24 พ.ค.58 ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น เวทีการสัมมนา เรื่อง "การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ" จัดโดย คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในคณะ กมธ.ยกร่างฯ ร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สถาบันพระปกเกล้า และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นวันที่สอง โดยกระบวนการในวันนี้ เป็นการแบ่งผู้เข้าร่วมเสวนา ออกเป็น 5 กลุ่ม ตามหัวข้อหลักในร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย กลุ่มพลเมือง สิทธิ เสรีภาพ และการมีส่วนร่วม กลุ่มสถาบันการเมือง นักการเมือง และการเลือกตั้ง กลุ่มกระบวนการยุติธรรม ศาล และการตรวจสอบ กลุ่มการกระจายอำนาจและสมัชชาพลเมือง และกลุ่มการปฏิรูปและความปรองดอง เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละด้าน
โดยกระบวนการรับฟังความเห็นประชาชน จะเป็นการสะท้อนความเห็นที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งประเด็นที่ประชาชนพึงพอใจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตัวแทนภาคประชาชน เห็นด้วยกับสิทธิ์พลเมืองที่มีมากขึ้น ทั้งกระบวนการตรวจสอบทางตรง การกระจายอำนาจ กลไกสมัชชาพลเมือง ขณะที่ระบบการเมือง ก็มีความเห็นสนับสนุนเกี่ยวกับที่มา ส.ว.ที่มีความหลากหลาย และคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ที่มองว่าสะท้อนคะแนนเสียงประชาชนมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่ตัวแทนประชาชนสะท้อนความกังวล ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยเสนอให้มีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการบังคับใช้อำนาจของ กกต.อย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงความคาดหวังต่อการกระจายอำนาจให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านคณะกรรมการกระจายอำนาจแห่งชาติ ที่มีในบทบัญญัติปฏิรูปการบริหารท้องถิ่น
ต่อมาในช่วงบ่าย ก่อนจะเข้าสู่การอภิปรายผลการเสวนาและสรุปผลการเสวนานั้น นายทัศนัยน์ สุขสบาย ประธานชมรม กำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.ขอนแก่น ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ กมธ.ยกร่างฯ โดยมี นางถวิลวดี บุรีกุล ประธาน อนุ กมธ.การรับฟังความคิดเห็นและมีส่วนร่วมของประชาชน ในคณะ กมธ.ยกร่างฯ เป็นผู้รับหนังสือ โดยนายทัศนัยน์ ได้แสดงจุดยืน ขอคัดค้านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 285 ให้มีการปฏิรูปด้านการบริหารท้องถิ่น โดยกล่าวว่ามาตราดังกล่าวไม่มีคำว่าท้องที่อยู่ในนั้น ซึ่งตนอยากให้มีคำว่าองค์กรบริหารส่วนท้องที่ระบุลงไปด้วย
หลังจากนั้น ได้มีการอภิปรายและสรุปผลการสัมมนา โดยประชาชนผู้เข้าร่วมเสวนา เห็นด้วยกับหลักการสำคัญที่ให้พลเมืองเป็นใหญ่ พร้อมกลไกการมีส่วนร่วมการตรวจสอบระดับชาติอย่างสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ และระดับท้องถิ่นอย่างสมัชชาพลเมืองและสภาตรวจสอบภาคพลเมือง การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น บทแนวทางการจัดการตนเองโดยให้ผู้บริหารมาจากการเลือกตั้ง การบัญญัติเรื่องการปฏิรูป โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ดินที่จัดให้มีธนาคารที่ดิน เพื่อจัดสรรให้ประชาชนอย่างทั่วถึง จนไปถึงระบบการเมือง ที่เห็นด้วยกับระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ที่จะทำให้ทุกคะแนนเสียงประชาชนมีค่าด้วยวิธีคิดแบบสัดส่วน เห็นด้วยให้มีกลุ่มการเมืองลงเลือกตั้ง และสนับสนุนการเลือกตัวบุคคลในระบบบัญชีรายชื่อหรือโอเพ่นลิสต์
ส่วนประเด็นที่ต้องการให้ปรับปรุงหรือต้องการให้เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มอัตราภาษีที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ การตัดบทลงโทษไม่ให้มีการรอลงอาญา การปฏิรูปการบริการสาธารณะ การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อลดการทุจริตซื้อเสียง การบังคับใช้อำนาจของ กกต.ให้มีประสิทธิภาพ และให้มีที่มาจากการเลือกตั้ง คุณสมบัตินายกรัฐมนตรีควรมีที่มาจากประชาชน จนไปถึงความต้องการของประชาชนบางส่วนที่ต้องการให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่มีความเห็นด้วยตรงกันเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทั้งนี้ เวทีเผยแพร่สาระและรับฟังความเห็นประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ จะจัดขึ้นอีกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 30 - 31 พ.ค.และเวทีสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 6 - 7 มิ.ย.ก่อนจะรวบรวมความเห็นจากเวทีทั้ง 4 ภาค เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ในช่วงเวลาระหว่างเดือน มิ.ย.และ ก.ค.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี