25 พ.ค.58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาการรวบรวมความเห็นขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนส่งความเห็นไปยังกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้เวลาในการประชุมร่วม 3ชั่วโมง ว่า ตนพูดในนาม ครม. ไม่ใช่ในนาม คสช. สิ่งที่ ครม.เป็นกังวลคือทำอย่างไร กระบวนการปฏิรูปและการปรองดองที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยการมีแต่ละสภาฯที่ทำงานอยู่นั้น จะมีอะไรที่เป็นมาตรการชัดเจนนำไปสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้ หากทุกคนทราบดีถึงปัญหาความบกพร่องต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้อำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณ การทุจริต และการรักษาความมั่นคง ทั้งหมดต้องดูว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วทั้งสิ้น
"ผมถามว่า ถ้าสมมุติมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เลือกตั้ง แล้วมีอะไรรับประกันได้หรือไม่ว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไว้จะได้รับการสืบสานต่อ มีองค์กรมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่ที่จะทำ แต่ไม่ไปคาบเกี่ยวในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่เขาจะดูเรื่องความมั่นคง ความปรองดอง การเดินหน้ายุทธศาสตร์ประเทศว่า ใครจะทำ ผมไม่ได้เป็นห่วงว่าใคร แต่ต้องหาวิธีการมา ทุกคนต้องคิดว่า วันข้างหน้าใครตอบผมได้บ้างว่า จะไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก เมื่อทุกคนมุ่งหวังเพียงว่า ถ้าเราจะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยได้ก็ต้องเลือกตั้ง ผมก็ไม่ได้ไปเถียงท่าน ซึ่งนักการเมืองก็มองอีกแง่หนึ่งว่า ทำอย่างไรที่จะไม่มีการปฏิวัติขึ้นอีก เขาว่าก็ต้องไปปฏิรูปทหารก่อน เพราะทหารเป็นผู้ปฏิวัติ คิดอย่างนี้บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ ถามว่า การปฏิวัติทุกครั้งมันมีสาเหตุอะไร ผมไม่ได้บอกว่า มันถูกต้องแต่ประเทศไทยมันเป็นแบบนี้ ก็แก้ปัญหาแบบนี้มาโดยตลอด ทำอย่างไรปัญหาจะไม่เกิดขึ้นมาอีก ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ มีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่ทับซ้อนข้าราชการ เดินหน้าประเทศไปตามขึ้นตอน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลนี้เกิดมาโดย คสช.และ คสช.เกิดขึ้นมาโดยตน ตนเป็นผู้เสี่ยงอันตรายโดยต้องการแก้ไขปัญหาทั้งหมดของประเทศ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย วันนี้ทุกคนมีอิสระเสรีจนลืมไปแล้วว่า รัฐบาลนี้มาจากจุดใด ขอให้ดูด้วย ตนไม่ปฏิเสธว่ามันต้องเป็นประชาธิปไตย แต่มันจะแค่ไหน เราวางแผนปฏิรูปประเทศไว้อย่างไร คนในประเทศต้องการอะไร เรื่องดังกล่าวต้องไปถามคนทั้งหมด เช่น ภาคการเกษตรต้องการการช่วยเหลือแบบไหน หรือเขาต้องการเงินอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นมันก็ไปไม่ได้ การสร้างความเข้มแข็งจะต้องทำในทุกภาคส่วน ทั้งความมั่นคง เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ การปรับโครงสร้าง ไม่ใช่สั่งวันนี้แล้วพรุ่งนี้เปลี่ยน
"อย่างการปฏิรูปตำรวจ ทุกคนบอกว่าต้องปฏิรูปวันนี้ ผมไม่ได้เถียงว่าต้องปฏิรูปวันนี้ อย่าลืมว่าวันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ของรัฐบาลและ คสช.ซึ่งผมถือว่าเป็นระยะที่ 1 ของการปฏิรูป พอถึงระยะที่ 3 ของรัฐบาลและ คสช.ก็คือการส่งไปให้รัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งถือเป็นระยะที่ 2 ของการปฏิรูป จะกี่ปีผมไม่รู้ 4 ปี 5 ปีจบ ก็ถือเป็นระยะที่ 2 ของรัฐบาลหน้า ถ้ามันจะต้องมีถึง 10 ปี ก็เป็นอีก 5 ปีของรัฐบาลหน้า ปฏิรูปมันจะแค่ไหน สั่งวันเดียวจบหรือไม่ การแก้ไขในเรื่องการปฏิรูปของรัฐบาลนี้ทำมาในรูปแบบของการบริหารราชการแผ่นดิน มีการปรับให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำงานอย่างบูรณาการด้วยการประสานงาน ด้วยการใช้กฎอัยการศึก ใช้มาตรา 44 ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่เหมือนเดิม นี่ถือว่าผมปฏิรูปแล้ว เช่น การปฏิรูปโครงสร้างตอนนี้ก็ทำในบางส่วน อาทิ เรื่องของการประมง ไอยูยู ค้ามนุษย์ ก็ใช้อำนาจของผมรวบรวมหน่วยงานที่ถือกฎหมายคนละฉบับมาทำงานร่วมกันให้ได้ และในการทำปฏิรูปขั้นต่อไปมันทำไม่จบหรอก มันต้องไปแก้โครงสร้างในกระทรวงในระเบียบการทำงานแต่ละเรื่อง มีทั้งกฎหมายลูก แต่สิ่งต่างๆอีกมาก เรื่องนี้รัฐบาลหน้าต้องไปทำต่อ ไม่ใช่ทุกอย่างจะเอาแค่วันนี้ ก็จะเกิดข้อขัดแย้งอีกมากมาย แล้วมันจะอยู่กันได้หรือไม่ รัฐธรรมนูญก็ทะเลาะกันพออยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนมีความตั้งใจดี แต่ต้องเห็นใจตนบ้าง เพราะทำมาถึงขนาดนี้แล้ว หรือใครอยากจะให้กลับไปเหมือนเดิม ถ้าไม่อยากก็ต้องช่วยกันหามาตรการที่เหมาะสมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำอย่างไรจะไม่ให้กลับไปสู่การปฏิวัติอีก ไม่ใช่ไปลดอำนาจใคร อำนาจมันอยู่คนใช้ทั้งรัฐบาลและหัวหน้าส่วนราชการ โดยต้องคำนึงว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีกใครจะเป็นคนแก้ ถ้ามุ่งประเด็นว่าต้องทำให้ทหารอ่อนแอ ทหารเล็กลงจะได้ไม่มีการปฏิวัติมันใช่หรือไม่ หรือต้องการจะให้ไปลดโครงสร้างตำรวจก็ต้องบอกว่าวันนี้ก็ทำงานกันอยู่ ทั้งหมดก็ต้องเขียนไว้เพื่อจะส่งให้รัฐบาลใหม่ ว่าจะปฏิรูปอย่างไร เมื่อรัฐบาลใหม่มาก็ส่งแผนให้รัฐบาลใหม่เขาก็ต้องทำตามที่เขียนไว้โดยรัฐบาลนี้ ไม่ใช่ไปคิดใหม่ แต่ถามว่าทำอย่างไรรัฐบาลใหม่เขาถึงจะทำ สื่อก็ต้องไปไล่ถามให้ด้วย เหมือนกับที่ไล่ถามรัฐบาลปัจจุบัน ยืนยันว่าเราทำเต็มที่แล้ว แต่ปัญหามันสลับซับซ้อน หลายกระทรวงข้าราชการมีหลายแสนคน ตนก็ทำงานเต็มที่แล้ว และได้สั่งงานไปมาก โดยมี ครม.ช่วยกันมาโดยตลอด ถามว่าสิ่งที่ทำมาวันนี้มีอะไรผิดบ้าง ถ้ามันจะผิดก็คือไม่ตรงตามความต้องการของคนบางพวก บางกลุ่ม เพราะมีทั้งคนได้คนเสีย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดที่จะทำให้คนได้ทั้งหมดหรือเสียทั้งหมด ต้องเอาว่าคนส่วนใหญ่ได้อะไร
“เคยมีใครพูดแล้วทำอย่างผมบ้างไหม ไปดูผลงานผมที่ทำมา ไม่ใช่ตีทุกเรื่องแล้วก็ไปฟังฝ่ายการเมือง จะดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนที่จะเลือกกันมา วันหน้าจะกลับมาใหม่หรือไม่ก็ไม่รู้ ต่างประเทศไม่ต้องไปให้ความสำคัญเพราะไม่ได้อยู่ในกระบวนการของประเทศไทย จะไปขยายความทำไม เพราะความขัดแย้งในประเทศมีมากอยู่แล้ว ไปฟังเขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นมา สื่อชอบไปเขียนให้เกิดความปั่นป่วน เกิดความสะใจ มีคนด่ากันกลับไปกลับมา ผมเลิกแล้วขี้เกียจ ก้าวข้ามไม่พ้นสักที วันนี้มาตรการทางกฎหมายมีอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี