ประกาศเจตนารมณ์ต้านโกง8มิ.ย. โวลดวงเงินซื้อรถเมล์NGV
วันพุธ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 18.28 น.
Tag :
27 พ.ค. 58 เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.)ครั้งที่ 4 ภายหลังการประชุม พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) พร้อมด้วย 4 อนุกรรมการคตช.ร่วมกันแถลงข่าว
โดยพล.อ.อนันตพร กล่าวว่า มติที่ประชุมด้านการปลูกฝังจิตสำนึกได้กำหนดให้มีโครงการฝึกอบรมครูเพื่อไปกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอน ครั้งแรกในวันที่ 29-30 มิ.ย.เพื่อปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชน ผ่านโรงเรียนทั่วประเทศ และปลูกฝังหน้าที่พลเมือง โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ ส่วนการป้องกันการทุจริต นายกฯให้เร่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการให้กับสาธารณะชนให้มากขึ้น โดยผ่านพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ โดยให้ทางกพร.ร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิค ไปดำเนินการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารให้ทั่วถึง
ประธานคตร. ยังกล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ ยังสั่งการให้ไทยร่วมเป็นภาคีสมาชิกองค์กรรัฐบาลโปร่งใสนานาชาติอีกด้วย เนื่องจากไทยยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคี ซึ่งฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียได้เข้าร่วมเป็นภาคีแล้ว ทำให้ดัชนีความโปร่งใสของประเทศดีขึ้น ดังนั้นหากไทยเข้าร่วมเป็นภาคีก็เชื่อว่าดัชนีความโปร่งใสจะเพิ่มขึ้น สำหรับการประกวดราคาแบบอี-อ็อคชั่นนั้น ในวันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไปประเทศไทยจะไม่ใช้ระบบนี้ แต่จะใช้ระบบอี-บิดดิ้ง หรืออี-มาร์เก็ตแทน ซึ่งเป็นระบบทางอิเล็กทรอนิคซึ่งมีฐานข้อมูลราคาสินค้าที่ชัดเจน หน่วยงานราชการสามารถที่จะดูข้อมูลทั้งหมดได้
พล.อ.อนันตพร กล่าวด้วยว่า รัฐบาลเตรียมประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านการทุจริต ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งงานวันดังกล่าวนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธาน โดยมี 6 กลุ่มเข้าร่วม ประกอบด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ภาคธุรกิจ เอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรระหว่างประเทศ สถานทูต และสื่อมวลชน โดยจะมีการประกาศเจตนารมณ์พร้อมกันทั่วประเทศ ส่วนต่างจังหวัดจะมีการจัดงานที่ศาลากลางจังหวัด โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 16,218 คน ทั้งนี้จะเป็นการประชาสัมพันธ์และบอกถึงพันธกิจและนโยบายของรัฐบาลที่ดำเนินการปราบปรามการทุจริตไปแล้ว และในอนาคตจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
พล.อ.อนันตพร กล่าวต่อว่าในส่วนที่กำหนดให้ภาคสังคมเข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ว่าด้วยข้อตกลงสัญญาคุณธรรม ที่กำหนดให้มี 3 ส่วนคือ ราชการ ผู้รับจ้าง และภาคประชาสังคม ที่จะมาเป็นผู้สังเกตการณ์ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ของภาครัฐนั้น พบว่าที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คัน ที่สามารถลดจำนวนวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างได้จากเดิมคันละ 4 ล้านบาท เหลือคันละ 1 ล้านบาท ดังนั้นจึงเห็นควรขยายไปอีก 20 กระทรวง โดยขณะนี้มีการแจ้งมาแล้ว 36 โครงการ จาก 12 กระทรวง ซึ่งจะมีการจัดผู้สังเกตการณ์เข้าไป แต่เนื่องจากเกิดปัญหาผู้สังเกตการณ์ไม่เพียงพอ เพราะโครงการของรัฐมีจำนวนมาก จึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนกติกาใหม่ ให้เหลือแค่สองฝ่ายคือ ส่วนราชการและผู้รับจ้างเท่านั้น