แย้งล้มกลุ่มการเมือง-นายกฯนอก 'ไพบูลย์'กังวลการปฏิรูปเสียของ
วันพุธ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 14.12 น.
Tag :
27 พ.ค. 58 ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีหลายความเห็นเสนอให้ตัดกลุ่มการเมืองออกจากร่างรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้สามารถมองได้หลายความเห็น แต่หลักการที่ทาง กมธ.ยกร่างฯ ได้บัญญัติให้มีกลุ่มการเมืองนั้นมาจากเสียงเรียกร้องของภาคประชาชนที่ต้องการให้มีการสมัคร ส.ส. โดยอิสระ ไม่สังกัดพรรค ซึ่งต่อมาทาง กมธ.ยกร่างฯ ได้มีการบัญญัติเรื่องระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนขึ้น ทำให้การสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.โดยไม่สังกัดพรรคก็ทำไม่ได้ เพราะจะต้องมีการส่งบัญชีรายชื่อ ดังนั้นจะไม่ตรงกับความเห็นของประชาชน และไม่สามารถตอบโจทย์ของเหตุการณ์ก่อนรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่มองว่าพรรคการเมืองผูกขาดอำนาจซึ่งจะนำไปสู่ระบบการเมืองที่ล้มเหลวไม่ได้ ดังนั้นจึงมีการบัญญัติเรื่องกลุ่มการเมืองขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือก ส.ส.โดยไม่ต้องสังกัดพรรค ถ้าไม่เอากลุ่มการเมืองนั้น ตนคิดว่าต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าเราเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ปฏิรูปอะไรบ้างหรือไม่ ต้องแก้ปัญหาของเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหารให้ได้ การปฏิรูปจะได้ไม่เสียของ
ส่วนเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และหลายภาคส่วนได้ส่งคำขอให้มีการปรับเรื่องของการเลือกตั้งใหม่นั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นความคิดที่ดี ต้องรับฟัง เพราะสิ่งที่เป็นห่วงก็คือระบบเลือกตั้งที่ กมธ.ยกร่างฯได้เสนอนั้นยังใหม่และมีข้อถกเถียงอยู่เยอะ แต่ทั้งนี้ ถ้าเอาระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนมาแล้วไปตัดเรื่องกลุ่มการเมืองออกไป ให้มีแต่พรรคการเมือง ถ้าเป็นแบบนี้ตนคงต้องขอท้วง เพราะว่าจะทำให้ระบบปาร์ตี้ลิสต์ที่ตนคัดค้านนั้น มีแต่แบ่งเขต ทำให้มี ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มมากขึ้นไปอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรกับขณะนี้ที่ทาง กมธ.ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ตัดเรื่องการมีนายกรัฐมนตรีคนนอกออกไปแม้ในยามวิกฤติ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็มีบางคำขอ แต่หลายคำขอนั้นไม่ได้ตัดประเด็นนี้ โดยส่วนตัวนั้น ตนมีจุดยืนว่าทำไมต้องเขียน แล้วยิ่งถ้าไปพูดถึงปัญหาก่อนรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค. ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามา เพื่อจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะกำหนดให้เป็นอย่างเก่าไม่ได้ ต้องให้ระบบมีความยืดหยุ่น
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลุ่มการเมือง เรื่องอะไรต่างๆ ถ้าจะต้องกลับไปสู่ระบบปาร์ตี้ลิสต์100 คน แล้ว ส.ส.เขตเดียวเบอร์เดียว ผมแย้งแน่นอนเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่ถ้าเป็นแบบแบ่งเขต แบบหลายเบอร์ หรือเขตทั้งจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ผู้สมัครสามารถจะไม่สังกัดพรรคได้ด้วย อันนั้นอาจจะสามารถตอบโจทย์ของผมได้” นายไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามเรื่องที่มีการเสนอให้ตัดสภาตรวจสอบภาคพลเมืองออกไปนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า สภาตรวจสอบภาคเมือง สมัชชาพลเมือง สมัชชาคุณธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ทาง กมธ.ยกร่างฯ อยากให้ประชาชนมีบทบาทโดยตรง ไม่ใช่แค่ผ่าน ส.ส. เท่านั้น โดยรัฐจะต้องมีหน้าที่สนับสนุนในส่วนนี้ ทั้งนั้นตนเข้าใจว่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยนั้น อาจจะกลัวว่าจะเป็นการให้ประชาชนไปรวมกลุ่มกันทำอะไรมิดีมิร้ายขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่าทาง กมธ.ยกร่างฯ ก็คงจะต้องไปปรับแก้ในมาตราให้มีความเหมาะสมและคงหลักการเดิมเอาไว้ แต่ถ้าตัดในส่วนนี้ออกไป ก็จะเป็นการไปทำลายหลักการของ กมธ.ยกร่างฯ ที่ได้วางไว้ว่าประชาชนต้องเป็นใหญ่ และเท่ากับว่าไม่ได้เห็นถึงเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนที่ได้ออกมาเคลื่อนไหวเป็นล้านๆ คน ซึ่งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเกิดขึ้น เมื่อถามต่อไปว่า สภาตรวจสอบภาคประชาชนอาจจะเป็นแหล่งรวมของนักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง นายไพบูลย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง กมธ.ยกร่างฯ ได้มีการคุยกันแล้ว โดยมีการถกเถียงกันในอนุ กมธ.ศึกษาการยกร่าง ว่าด้วยเรื่องสภาตรวจสอบภาคพลเมือง จนในที่สุดได้กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสภาตรวจสอบว่าจะต้องไม่เคยเป็นผู้สมัครและผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในระดับท้องถิ่น หรือในระดับ ส.ส. และ ส.ว. อีกทั้งวิธีเลือกนั้นก็ไม่ใช่การคัดสรร แต่เป็นการสุ่มผู้สมัครขึ้นมาเพื่อผลัดเปลี่ยนการทำหน้าที่ ขอยืนยันว่ากลไกของสภาตรวจสอบที่ว่านี้จะป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องออกมาชุมนุมอีก เพราะเขาจะได้ไปทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองตรงนี้แทน