‘วันชัย’หยั่งเสียงสปช.
รธน.ร่อแร่!
อ้าง4กล่มจ่อโหวตคว่ำ
1,380ผู้พิพากษายื่นค้านกมธ.
อัดปฏิรูปถอยหลังลงคลอง
‘ไอ้ตั้ง’ซ่าโผล่ท้าทาย‘อสส.’
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้สัมภาษณ์ยืนกรานที่จะผลักดันให้สมาชิกสปช.โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณายกร่างอยู่ในขณะนี้เพื่อเปิดทางต่ออายุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ออกไปอีก 2 ปีเพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
โดยนายวันชัย กล่าวถึงทิศทางการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกสปช.ว่าเท่าที่พูดคุยแลกเปลี่ยนหารือกันในหมู่สมาชิกเกี่ยวกับการที่จะลงมติต่อร่างรัฐธรรมนูญที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะส่งให้สปช.ภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ สามารถแบ่งแนวความคิดได้ 5 พวกคือ 1.พวกที่เก็บอาการ คือให้เหตุผลว่าจะดูร่างรัฐธรรมนูญที่แก้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยให้ความเห็นว่าจะรับหรือไม่รับ สมาชิกกลุ่มนี้มีลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้คือ50-50
ชี้กลุ่มไม่รับรธน.เริ่มออกอาการ
2.พวกที่เริ่มออกอาการคือรู้ว่า ข้อเสนอในการแก้รัฐธรรมนูญของตนไม่ได้รับการแก้ไขโดยอาจจะมีข้อมูลมาจากกมธ.ยกร่างฯและรู้ว่าถึงอย่างไรข้อเสนอของตนก็ไม่ได้รับการแก้ไขจึงเริ่มออกอาการ และนับวันอาการก็ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น 3.พวกออกอาการที่จะไม่รับร่างฯมาตั้งแต่ต้นเพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญที่ร่างมานั้นไม่เข้าท่า ไม่เหมาะสม มันเยอะ มันมากเกินไป แก้อย่างไรก็ไม่เข้าที่เข้าทาง มีทางเดียวคือรื้อ โละ ทำใหม่
สปช.ตกงานเริ่มบอมบ์ทิ้งทวน
4.พวกเพิ่งออกอาการหลังแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวให้ยุบสปช.เมื่อก่อนก็สงบเสงี่ยมเจียมตนไม่ออกอาการ ตอนนี้จึงทิ้งทวน แสดงบทบาทหวือหวากัน แค่เสนอให้เปิดกาสิโนก็ระเบิดไปทั้งสปช. ต่อไปจะมีหลากหลายกลุ่มมากกว่านี้ออกมาทิ้งระเบิดทิ้งทวนแล้วก็เอาเรื่องรัฐธรรมนูญมาทิ้งระเบิดเป็นลูกๆเป็นดอกๆไป ซึ่งต้องคอยดูต่อไป
และ5.พวกที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ดีจะแก้หรือไม่แก้อย่างไรก็ไม่รับร่าง เพราะเอาสถานการณ์บ้านเมืองมาเป็นตัวตั้งให้ความสำคัญมากกว่ารัฐธรรมนูญโดยเห็นว่า การปฏิรูปยังไม่เสร็จ เลือกตั้งก็กลับมาเหมือนเดิมจะรีบเลือกตั้งไปทำไมทางที่ดีคว่ำกลางทางเสียดีกว่าพวกนี้ก็มีไม่น้อย
ฟันธงร่างรธน.ส่ออาการร่อแร่
“ไปๆมาๆ พวกที่ 5 ก็จะไปรวมกับพวก 2 ,3 และ 4 ก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งหลังวันที่ 22 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป หลังจากได้รับร่างแล้วอาจจะรวมพวกที่ 1 มาอีกเยอะก็เป็นไปได้ ซึ่งชะตากรรมของรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างกำลังแก้กันอยู่นี้จะไปรอดหรือไม่ แต่ในความเห็นของผมดูอาการแล้วร่อแร่เต็มที”นายวันชัย กล่าว
อย่างไรก็ตามเป็นการประเมินจากการพูดคุยกับสปช.ด้วยกัน ไม่ใช่เป็นการรณรงค์แต่เป็นการทดสอบและตรวจสอบอาการและความเห็นซึ่งกันและกัน ส่วนใครจะมองว่าด่วนวินิจฉัยเร็วหรือช้าก็ว่ากันไป แต่เมื่ออาการโดยรวมเป็นเช่นนี้จะให้ว่าอย่างไรเล่า
1,380ผู้พากษายื่นค้านร่างรธน.
ที่ศาลฎีกา อาคารศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และนายสมชาติ ธัญญาวินิชกุล ผู้พิพากษาศาลฎีกา แถลงข่าวพร้อมนำรายชื่อผู้พิพากษาจำนวน 1,380 คนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเรื่องการเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.)ที่มาจากฝ่ายการเมืองและการอุทธรณ์โทษวินัยให้สามารถอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ พร้อมจดหมายเปิดผนึกยื่นต่อนายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อส่งมอบไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
หวั่นเปิดช่องการเมืองจุ้นศาล
นายศรีอัมพร กล่าวว่าพวกตนไม่เห็นด้วยจึงรวบรวมรายชื่อผู้พิพากษาทุกระดับชั้น จำนวน 1,380 คน ทำจดหมายเปิดผนึกแสดงเหตุผลคัดค้านแนวคิดดังกล่าวเพราะนอกจากจะเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแล้ว การกำหนดให้ผู้พิพากษาที่ถูก ก.ต.ลงโทษทางวินัยมีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้เนื่องจากจะเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของ ก.ต.
จวกยับปฏิรูปถอยหลังลงคลอง
ด้านนายสมชาติ ธัญญาวินิชกุล ผู้พิพากษาศาลฎีกา หนึ่งในผู้ร่วมลงนามจดหมายปิดผนึก กล่าวว่า อย่างนี้เรียกว่าปรับเปลี่ยนเพื่อให้นักการเมืองมีโอกาสแทรกแซงศาลมากขึ้น เป็นการลดทอนความเป็นอิสระของศาลในการที่จะไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ถือว่าเป็นการปฎิรูปแบบถอยหลังเข้าคลอง แม้รัฐบาลชุดนี้สุจริตใจไม่ได้คิดแทรกแซงศาล ซึ่งก.ต.ที่มาจากการสรรหาของวุฒิสภา 2 คน ที่มีอยู่เดิมก็มากเกินพอแล้ว
ใช้คำกำกวมเปิดช่องแทรกแซง
นายสมชาติ กล่าวอีกว่า มีข้อสังเกตว่าตามร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มี ก.ต. มาจากบุคคลภายนอกไม่น้อยกว่า 1ใน3 ของ ก.ต.ที่เป็นผู้พิพากษานั้น ทำให้สงสัยว่ามีคนต้องการให้ฝ่ายการเมืองมีโอกาสเข้ามาแทรกแซงศาลยุติธรรมหรือไม่เพราะคำว่าไม่น้อยกว่า 1ใน 3 นั้น ย่อมหมายถึงว่าจะให้มี ก.ต.จากภายนอกมากว่าครึ่งหนึ่งของ ก.ต.ทั้งหมดก็ได้
ข้องใจกมธ.คนไหนเป็นคนชง
“อยากทราบว่าถ้อยคำที่ไม่น้อยกว่า 1ใน 3 นั้น เป็นความคิดริเริ่มของกมธ.ยกร่างท่านใด และเหตุใดกมธ.ท่านอื่นจึงไม่ทักท้วง ถ้าผู้พิพากษาเป็นเช่นเดียวกับข้าราชการฝ่ายอื่นที่ต้องฟังคำสั่งนักการเมืองแล้ว ประชาชนซึ่งมีคดีความในศาลจะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร และการที่กมธ.ยกร่างในเรื่องก.ต.เช่นนี้ มองว่าเป็นการดิสเครดิตของศาลของยุติธรรมหรือไม่ ”นายสมชาติ กล่าว
เตือนอย่าให้เกิดวิกฤติตุลาการ
เมื่อถามว่า หากคณะกรรมาธิการยกร่างยังยืนยันตามความเห็นเดิมที่จะให้มีสัดส่วนคนนอกเพิ่มเข้ามาใน ก.ต.จะทำให้เกิดวิกฤติตุลาการหรือไม่ นายศรีอัมพร กล่าวว่า วิกฤติจะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายการเมืองเข้ามาใช้อิทธิพลแทรกแซงการแต่งตั้ง และที่ผู้พิพากษาที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่ใช่เพื่อต้องการล้มรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพียงเสียงสะท้อนให้รัฐธรรมนูญออกมาเป็นฉบับที่ดี เพื่อให้เป็นธรรมและที่พึ่งแก่ประชาชนได้
ข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้พิพากษาที่ร่วมลงชื่อท้ายหนังสือปิดผนึกนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 1,380 คน แยกเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา 203 คน ศาลอุทธรณ์และอุทธรณ์ภาค 506 คน ศาลชั้นต้น 671 คน โดยมีผู้บริหารระดับสูงทั้ง 3 ชั้นศาล เช่น รองประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์และประธานศาลอุทธรณ์ภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอื่นๆ อธิบดีผู้พิพากษาภาค และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลต่างๆ
กมธ.ยกร่างฯถอยพร้อมทบทวน
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กมธ.ไม่ได้มีเจตนาจะให้คนนอกเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในและการทำงานของศาลยุติธรรม แต่ที่เขียนหลักการดังกล่าวให้มีสัดส่วนก.ต.มาจากฝ่ายการเมืองนั้นเพราะต้องการให้ศาลทำงานเชื่อมโยงกับประชาชนมากขึ้นซึ่งเป็นหลักเดียวกับคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
“แต่เมื่อคณะผู้พิพากษาได้แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการกำหนดจำนวนสัดส่วนตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก ทางคณะกมธ.ยกร่างฯ ก็พร้อมจะนำกลับไปทบทวนและพิจารณาอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อไป”นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า
กลุ่มคนพิการใหกำลังใจ“บวรศักดิ์”
ที่รัฐสภากลุ่มบูรพาพิทักษ์ภาคีเครือข่ายจิตอาสาเพื่อคนพิการ ผู้สูงอายุ และทูตอารย สถาปัตย์” นำโดยนายสุเมธ พลคชาและนายกฤษณะ ละไล ได้ยื่นหนังสือสนับสนุนและมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯที่บัญญัติคำว่า“อารยสถาปัตย์”ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเพิ่มศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนพิการให้เท่าเทียมเหมือนคนปกติรวมถึงลดเหลื่อมล้ำของผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ และสตรีมีครรภ์ที่ประสบปัญหาการเดินทาง
โวยกร่างรธน.ฉบับ’มนุษย์นิยม’
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไปแจ้งให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญรับทราบเพื่อประกอบการพิจารณาทบทวนร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ตนยืนยันว่าคำว่า“อารยสถาปัตย์” และ”พลเมือง” ไม่ใช่วาทกรรม เพื่อให้ดูเท่ เก๋ แต่เป็นการส่งสารไปยังคนไทยทุกคนว่ามนุษย์ทุกคนไม่ว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างไรก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากันหมด และเป็นการทำให้เกิดสำนึกความเป็นพลเมือง รู้หน้าที่สิทธิของตัวเอง ทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศ ขอยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นมนุษย์นิยม ไม่ใช่อำนาจนิยมตามที่พูดกัน
“บิ๊กตู่”ย้ำทำตามโรดแมป
ที่โรงแรมเดอะสุโกศล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมทางวิชาการระหว่างประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ครั้งที่3 ตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน ตนยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแม็พ ตนไม่ได้มีความสุขที่อยู่ในอำนาจ มีทั้งคำด่าและคำชม แต่มีความสุขที่ทำเพื่ออนาคตประเทศ
ยืนยันไม่มีใครทำปฏิวัติซ้อน
“ไม่มีการปฏิวัติซ้อนอะไรทั้งสิ้น มาสิ มาเลย แล้วจะรู้ วันนี้ถ้าไม่มีทหาร ตำรวจ ประเทศอยู่ไม่ได้ ทหารไม่ได้มีเพื่อสู้รบกับต่างประเทศ แต่สู้รบกับความยากจนกับความยากจนและภัยพิบัติ วันนี้ทหารยังออกมาเข็นรถช่วยน้ำท่วมอยู่เลยดังนั้นอย่าให้ประเทศเป็นอัมพาต เป็นอัมพาตเมื่อไหร่ ทหารก็ต้องออกมาอีก เพราะไม่มีอะไรแก้ไขได้ แต่ถ้ามีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ทหารก็คงไม่ออกมาแบกรับภาระแบบวันนี้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผบ.ตร.แฉเว็บแดงกุปฏิวัติซ้อน
ส่วนพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อนว่าขณะนี้ทราบแล้วว่าบุคคลใดเป็นผู้แพร่เผยข้อความดังกล่าว ซึ่งมาจากเว็บไซต์ชื่อ”แดงดีดีดอทคอม” ซึ่งตัวบุคคลอยู่ที่ต่างประเทศแต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองหรือไม่
ได้ทีขอซื้อเครื่องสแกนพันล้าน
นอกจากนี้พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวถึงการมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปศึกษาระบบ Single Gateway มาใช้ในประเทศไทย เพื่อตรวจสอบและคัดกรองข้อมูลที่ไม่ต้องการ เช่น ภาพหรือข้อความที่ไม่เหมาะสม ระบบก็จะลบข้อมูลทิ้งทันทีเมื่อตรวจเจอ โดยได้เสนอเรื่องนี้ให้ฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลพิจารณาแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาเราใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งนี้ระบบดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท
ทหารเรียกคุยแกนนำแดง-กปปส.
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า คสช.ได้เชิญนักการเมือง อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ ,นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.,นายพิชัย นริพทะพันธ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยและนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. เข้าพูดคุยที่สโมสรกองทัพบก ในวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 11.00น.
“พิชัย”อ้างวิจารณ์บริสุทธิ์ใจ
ทั้งนี้นายพิชัย กล่าวว่า สิ่งที่ตนแสดงความเห็นนั้นเป็นการแสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ และการวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจก็นำข้อมูลตัวเลขต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐเอง ไม่ได้แต่งเติมหรือบิดเบือนตัวเลขแต่อย่างใด เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
“ทุกครั้งที่ถูกเชิญไปปรับทัศนคติก็ได้ชี้แจงเช่นนี้เสมอ ซึ่งนายทหารที่มาพูดคุยด้วยต่างมีความเข้าใจและเห็นด้วยในแนวคิดของผม” นายพิชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี