บัวแก้วสั่งถอนพาสปอร์ต
เด็ดปีก‘แม้ว’
ปากพล่อยใส่ร้ายประเทศ
ยิ่งลักษณ์ฟุ้งพี่ยังมีอีกหลายเล่ม
ปึ้งโวกลับมาเป็นรบ.จะคืนให้
‘บิ๊กตู่’แย้มเลือกตั้งใหม่ก.ย.59
กมธ.ขวางตัด‘นายกฯคนนอก’
กระทรวงการต่างประเทศมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว หลังออกมาให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวต่างประเทศ โดยพาดพิงกล่าวหาสถาบันเบื้องสูง องคมนตรี และกองทัพ ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุม Asian LeadershipConference ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม เว็บไซต์กองข่าวสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่ข่าวการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า ด้วยฝ่ายความมั่นคงได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายในอำนาจหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาเห็นว่า ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียง และเกียรติภูมิของประเทศไทย
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาแล้วเห็นว่า เข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (4) และข้อ 23 (2) จึงได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทาง เลขที่ U957441 และเลขที่ Z530117 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม
ย้ำไม่มีพาสปอร์ตไทยอีกแล้ว
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากนี้กระทรวงจะส่งหนังสือเวียนถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลก เพื่อแจ้งให้ทราบถึงคำสั่งดังกล่าว และถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีพาสปอร์ตไทยอยู่ในการครอบครองแล้ว แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ แต่หากจะเคลื่อนไหวในต่างประเทศอย่างไรต่อไปนั้นก็เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง
ตัดสินเอาเองจะกลับมาหรือไม่
นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า โดยทั่วไปคนที่ถูกยกเลิกพาสปอร์ตต้องเดินทางกลับประเทศไทย แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นๆ ว่า จะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร
ขณะที่ นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตแบบบุคคลทั่วไป 2 เล่ม ไม่ใช่เรื่องแปลก สามารถทำได้หากมีเหตุผลเพียงพอ อาทิ ในกรณีของนักธุรกิจหรือผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง เพราะการยื่นขอวีซ่าบางประเทศใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ผู้ที่จะขอถือพาสปอร์ต 2 เล่ม ต้องส่งเรื่องและหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งแสดงถึงเหตุผลและความจำเป็นไปยังกรมการกงสุลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา จึงจะสามารถออกหนังสือเดินทางเล่มที่ 2 ให้ได้
รบ.ลั่นทำผิดต้องสั่งยกเลิก
ด้าน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การยกเลิกพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจ้องจะดำเนินการเอากับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเพราะตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอเรื่องเข้ามา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็พิจารณาตามความผิดที่มีอยู่จริง ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการก็จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องทำตามกฎหมาย
ไม่สนจะถือพาสปอร์ตชาติไหน
เมื่อถามว่า สาเหตุเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพูดที่เกาหลีใต้ใช่หรือไม่ พล.ต.วีรชน ตอบว่า เหตุเกิดจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำความผิดกฎหมายของไทยและอยู่ในกรอบที่ต้องถูกถอนพาสปอร์ต ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า จะมีประโยชน์อะไรเมื่อก่อนหน้านี้มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตของประเทศมอนเตรเนโกรอยู่ พล.ต.วีรชน จึงตอบว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องมีหรือไม่มีประโยชน์ แต่เป็นเรื่องของหลักเกณฑ์และกฎหมายของประเทศไทยที่เราต้องปฏิบัติ
สนช.หนุนทำตามกฎหมาย
ด้าน นายสมชาย แสวงการ สมาชิสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นว่า การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และจะไม่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ หรือหากจะมีก็เป็นการให้สัมภาษณ์ของเครือข่ายที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น รวมทั้งเชื่อว่าการทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการเปิดหน้าสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ที่เอาแต่จะเดินหน้าชนเพียงฝ่ายเดียว
จี้ตามลากคอกลับมารับผิด
นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า เห็นด้วยกับกระทรวงการต่างประเทศที่ทำหน้าที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับความผิดในประเทศไทย รวมถึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย เพราะความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำนั้น มีความโจ่งแจ้งมาก
เตือนรบ.ระวังถูกฉวยปลุกระดม
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่คืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
พร้อมกันนี้ ขอแนะให้รัฐบาลชี้แจงความจริงให้ประชาชนในชนบทเข้าใจว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่มีใครกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ มิเช่นนั้นจะถูกนำบิดเบือนให้ชาวบ้านเข้าใจรัฐบาลผิดอีก
ห้ามประวิงเวลาเรื่องถอดยศ
นายวัชระ กล่าวต่อว่า นอกจากการยกเลิกพาสปอร์ตแล้ว สตช.ต้องดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเร็ว เพราะถูกศาลพิพากษาจำคุกและหลบหนีหมายจับถึง 5 คดี ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบข้อหารือของสตช.ถึง 2 ครั้งว่า สามารถกระทำได้และผู้ตรวจการแผ่นดินก็ทำหนังสือถึง สตช. ย้ำอีกว่า สตช.สามารถดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทันที จึงไม่ควรประวิงเวลาใดๆ อีก
จี้“บัวแก้ว”แจงปมพาสปอร์ตทูต
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า หนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กระทรวงการต่างประเทศสั่งยกเลิก เป็นเพียงหนังสือเดินทางของบุคคลทั่วไปเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการพูดถึงหนังสือเดินทางทางการทูต หรือพาสปอร์ตเล่มแดงที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ คืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกมาให้ความกระจ่างในเรื่องดังกล่าว
“ปู”ฟุ้งพี่ยังมีพาสปอร์ตอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปชมและซื้อสินค้าในงาน OTOP Mid Year 2015 ที่ฮอล์ล 4-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ถึงกรณี กระทรวงการต่างประเทศ สั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ใช่ ถูกยกหนังสือเดินทางแล้ว แต่ไม่เป็นอะไร ยังมีหนังสือเดินทางอื่นๆอยู่
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากหนังสือเดินทางของประเทศไทยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังถือหนังสือเดินทางของมอนเตเนโกร และประเทศนิการากัว อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
“ปึ้ง”โวได้เป็นรบ.จะคืนให้อีก
ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การยกเลิกหนังสือเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะเป็นอำนาจที่ รมว.ต่างประเทศ จะทำได้หากพิจารณาเห็นสมควร ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ตนก็จะคืนหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนที่เคยทำมาแล้วหลังจากถูกรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งยกเลิกไป เพราะมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำความเสียหายอะไร
เยียวยาผู้ชุมนุม2556-2557ก่อน
เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเยียวยาแก่ผู้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงทางการเมือง ก่อนเปิดเผยว่า การเยียวยาจะแยกเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ระหว่างปี 2547-2553 และปี 2556-2557 ซึ่งต้องนำการเยียวยาในช่วงปี 2556-2557 มาพิจารณาก่อน เนื่องจากการเยียวยาในกลุ่มปี 2547-2553 ที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จ่ายเงินไปแล้วนั้น ยังติดคำวินิจฉัยของอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ที่ระบุว่า ไม่มีกฎหมายรองรับและไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นจะไปพิจารณาเพื่อทำผิดซ้ำอีกคงไม่ถูก ต้องรอความชัดเจนจากป.ป.ช.ก่อน
ตายจ่าย4แสนใช้หลักร้อยล้าน
โดยใช้กฎหมาย 4 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และพ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2543 รวมทั้งหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้มาเป็นตัวตั้ง โดยกรณีเสียชีวิตจะจ่ายเงินเยียวยาให้ 4 แสนบาท กรณีเสียชีวิตและมีบุตรก็ต้องมีการสงเคราะห์บุตรด้วย กรณีได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือทรัพย์สินเสียหายต้องได้รับการเยียวยา คาดว่าจะใช้วงเงินอยู่ที่หลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะเสนอให้ครม.พิจารณาสัปดาห์หน้า
บิ๊กตู่แจงทูตยูเอ็นเลือกตั้งก.ย.59
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกัน คณะเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ณ นครนิวยอร์ก จากประเทศต่างๆ 15 คน ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดย พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการทำงานตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ว่า ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง มีการใช้อำนาจไปอย่างไร รวมทั้งอธิบายกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแม็พ ซึ่งหากมีการทำประชามติ การเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นได้ประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน 2559
นานาชาติเข้าใจไทยดีขึ้น
พล.ต.วีรชน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาคณะทูตยูเอ็นทราบข่าวเกี่ยวกับประเทศไทยผ่านสื่อต่างๆ จนอาจเกิดความเข้าใจผิด แต่ในวันนี้เป็นโอกาสดีที่ทุกคนได้มาเห็นสถานการณ์จริง ซึ่งทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศไทยถือว่าโชคดี เป็นประเทศที่น่าอยู่ มีผู้คนน่ารัก อีกทั้งยังเห็นพ้องว่าขณะนี้ประเทศไทยมีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ มีพัฒนาการมาเป็นลำดับ และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะนำพาประเทศไปสู่จุดที่ต้องการได้
“วิษณุ”ขยายเวลาให้กมธ.30วัน
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เพื่อเปิดช่องให้ทำประชามติในวันศุกร์นี้ว่า เป็นไปตามขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งต้องนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมเข้าที่ประชุมครม.และคสช.เพื่อให้ความเห็นชอบ โดยตนจะเสนอขยายเวลาให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) พิจารณาข้อเสนอแนะของส่วนต่างๆเพิ่มอีกไม่เกิน 30 วันด้วย
“บิ๊กป้อม”ย้ำถ้าล้ม-ต้องเริ่มใหม่
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญมีปัญหา ก็ต้องดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญ(ชั่วคราว) ก็ต้องตั้งกมธ.ยกร่างฯขึ้นใหม่ รวมถึงตั้ง สปช.ด้วย ส่วนที่มีการเสนอให้เขียนรัฐธรรมนูญป้องกันการยึดอำนาจนั้น ตนและครม.ไม่มีปัญหา แต่จะป้องกันได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวิกฤติสถานการณ์ในวันข้างหน้า
ไม่อยากยึดอำนาจถ้าไม่จำเป็น
“ไม่มีใคร หรือทหารคนใดอยากทำรัฐประหาร แต่ถ้าประเทศเดินต่อไปข้างหน้าไม่ได้ ก็จำเป็นต้องทำ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะประชาชนเดือนร้อน เมื่อเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ก็ต้องแก้ไขปัญหาให้เดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำมาแล้ว 1 ปี เพื่อให้เกิดความสงบสุข”
พล.อ.ประวิตร ยังย้ำว่า คสช.ไม่มีแผนจะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ทุกอย่างจะทำตามกรอบโรดแม็พ แต่ถ้าจะเลื่อนก็ต้องมีเหตุปัจจัย ซึ่งต้องมาคุยกันอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงปราบนักศึกษาที่จัดกิจกรรม 1 ปีรัฐประหารนั้นไม่จริง แต่ที่เกิดปะทะเล็กน้อยเพราะนักศึกษาทำผิดกฏหมาย
เหน็บนศ.ไม่ยึดอำนาจถึง500ปี
“ตอนนี้คนส่วนใหญ่เขาโอเค ทุกวันนี้ก็สงบอยู่แล้ว นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวก็ไม่ได้มีจำนวนมาก ดังนั้นขอร้องว่าขอให้นักศึกษาเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำให้เกิดความปรองดอง ตอนนี้ต้องรอให้เขาทำรัฐธรรมนูญให้ดีอาจจะเสียเวลาบ้าง ไม่ได้บอกว่าจะยึดไป 500 ปี แต่เขามีโรดแม็พอยู่ เราไม่ได้ยึดไปตลอดชีวิตหรอก”พล.อ.ประวิตร กล่าว
“ไพบูลย์”ค้านคำขอหั่นปมร้อน
นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ย้ำจุดยืนเห็นแย้งกับหลายฝ่ายที่เสนอให้มีการตัดประเด็นสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญ อาทิ กลุ่มการเมือง การเลือกตั้งระบบสัดส่วนผสมและโอเพ่นลิสต์ ที่มานายกฯคนนอก และสภาตรวจสอบภาคพลเมือง เนื่องจากหลักการดังกล่าวได้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งระบบเดิมทำให้พรรคการเมืองผูกขาดอำนาจจนนำไปสู่ความล้มเหลว
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลุ่มการเมือง เรื่องอะไรต่างๆ ถ้าต้องตัดออกแล้วจะต้องกลับไปสู่ระบบแบบเดิมๆ ผมแย้งแน่นอนเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย และเท่ากับว่าทำลายหลักการที่ประชาชนนับล้านๆ เคยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องก่อนหน้านี้”นายไพบูลย์ กล่าว
“สมบัติ”ตีปีกฝรั่งหนุนหั่นรธน.
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวถึงการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจาก 315 มาตรา เหลือ 118 มาตราว่า ความเห็นดังกล่าว สอดคล้องกับที่ ศ.มิเชล โทรเปร์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณมหาวิทยาลัยปารีส มาบรรยายที่กระทรวงต่างประเทศ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมว่า ควรเขียนรัฐธรรมนูญให้สั้นๆ จะเป็นผลดีมากกว่า ไม่จำเป็นต้องบัญญัติรายละเอียดมากเกินไป
ส่วนที่ครม.เสนอประเด็นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ตรงกับกมธ.ทั้ง 2 ในหลายประเด็น อาทิ เรื่องกลุ่มการเมือง มาตรา 181-182 นายกฯคนนอก และระบบโอเพ่นลิสต์นั้น เชื่อว่าน่าจะมีน้ำหนักเพียงพอให้ กมธ.ยกร่างฯ ทบทวนรัฐธรรมนูญตามที่ท้วงติงไป ต้องวัดใจ กมธ.ยกร่างฯ แต่ถ้าไม่มีการปรับปรุงแก้ไขก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ที่กมธ.ยกร่างฯ 100%
ต้องแก้ที่มานายกฯ-โอเพ่นลิสต์
“หัวใจสำคัญที่อยากให้ กมธ.ยกร่างฯ ทบทวนมากที่สุดคือเรื่องระบบการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้งระบบสัดส่วนผสมและโอเพ่นลิสต์ จะทำให้ได้รัฐบาลผสมที่อ่อนแอ รวมทั้งเรื่องนายกฯ คนนอก ที่ขัดต่อหลักการระบอบประชาธิปไตย ถ้าให้มีอยู่แสดงว่าไม่เป็นประชาธิปไตย”นายสมบัติ กล่าว
เยอรมันแจงบทเรียนการเมือง
ที่กระทรวงการต่างประเทศ มีการบรรยายพิเศษ “ถอดบทเรียนการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมือง สู่การปฏิรูปประเทศในระบอบประชาธิปไตย:ประสบการณ์จากต่างประเทศ” โดย นายอัลริก คาร์เพน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ มหาวิทยาลัยฮัมบรูก ประเทศเยอรมนี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย นายอัลริก กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศเยอรมนีการจัดอำนาจอยู่ในทั้งแนวนอนและแนวตั้ง กฏหมายรัฐธรรมนูญอยู่บนพื้นฐานการยอมรับของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องรับฟังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และทุกคนต้องยอมรับรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญไม่ควรละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเท่ากับเป็นการละเมิดสาธารณรัฐด้วย
อย่าเปลี่ยนแบบพลิกฝ่ามือ
นายอัลริก กล่าวอีกว่า เยอรมนีมี ส.ส. 598 คน มาจากการเลือกตั้งทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสหพันธรัฐ ซึ่งเข้าใจว่าประเทศไทยคงเทียบกับจังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งของเยอรมนีมีความยุ่งยากเพราะเป็นการผสมผสานกันระหว่างการเลือกตั้งแบบเขตและสัดส่วน ทั้งนี้เราไม่ชอบการทำประชามติ แต่เรามีระบบของเรา และการเปลี่ยนแปลงควรมี แต่ไม่ใช่แบบพลิกฝ่ามือ จะใช้ระบบนี้ได้ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มั่นคง เที่ยงธรรม และเชื่อมั่นในผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
พูดชัดเยอรมันไม่มีซื้อเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมฟังการบรรยายตั้งคำถาม โดยมีคำถามที่น่าสนใจว่าในประเทศเยอรมนีมีการทุจริตเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งนายอัลริก กล่าวว่า เราไม่มีอะไรอย่างนั้นเลย พรรคการเมืองจำเป็นจะต้องใช้เงิน เราสามารถบริจาคเงินให้พรรคการเมืองได้ และได้คืนเงินภาษีระดับหนึ่ง ไม่มีการทุจริตหรือการฉ้อโกง“ถ้าเราพบว่าพรรคการเมืองมีการรับเงินสำหรับการรณรงค์การหาเสียง อาจสูญเสียการสนับสนุนจากรัฐที่เป็นเงินให้เปล่าและมีมากพอสำหรับการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
ให้เขียนปฏิรูปมัดรัฐบาลหน้า
ต่อข้อถามว่าจะทำอย่างไรให้รัฐบาลต่อไป ดำเนินการในเรื่องการปฏิรูปต่อจากนี้ นายอัลริก กล่าวว่า ตามความเข้าใจของตน การปฏิรูปคือรูปแบบของการนำกฎหมายหลาย ๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ มาออกเป็นกฎหมายโดยรัฐสภา หลักพื้นฐานของระบบรัฐสภาคือความต่อเนื่อง ถ้ามีรัฐบาลใหม่ขึ้นมารัฐบาลอาจตัดสินใจต่อเนื่องในประเด็นเดียวกัน ถ้าพิจารณาว่าเป็นเรื่องดีก็ดำเนินการต่อไป แต่บางเรื่องรัฐบาลต่อมาอาจไม่เห็นด้วย มาตรการพื้นฐานที่เรามีจึงต้องใส่ส่วนประกอบของการปฏิรูปไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีผลผูกมัดต่อรัฐบาลในอนาคต
ทหารบุกวงประชุมเด็กพท.
วันเดียวกันที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมายของพรรค อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย ได้เดินทางไปชี้แจงและเตรียมความพร้อมในการสู้คดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ส่งเรื่องให้สนช.พิจารณาถอดถอนบรรดาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีอดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทยเข้าร่วม
ทั้งนี้ระหว่างการชี้แจงของแกนนำ และฝ่ายกฎหมายของพรรค เพื่อให้อดีต ส.ส.ได้เข้าใจขั้นตอนการเตรียมชี้แจงต่อ สนช.นั้น ปรากฎว่าได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง จำนวนหนึ่ง บุกเข้ามาในห้องประชุม โดยทางฝ่ายกฎหมายพรรค ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่หน่วยมั่นคง ว่า เป็นการคุยกันเรื่องข้อต่อสู้คดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้เป็นการชุมนุมทางการเมืองแต่อย่างใด และได้เชิญให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดนั่งฟังข้อหารือด้วยจนจบ
อ้างหารือแนวทางสู้คดีถอดถอน
ด้านนายชูศักดิ์ เปิดเผยว่า เราคุยกันในเรื่องของแนวทางในการสู้คดี ซึ่งอดีต ส.ส.มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะชี้แจงข้อกล่าวหา เราเพียงแต่มาซักซ้อมแนวทางในการชี้แจงเท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดทหารก็เข้าใจและขอทำตามหน้าที่
สำหรับแนวทางในการต่อสู้คดีนั้น โดยหลักการแล้วต้องดูว่า สนช.จะบรรจุเรื่องเมื่อใด ซึ่งบรรดาอดีต ส.ส.อยากชี้แจงด้วยตนเอง ส่วนประเด็นที่จะชี้แจงนั้นมีจำนวนมาก อาทิ การใช้อำนาจของ ป.ป.ช. สนช. เป็นต้น ซึ่งเราจะชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง เพราะข้อหาที่บรรดาอดีตส.ส.โดน ก็เป็นข้อหาเดียวกับ 38 อดีตส.ว. ซึ่ง สนช.ถอดไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี