23 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 พ.ค.) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกแถลงการณ์ "ประเทศไทย: การจับกุมในวันครบรอบหนึ่งปีรัฐประหารถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนของการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง" โดยระบุดังนี้
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวในวันนี้ว่า การจับกุมนักศึกษาและนักกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารโดยพลการ ในเหตุการณ์อย่างน้อยสามครั้งในวันนี้ ทั้งที่กรุงเทพฯและขอนแก่น ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า ระบอบทหารที่ปกครองประเทศมาครบหนึ่งปีแล้วยังไม่ยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ถึงแม้การแสดงออกนั้นจะเป็นไปอย่างสงบก็ตาม
ริชาร์ด เบนเน็ต (Richard Bennett) ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ครบหนึ่งปีพอดีนับแต่กองทัพไทยประกาศใช้กฎอัยการศึกและยึดอำนาจ เรายังคงเห็นการปราบปรามที่รุนแรงต่อผู้ประท้วงอย่างสงบบนท้องถนน
“ต้องไม่มีการจับกุมหรือควบคุมตัวผู้ประท้วงอย่างสงบ เพียงเพราะพวกเขาเสนอความเห็นที่อาจไม่น่ารับฟังหรือท้าทายระบอบทหาร บุคคลที่ชุมนุมอย่างสงบตามหลักสิทธิมนุษยชนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก ต้องได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และต้องยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมด”
"ทางการต้องเคารพและคุ้มครองให้มีการแสดงความเห็นต่างอย่างสงบได้ และให้ยกเลิกมาตรการอย่างเข้มงวดที่ปิดกั้นการแสดงออกและการชุมนุมในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางกฎหมายหรือทางปฏิบัติ”
ประมาณ 18.20 น.ตามเวลาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนักศึกษาและนักเคลื่อนไหว 20 คนที่กรุงเทพฯ ช่วงที่กำลังจะประท้วงเชิงสัญลักษณ์อย่างสงบ เพื่อต่อต้านรัฐประหารเมื่อปี 2557 ที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในช่วงแรก ๆ เมื่อปีที่แล้ว ตำรวจปฏิเสธไม่ให้ผู้ถูกควบคุมตัวได้พบกับทนายความ อ้างว่าต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา มีรายงานว่านักกิจกรรมสองคนเป็นอย่างน้อยได้รับบาดเจ็บระหว่างการจับกุมและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล
ในอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอน 15.00 น.ในวันนี้ที่กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจับกุมนักศึกษา นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยและคนขับแท็กซี่ที่สถานีรถใต้ดิน พวกเขาถูกควบคุมตัวไว้ที่โรงพักและได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา
บุคคลทั้งสามเป็นสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งเป็นกลุ่มประท้วงทางการเมือง และอยู่ระหว่างเดินทางเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาที่กรุงเทพฯ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนปัจจุบันซึ่งทำการรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว ทางกลุ่มแจ้งแผนการต่อสาธารณะหลายวันก่อนจะมีการชุมนุมในโอกาสครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร สมาชิกคนอื่นของกลุ่มเคยถูกควบคุมตัวมาแล้วจากการประท้วงเชิงสัญลักษณ์อย่างสงบในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาอย่างนายสิริวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ หรือนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ซึ่งลูกชายของเขาถูกทหารฆ่าตายระหว่างการปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อปี 2553 และคนขับแท็กซี่อย่างนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ
ในเหตุการณ์ที่สาม มีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อยเจ็ดคนที่จังหวัดขอนแก่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อประมาณ 13.00 น. ผู้ประท้วงทั้งเจ็ดคนได้รวมตัวชุมนุมอย่างสงบเพื่อต่อต้านรัฐประหารและการบังคับไล่รื้อชุมชนในชนบทเพื่อเปิดทางให้กับโครงการขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนา ผู้ประท้วงเป็นสมาชิกกลุ่มดาวดิน ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เป็นนักกิจกรรม โดยเชื่อว่าบางส่วนเคยถูกจับกุมมาแล้วในเหตุการณ์ชูสามนิ้วจากภาพยนตร์ “ฮังเกอร์เกมส์” ระหว่างที่พลเอกประยุทธ์มากล่าวปาฐกถาที่ขอนแก่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557
จากภาพข่าว เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบได้บุกเข้าไปสลายการชุมนุมก่อนจะจับกุมนักกิจกรรม ในเบื้องต้นมีการพาตัวสมาชิกกลุ่มดาวดินไปยังค่ายทหาร และในตอนนี้ถูกนำตัวไปที่โรงพักในขอนแก่น
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเหล่านี้สะท้อนความพยายามของทางการไทย ในการปราบปรามเสียงที่แสดงความเห็นต่างของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอาจต้องเจอกับโทษจำคุก ทางการได้ใช้อำนาจมากมายที่มีอยู่เพื่อจำกัดและปฏิเสธไม่ให้ประชาชนได้ใช้สิทธิของตนโดยอ้างว่าเพื่อความมั่นคงของประเทศ ถึงเวลาแล้วที่ต้องอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิในการแสดงความเห็นต่างได้อย่างสงบ” ริชาร์ด เบนเน็ตกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สื่อกัมพูชาแพร่ภาพนศ.จิกหัวตร. สวนทางแถลงการณ์'แอมเนสตี้'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี