ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวง ขณะเดียวกัน ยังคงมีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจต่อเนื่องในส่วนตำรวจภูธรภาค 7 สืบเนื่องจากการเกิดคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่การปฎิบัติหน้าที่สะสางคดีล่าช้า โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวภายหลังประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งพล.ต.วีรชน สุคนธปฎิภาค ที่ปรึกษาทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการต่างประเทศเพิ่มอีก 1 คน เนื่องจาก มีความรู้ความสามารถด้านการต่างประเทศ จะให้มาช่วยงานเรื่องเกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ เพราะมีความสามารถในการแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้รวดเร็ว
ไฟเขียว“เกษมสันต์”ปลัดทส.
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายเกษมสันต์ จิณณวาโส เลขาธิการสำนักงานนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แทนนางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษฏ์ ที่ ครม.มีมติย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเกษมสันต์ถือเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ของพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สับเก้าอี้รองปลัดฯ-ผู้ตรวจฯกษ.
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครม.เห็นชอบแต่งตั้งนายอนันต์ ลิลา รองปลัดกระกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ และให้นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯเป็นรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่ง
นายกฯฮึ่มย้าย-หั่นบำเหน็จขรก.อู้
พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยด้วยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ผ่านมามองเรื่องการปฏิบัติงานที่สั่งการนโยบายไปหลายนโยบาย แต่ผลผลิตออกมายังน้อย จึงสั่งขันน็อตรองนายกรัฐมนตรี ที่ไปตรวจงาน ให้ไล่เบี้ยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วย ถ้าถามแล้วไม่รู้เรื่อง ตอบไม่ได้ อึกอัก ถือว่าไม่มีความรู้ ไม่ได้ทำการบ้าน ไม่ได้ทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ อาจมีผลต่อการปรับย้าย และการพิจารณาบำเหน็จ
“บิ๊กป้อม”หนุน-ลั่นต้องจัดการ
สอดคล้องกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงการทำงานของข้าราชการระดับล่างว่า นายกฯมอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปดูว่ามีข้าราชการที่ไม่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลหรือไม่ เมื่อระดับบนขยับแล้ว แต่ระดับล่างไม่หมุนตาม ซึ่งมีผลให้การขับเคลื่อนงานต่างๆล่าช้า ดังนั้น รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงต้องไปดูว่าข้าราชการระดับล่างทำงานตามที่นายกฯต้องการหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการคาดโทษงดบำเหน็จบำนาญหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงยังไม่ถึงขนาดนั้น งดบำเหน็จสามารถทำได้ แต่งดบำนาญคงทำไม่ได้ เพราะเกษียณไปแล้ว แต่บำเหน็จถ้าไม่ทำงานก็ต้องงด โดยรัฐมนตรีประจำกระทรวงรับผิดชอบ คนไหนไม่ทำงานก็ต้องย้ายเพื่อปรับเปลี่ยนหน้าที่ให้คนทำงานมาทำแทน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา
ผบ.ตร.สั่งเด้งเพิ่ม10ตร.ภาค7
ส่วนความคืบหน้าการโยกย้ายข้าราชการตำรวจในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 25 พฤษภาคม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 295/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ตร.เพิ่มเติม 10 นายตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายคำสั่งนี้ โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณาสั่งให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมเป็นต้นไป โดยให้ไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร.ก่อนเวลา 12.00 น. ของวันดังกล่าว
สำหรับข้าราชการตำรวจทั้ง 10 นายดังกล่าว ประกอบด้วย ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 8 รายคือ 1. พ.ต.อ.ไตรวิช น้ำทองไทย รอง ผบก.สส.บช.ภ.7 2. พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ ผกก.1 บก.สส.บช.ภ.7 3. พ.ต.ท.สำราญ กลั่นมา รอง ผกก.1 บก.สส.บช.ภ.7 4. พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม 5. พ.ต.ต.ณรงค์ คุ้มไพร สว.กก.1 บก.สส.บช.ภ.7 6. พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สว.กก.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม 7. พ.ต.ท.อัมพร ลิ้มประสาท สว. กก.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม 8. ร.ต.อ.สักกะ ศรีฟ้า สว. กก.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม และอีก 2 รายเป็น ข้าราชการตำรวจในสังกัด กองบังคับการปราบปราม ได้แก่ 9. พ.ต.ท.วิรัชชาญ ขุนชัยแก้ว รอง ผกก.5 กองบังคับการปราบปราม 10.พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.5 กองบังคับการปราบปราม
ผบ.ตร.แจงสั่งย้าย21ตร.ภาค7
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ชี้แจงถึงการออกคำสั่งนายตำรวจสังกัด บช.ภ.7 และกองปราบปรามต่อเนื่อง 2 ครั้งรวม 21 นายให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ว่า เป็นการดำเนินการสืบเนื่องจากคำสั่ง ตร.ที่ 234/2558 ลงวันที่ 27 เมษายน เรื่องการพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข ปรับปรุงมาจากคำสั่ง ตร.ที่ 234 เดิม ที่ระบุว่าหากเกิดคดีที่เกี่ยวข้องกับอบายมุข หรือคดีสำคัญเกิดขึ้นในพื้นที่ ผู้ที่รับผิดชอบ คือ 5 เสือโรงพัก และ ผบก.
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งมองว่า ถ้าเกิดเหตุขึ้นในท้องที่ใดนอกจากตำรวจท้องที่ต้องรับผิดชอบแล้ว หน่วยสนับสนุนอย่างกองบังคับการต่างๆ ที่อยู่ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งรับผิดชอบแต่ละหน้างาน อาทิ อย่างกองปราบปราบปราม (ป.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวการค้ามนุษย์ (ปคม.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ต้องรับผิดชอบด้วย พูดง่ายๆว่ามีตำรวจท้องที่ก็ต้องมีหน่วยสนับสนุนที่ต้องมาช่วยกันทำงาน และต้องร่วมกันรับผิดชอบ
ย้ำต้องเท่าเทียม-รับผิดชอบร่วมกัน
“ยืนยันว่า คำสั่งที่ออกมานั้น เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ตำรวจท้องที่และหน่วยสนับสนุนร่วมกันทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ รับผิดชอบร่วมกัน ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง เวลาออกคำสั่งไม่ได้มองว่าหน่วยนี้มีใคร นามสกุลอะไร เด็กใครญาติใคร รุ่นพี่รุ่นน้อง ตรงนี้ไม่ต้องคำนึงว่ากันไปตามคำสั่ง ผมเหลือเวลาทำงานอีกไม่ถึง 4 เดือนจะเกษียณอายุราชการ จึงจำเป็นต้องใช้ยาแรงในการแก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน” ผบ.ตร.กล่าว
ผบช.ภ.7แก้ไม่ได้ต้องมาคุยที่ศปก.ตร.
และย้ำว่า เมื่อผบช.ภ.7 รู้ว่าที่ จ.นครปฐม มีปัญหา ตนเข้ามาแก้ปัญหาให้แล้ว หาก ผบช.ภ.7 ไม่แก้ปัญหาให้ดีขึ้น ก็ต้องมาคุยกับตนที่ศปก.ตร. แต่ตนย้ำว่าผบช.คนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าระดับรองลงไปไม่ช่วยกันทำงาน ขณะนี้ตนเรียกคนเหล่านี้มาช่วยราชการ ต่อไปคนปฎิบัติหน้าที่แทนคือคนที่ ผบช.เลือกมา ถ้าเลือกแล้วทำไม่ดี เกิดปัญหากลับขึ้นมาอีก แล้วใครควรเป็นคนรับผิดชอบและปัญหาเหล่านี้ ผบช.ภ.7 ทราบดีเพราะหมักหมมมานาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ผบช.ภ.7 ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ยอมรับหรือไม่ หากถูกโยกย้าย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนย้ำไปแล้วว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ประกอบการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายคราวต่อไป ทั้งนี้ วันที่ 27 พฤษภาคม จะเชิญตำรวจที่ถูกโยกย้ายมาปฎิบัติราชการที่ศปก.ตร.ทั้งหมดมารับฟังแนวทางปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงเปิดโอกาสให้ทำหนังสือชี้แจง ตนพร้อมคืนความเป็นธรรมให้ทุกคนถ้าไม่มีความผิด หรือปฎิบัติหน้าที่เต็มความสามารถแล้ว
ผบช.ภ.7ถกด่วนขันน๊อตสางคดีดัง
ด้าน พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 (ผบช.ภ.7) เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด เพื่อรับมอบนโยบายในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 โดยกล่าวถึงกรณีมีคำสั่งจากสำนักตำรวจแห่งชาติย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ 21 นายไปช่วยราชการว่า สาเหตุอาจมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติงานล่าช้าในการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี สืบเนื่องจากคดีสะเทือนขวัญประชาชน 2 คดีคือ คดีที่หนึ่งยิงวัยรุ่น 7 คนที่ต.บ่อพลับ มีตำรวจสันติบาล 1 นายเสียชีวิต ในการสืบสวนสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย คดีที่สอง ยิงเซียนพนันตายหน้าตึกแถวศูนย์การค้าตั้งเซียฮวด คดีนี้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องบ่อนในพื้นที่นั้น เรื่องบ่อนที่เรียกว่าบ่อนวิ่งคือ วิ่งหนีตำรวจมากกว่า ไม่ใช่บ่อนที่ตั้งตามจ.กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ที่คนทำบ่อนต้องวิ่งหนีตำรวจตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ผบช.ภ.7 ลงนามคำสั่งวันที่ 25 พฤษภาคม แต่งตั้งพล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชคุปต์ รอง.ผบช.ภ.7 ไปรักษาการ ผบก.ภ.จว.นครปฐม และพ.ต.อ.อณุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ ไปรักษาการ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม
บุกค้นบ้านผู้ต้องหายิงเซียนพนัน
วันเดียวกัน พ.ต.อ.อนุพันธุ์ จันทร์พฤกษ์ รต.ผบก.ภ.จว.นครปฐม นำหมายค้นของศาลจังหวัดนครปฐมที่ ค.335/2558 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 548 ถ.ริมทางรถไฟ อ.เมือง นครปฐม โดยมีนายนคร หรือคิว แซ่ลิ้ม รับเป็นเจ้าบ้านและยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก มือถือ รถยนต์โตโยต้ารุ่นฟอร์จูนเนอร์สีขาว ทะเบียน 2กฉ 134 กทม รถยนต์โตโยต้าอัลติท สีขาว ทะเบียน ญข 7907 กทม และเสื้อผ้ายี่ห้อดังจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.อนุพันธุ์ เปิดเผยว่า สำหรับนายนคร หรือคิวนั้น เป็นผู้ต้องหาคดียิงเซียนพนันเสียชีวิตหน้าบ่อนกลางเมืองนครปฐม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 20 พฤษภาคม จากหลักฐานตรวจสอบพบปืนขนาด 9 ม.ม. ที่พี่ชายของนายนครหรือคิวนำมาฝากไว้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ.และจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี