กมธ.ยกร่างฯนัด9กลุ่ม
ถกปมรื้อรธน.
สปช.เลื่อนโหวต4กันยา
‘บุญเลิศ’เสนอนิรโทษทุกสี
ปกเกล้าฯบี้เลือกตรงสส.-สว.
2กมธ.ยันตัดนายกฯคนนอก
ครม.นัด29พค.ลุยประชามติ
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า หลังได้รับคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญครบจากทุกฝ่ายแล้ว แบ่งเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 8 คำขอ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) 1 คำขอส่วนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ได้ยื่นเข้ามา จากนั้นให้ผู้เสนอคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเข้าชี้แจงต่อกมธ.ยกร่างฯระหว่างวันที่ 2-6 มิถุนายน โดยกำหนดให้ผู้ชี้แจงแต่ละคำขอเข้าชี้แจงไม่เกินกลุ่มละ 5คน 3ชั่วโมง ดังนี้ วันที่ 2มิถุนายน กลุ่มที่1 นายพลเดช ปิ่นประทีป เวลา 09.00-12.00น. กลุ่มที่2 นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ เวลา 13.30-16.30น.วันที่ 3มิถุนายน กลุ่มที่3 นายมนูญ ศิริวรรณ เวลา 09.00-12.00น.กลุ่มที่4 นายสมชัย ฤชุพันธุ์ 13.30-16.30น.
กมธ.ให้9กลุ่มแจงแก้รธน.2-6มิ.ย.
วันที่ 4มิถุนายนกลุ่มที่5 นายสมศักดิ โล่สถาพรพิพิธ เวลา 09.00-12.00น.กลุ่มที่6 นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เวลา 13.30 -16.30น.วันที่ 5มิถุนายน กลุ่มที่7 นายประสาร มฤคพิทักษ์ เวลา 09.00-12.00น.กลุ่มที่8 นายพงศ์โพยม วาศภูติ เวลา 13.30 -16.30น.และวันที่ 6มิถุนายน กลุ่มที่9 คณะรัฐมนตรี(ครม.) นำโดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเวลา 09.00- 12.00น. หลังรับฟังความเห็นจากฝ่ายที่ส่งคำขอแก้ไขแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8มิถุนายน กมธ.ยกร่างฯมีเวลา 40วัน เพื่อพิจารณาปรับแก้ไขร่าง โดยจะไปประชุมร่วมกันนอกสถานที่เพื่อพิจารณาปรับแก้ไขเรื่องสำคัญ ระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน-3กรกฎาคม ที่สวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ถ้ายืดแก้90วัน-ลงมติขยับ4ก.ย.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีปรับเพิ่มเวลาพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30วัน จากเดิมที่กำหนดให้มีเวลาทำงาน 60วัน โฆษก กมธ.ยกร่างฯกล่าวว่า กรอบเวลาทำงาน กมธ.ยกร่างฯ ต้องรอฟังความชัดเจนจาก ครม.ก่อน ซึ่งเข้าใจว่า ประมาณ 1-2สัปดาห์นี้ คาดว่า ครม.จะมีความชัดเจนต่อการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมกรอบเวลาจาก 60วัน เป็น 90วัน กมธ.ยกร่างฯไม่มีปัญหาสามารถทำงานได้เสร็จทันตามกรอบเวลาอยู่แล้ว หากมีการขยายเวลาเพิ่มอีก 30 วัน จะทำให้ปฏิทินการทำงาน กมธ.ยกร่างฯขยับออกไป จากเดิมกำหนดให้ต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ที่ประชุม สปช. พิจารณาภายในวันที่ 23กรกฎาคม จะปรับเป็นวันที่ 21สิงหาคมและการลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบของ สปช.จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 6สิงหาคม จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 4กันยายน
สปช.ยืนกรานตัดนายกฯคนนอก
ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) กล่าวถึงกรณี กมธ.ปฏิรูปการเมืองและกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ร่วมยื่นคำขอแปรญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ โดยเสนอให้นายกฯต้องเป็นสส.อย่างเดียว ไม่เปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกช่วงวิกฤตว่าตามกรอบเดิม กมธ.ทั้ง 2 คณะ เปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกช่วงวิกฤต โดยให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่เป็นนายกฯคนนอกได้ แต่ช่วงเช้าวันที่ 25 พฤษภาคม กมธ.ทั้งสองคณะได้นำเรื่องนายกฯคนนอกมาทบทวน ก่อนตัดประเด็นนายกฯคนนอกทิ้งเพราะเกรงว่านายกฯคนนอกอาจเป็นช่องทางให้เกิดวิกฤตได้ โดยห่วงว่า จะมีคนทำให้เกิดวิกฤตเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนนอก จึงตัดไฟแต่ต้นล้ม
หวั่นถูกครหา-ไม่มาจากเลือกตั้ง
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯกล่าวว่า กมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯและกมธ.ปฏิรูปการเมือง ได้พิจารณาร่วมกันตัดเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญทิ้งไปเกือบ 200 มาตรา เหลือทั้งหมด 118มาตรา เนื่องจากเห็นว่า มีเนื้อหาซับซ้อน เข้าใจยากและมุ่งสร้างความขัดแย้งมากกว่า จึงต้องตัดรายละเอียดที่มีมากเกินไปทิ้ง เหลือไว้แต่หลักการสำคัญ มาตราที่ตัดทิ้งมีทั้งถูกตัดทิ้งไปเลยและนำไปใส่ในกฎหมายลูก
กรณีนายกฯคนนอกนั้น กมธ.สองชุดเห็นตรงกันว่า หลักการไม่เป็นที่ยอมรับจะทำให้เกิดปัญหาตามมา เขียนไปก็ถูกครหาเปล่าๆ ควรทำตามหลักประชาธิปไตยคือ ให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถ้าเกิดวิกฤตขึ้นมาจริงๆก็ต้องแก้ไขไปตามกระบวนการและกลไกที่มีอยู่ ต้องไปแก้ที่ตัววิกฤตที่เกิดขึ้น ไม่ใช่มาฉีกรัฐธรรมนูญ อีกทั้งมีข้อเสนอจากภาคประชาชนจำนวนมากที่ไม่อยากให้นายกฯคนนอกเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้ง
‘บุญเลิศ’เสนอนิรโทษกรรมทุกสี
ด้าน นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สมาชิก สปช.แถลงว่า ได้ยื่นเอกสารขอแก้ร่างรัฐธรรมนูญในนามส่วนตัวแนบไปกับคำขอแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดของ กมธ.ปฏิรูปการเมืองและกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากข้อเสนอของตนไม่ได้รับการบรรจุในคำขอแก้ไขฯ โดยข้อเสนอของตนขอให้นำเรื่องสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและการสร้างความปรองดอง ไปบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลและเสนอให้เขียนบทเฉพาะกาลเรื่องนิรโทษกรรมผู้เกี่ยวเนื่องกับการกระทำที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19กันยายน2549 ถึงวันที่ 22พฤษภาคม2557 โดยนิรโทษกรรมให้ประชาชนทุกฝ่ายที่มีเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่เกี่ยวกับคดีอาญาคดีอาญาร้ายแรง ความผิดมาตรา112และไม่ครอบคลุมแกนนำสั่งการชุมนุม
กลุ่ม’ประสาร’ชงแก้93มาตรา
ขณะเดียวกัน กลุ่มสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน26 คน นำโดย นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช.ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 93มาตรา
นายประสาร กล่าวว่า พวกตนเสนอให้เขียนบทบัญญัติหมวดสิทธิพลเมืองให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น รวมถึงระบุให้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นของประชาชน ความเท่าเทียมทางเพศ เพศสภาพ สิทธิสตรี สิทธิผู้บริโภค เสรีภาพสื่อมวลชนและสนับสนุนให้แยกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกจากผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะมีอำนาจที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ เห็นควรให้มีการเพิ่มเนื้อหาเรื่องการตรวจสอบการทุจริตและคอร์รัปชัน ไม่ตัดหมวดปฏิรูปและเพิ่มเติมเนื้อหาให้ชัดเจนทุกด้าน เช่น มีการปฏิรูประบบคุ้มครองผู้บริโภคที่ชัดเจน เป็นต้น
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล สปช.กล่าวว่า ประเด็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน อาทิ ประชาชน 2หมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อเสนอต่อวุฒิสภาให้รัฐบาลจัดทำประชามติในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในประชาธิปไตยทางตรงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในเรื่องที่มาของสว.ควรให้มีการเลือกตั้งสว.โดยตรง 200คน มาจากกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย โดยมีเขตเลือกตั้งตามโซนจังหวัดต่างๆ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเลือกผู้สมัครจากทุกสายอาชีพๆละ 1คน ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีก็สนับสนุนให้มาจาก สส.
พระปกเกล้าฯชงเลือกตรงสส.-สว.
ขณะที่ นายสมาน ภูแสง รองประธานสภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้าและคณะ เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช.เพื่อเสนอให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับความเห็นของประชาชน คือ นายกรัฐมนตรี สส.และสว.ให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯและครม.ให้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2วาระ เมื่อครบแล้วไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งได้อีกไม่ว่ากรณีใดๆและให้ตัดบทบัญญัติเกี่ยวกับการสร้างความปรองดอง เพราะสามารถกำหนดเอาไว้ในกฎหมายทั่วไปได้ พร้อมทั้งขอให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
‘4องค์สื่อ’ยื่นแก้ท่อนท้ายม.49
วันเดียวกันนายภัทระ คำพิทักษ์ ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและตัวแทนสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เข้ายื่นข้อเสนอแนะร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาระบุว่า สื่อทั้ง 4องค์กรร่วมพิจารณาและเห็นว่า ควรเสนอให้พิจารณาทบทวนปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่มาตรา49 “ให้มีกฎหมายว่าด้วยองค์การวิชาชีพสื่อมวลชนซึ่งประกอบด้วยบุคคลในวิชาชีพสื่อมวลชนและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งผู้แทนองค์การเอกชนและผู้บริโภค เพื่อปกป้องเสรีภาพและความเป็นอิสระของสื่อมวลชนตามมาตรา48 ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานแห่งวิชาชีพ พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากการใช้เสรีภาพตามาตรา48และคุ้มครองสวัสดิการของบุคคลตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง”โดยเสนอแก้ท่อนท้ายเป็น”.....ส่งเสริมจริยธรรม มาตรฐานและความรับผิดชอบ แห่งวิชาชีพ และคุ้มครองสวัสดิภาพของบุคคลตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง
เน้น’สวัสดิภาพ’อาชีพสื่อมวลชน
สาระสำคัญของการแก้ไขเพื่อให้ข้อความสั้นมีความกระชับแต่มีความหมายที่ครอบคลุมตามเจตนารมณ์ของการยกร่างเดิม โดยไม่เปิดโอกาสให้มีการตีความหมายในขั้นตอนการออกกฎหมายลำดับรองไปในทิศทางที่จำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อมากเกินความจำเป็นและหลักการได้สัดส่วนและยังป้องกันไม่เปิดโอกาสให้เกิดการแทรกแซง หรือครอบงำการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนภายหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ จึงไม่ควรกำหนดให้สื่อได้รับการ”คุ้มครองสวัสดิการ” ซึ่งเป็นการสร้างภาระหน้าที่ให้แก่รัฐในการต้องจัดให้มีสวัสดิการแก่ผู้ประกอบวิชาชีพหรืออาชีพสื่อขึ้นเป็น”พิเศษ”ที่แตกต่างจากวิชาชีพอื่น อีกทั้ง การเปลี่ยนจากคุ้มครอง”สวัสดิการ”เป็น”สวัสดิภาพ”เพราะมีความหมายต่อการทำหน้าที่สื่อมากกว่า โดยหมายถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
แก้ม.50-สกัดนัการเมืองครอบงำ
นอกจากนี้ ในมาตรา50วรรค2ที่บัญญัติ ว่า “ให้มีองค์การของรัฐที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่งทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่งและกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมและกิจการสารสนเทศ โดยต้องคำนึงถึงความมั่นคงของรัฐ ประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น คำนึงถึงบุคคลด้อยโอกาส ทั้งในด้านการศึกษา วัฒนธรรมและประโยชน์สาธารณะอื่น รวมทั้งต้องจัดให้ภาคประชาชนและชุมชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ ทั้งนี้ ภายใต้ยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของชาติและตามที่กฎหมายบัญญัติ”
ทั้ง 4องค์กรยังเสนอให้ตัดท่อนสุดท้ายที่บัญญัติว่า”ทั้งนี้ ภายใต้ยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของชาติและตามที่กฎหมายบัญญัติ”เนื่องจากหากคงไว้อาจทำให้เกิดการตีความทำให้องค์กรรัฐองค์กรนี้ขาดความเป็นอิสระ เพราะกระบวนการจัดทำ”ยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของชาติ”มักอยู่ภายใต้กลุ่มอำนาจทางการเมืองและอาจถูกแทรกแซงจากกกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ
สนช.ชงข้อเสนอแก้ไข28พ.ค.
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการเสนอขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของ สนช.ว่า วันที่ 25พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นการประชุมนัดสุดท้ายของคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของ สนช.ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธาน ซึ่งได้สรุปประเด็นการอภิปรายของสมาชิกในที่ประชุม 23ประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน จึงต้องสอบถามสมาชิกให้เกิดความชัดเจนทุกประเด็น ก่อนยื่นข้อเสนอแนะต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นตัวแทนของสนช.5คน ในวันที่ 28พฤษภาคมนี้
ครม.นัดพิเศษ29พ.ค.ประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการประชุม ครม.นัดพิเศษในวันที่ 29พฤษภาคม เพื่อหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรองรับการทำประชามติว่า ถ้าเสนอให้ทำประชามติ รัฐบาลก็ไม่ขัดข้อง ก็ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จากนั้นตนจะลงนามเพื่อนำรัฐธรรมนูญชั่วคราวขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนรายละเอียดการทำประชามติให้ กกต.เป็นผู้เสนอมาว่า จะทำอย่างไร
จับแล้วโจ๋มือบอนพ่นสีหน้าศาล
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ ผกก. สน.พหลโยธิน เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุพ่นสีสเปรย์สัญลักษณ์ 2จุดบริเวณป้ายหนัาศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว คือ นายณัฐพล เข็มเงิน อายุ 22 ปี อดีตนักศึกษาคณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาดนตรีสากล มหาวิทยาลัยดังย่านรัชดาภิเษก โดยจับผู้ต้องหาได้ที่กองถ่ายละครย่าน จ.นนทบุรี ตรงตามหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพช่วงเกิดเหตุไว้ได้
หลังสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เพื่อขอความเป็นธรรมให้รุ่นพี่ที่เสียชีวิตกรณีถูกทหารยิงบนสะพานข้ามคลองบางบัว ย่านบางเขน เนื่องจากขี่รถปาดหน้ากันเมื่อคืนวันที่ 8กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงเกิดคับแค้นใจและต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม จึงฉีดพ่นสัญลักษณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์และความผิด พรบ.ความสะอาดและเตรียมเพิ่มข้อหาฐานละเมิดอำนาจศาลและทำลายทรัพย์สินราชการอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี