย่าเชื่อ” ดังนั้น ตนจึงเชื่อนายบวรศักดิ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะผ่าน
น.พ.กระแส กล่าวต่อว่า ประชาชนจะได้อะไรจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งต้องบอกว่ารัฐธรรมนูญมีเสน่ห์ 4 ข้อ คือ ทำให้อำนาจบริหารทั้งหลายในอนาคตไม่ว่ารัฐบาลส่วนกลางหรือท้องถิ่นมีความโปร่งใส ไม่ลึกลับ เปิดเผยได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าคนที่จะเข้าสู่การเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ต้องชัดเจนว่าต้องทำอะไรได้บ้างและห้ามทำอะไรบ้าง ต่อมา เรื่องการกระจายอำนาจไปสู่การปกครองท้องถิ่นถึงประชาชน จะมีอำนาจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้ง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงมากขึ้น และเน้นการกระจายงบประมาณไปสู่การบริหารในระดับท้องถิ่นมากขึ้น
“วันนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้พยายามให้สิ่งที่ประชาชนต้องการดังนั้นเราก็หวังว่าจะได้ในสิ่งที่เราปรารถนาคือความสุขและความภาคภูมิใจ” น.พ.กระแส กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ตัวแทนกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงภาพรวมบทบัญญัติในภาคต่างๆของรัฐธรรมนูญ ตามที่กรรมาธิการแต่ละคนรับผิดชอบ ทั้งระบบการเมือง การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการปฏิรูปประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่กลุ่มภาคประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน ก็ได้ยื่นข้อคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สนับสนุนแนวทางการกระจายอำนาจในรูปแบบท้องถิ่นจัดการตนเอง พร้อมกับกลไกสมัชชาพลเมืองที่เป็นช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการบริหารท้องถิ่น ซึ่งการสัมมนาในวันพรุ่งนี้ (24 พฤษภาคม) จะแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมสัมมนาออกเป็น 5 กลุ่ม ตามหัวข้อหลักในร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย กลุ่มพลเมือง สิทธิ เสรีภาพ และการมีส่วนร่วม กลุ่มสถาบันการเมือง นักการเมือง และการเลือกตั้ง กลุ่มกระบวนการยุติธรรม ศาล และการตรวจสอบ