กมธ.ยอมถอย
เลิก‘โอเพ่นลิสต์’
คว่ำกจต.คืนดาบ‘กกต.’
เลิกรวมกสม.-ผู้ตรวจฯ
คปท.ขู่ม็อบทวงปฏิรูป
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้า
การปรับปรุงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากมีคำขอแก้ไขจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทั้ง 9คณะ ว่า ขณะนี้กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาเป็นรายประเด็นแล้ว แต่ยังไม่มีบทสรุปชัดเจน สำหรับประเด็นที่ปรับปรุงแก้ไขนั้น โดยสังเขปแล้วยังคงระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมเพียงแต่ปรับเปลี่ยนส.ส.เขตจาก 250คน เป็น 300คน สส.บัญชีรายชื่อจาก 200เหลือ 150คนและให้มีบัญชีเดียว ส่วนระบบโอเพ่นลิสต์จะชะลอไว้ อาจเขียนในบทเฉพาะกาลว่า จะใช้ต่อเมื่อมีการลงคะแนนแบบอิเล็คทรอนิกส์แล้ว แต่ยังคงหลักการเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอกเหมือนเดิม คือใช้เสียง 2ใน3และจะปรับปรุงจากเดิมที่เขียนว่า ถ้าเป็นนายกฯ คนนอก ถึงแม้พ้น 30วันไปแล้ว ยังต้องใช้เสียง 2ใน 3เหมือนเดิม
คว่ำ’กจต.’ไม่รวม’กสม.-ผู้ตรวจฯ
ด้าน นายปกรณ์ ปรียากร โฆษก กมธ.ยกร่างฯเปิดเผยว่า จากการนำคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่ภาคส่วนต่างๆนำเสนอต่อ กมธ.ยกร่างฯมาพิจารณา มีแนวโน้มปรับเนื้อหา 2เรื่อง คือ คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ที่จะปรับออก เหลือเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนการตั้งหน่วยงานหรือบุคคลใดให้ช่วยในกิจการการเลือกตั้ง ให้เป็นสิทธิของ กกต.ขณะที่การควบรวมผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นั้น ข้อสรุปคือ ไม่ให้ควบรวมและให้เป็นรูปแบบเหมือนกับที่ผ่านมา ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานนั้น กมธ.ยกร่างฯ จะพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
สพม.ชงถามเรื่องอื่นคู่ประชามติ
ขณะที่ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง(สพม.) กล่าวถึงการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า คำถามที่จะถามนอกเหนือจากคำถามที่ว่า ประชาชนจะรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องคิดต่อไปว่า หากไม่รับจะทำอย่างไรต่อ ซึ่งตนคิดว่าควรมีคำถามว่า ประชาชนยังเชื่อมั่นในระบบรัฐสภารูปแบบเดิมหรือไม่ หรือควรถามว่า ต้องการให้เลือกตั้งนายกฯโดยตรงหรือไม่ ซึ่งจะเป็นคำถามที่สอดรับกับคำถามรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญและจะทำให้ กมธ.ยกร่างฯสามารถปรับแก้รัฐธรรมนูญได้ตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงและมองว่าคำถามในการทำประชามติ ไม่ควรเป็นคำถามเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น คำถามเรื่องการต่ออายุของรัฐบาลออกไปอีก 2ปี เป็นต้น
‘บวรศักดิ์’ขออโหสิกรรม’ตุ๊ดตู่’
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯกล่าวตอบโต้กรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า ให้ นายบวรศักดิ์ ออกมาขอโทษกรณีดูถูกคนเสื้อแดงถูกจ้างมาชุมนุมว่า ถ้าฟังเทปคำพูดฉบับเต็มตนพูดในเนื้อหาสาระวิชาการ ไม่ได้พูดในเชิงการเมือง พูดมา 5ปีแล้ว ในเรื่องความเหลื่อมล้ำ ระหว่างคนมั่งมี กับคนไม่มี เป็นการพูดเพื่อยกระดับแก่คนไม่มี ไม่มีเจตนาจะดูถูกเชิงชนชั้น แต่ถ้าใครเข้าใจผิดก็ขออโหสิกรรม ไม่คิดจะใช้วจีกรรมทำร้ายใคร
ปัดใส่ร้ายใช้เงินจ้างม็อบแดง
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ตนพูดถึงม็อบ หมายความว่า คนที่ชุมนุมในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เขามากันเองแล้วก็เอาเงินมาบริจาค ส่วนคนต่างจังหวัดเขาอยากจะมา แต่รายได้เขาหายไป ทำให้เดือดร้อนในครอบครัว ไม่ใช่เอาเงินเพื่อจ้างมาชุมนม แต่ถ้าเขามาชุมนุม แล้วลูกหลานไม่มีกินก็เป็นไปไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิชุมนุมได้ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ท่าทีของ นายจตุพร เป็นธรรมดาของคนเป็นแกนนำม็อบ การออกมาพูดจาแรงเป็นเรื่องธรรมดา ตนถือว่า นายจตุพร พ่อแม่คงสั่งสอนมาดีแล้ว ส่วน นายจตุพร จะดีหรือไม่ดี อยู่ที่ตัว นายจตุพร เอง ที่ นายจตุพร บอกว่า หากตนไม่ออกมาขอโทษคนเสื้อแดงจะมาหาที่สภานั้น ทุกคนไปไหนมาไหนได้ ไม่มีปัญหา ยืนยันอีกครั้งว่า คำพูดของตนไม่มีเจตนาถูกถูกเสียดสีให้ร้ายใคร ที่ นายจตุพร ออกมาพูดนั้น พูดเอาเองคิดเอาเองเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
‘จตุพร’พอใจ-เล็งเข้าพูดคุย
ด้าน นายจตุพร กล่าวถึงกรณี นายบวรศักดิ์ ระบุไม่มีเจตนาดูถูกผู้ชุมนุมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งและขออโหสิกรรมหากคำพูดทำให้ใครเข้าใจผิดว่า การออกมาพูดของ นายบวรศักดิ์ ทำให้ความรู้สึกเบาลงในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามุมมองเรื่องชนชั้นและทัศนคติการเมืองและเรื่องประชาธิปไตยยังเป็นลักษณะนี้เห็นว่า เป็นเรื่องที่อันตรายในอนาคต หากคนเขียนรัฐธรรมนูญไม่ยึดหลักประชาธิปไตย ยังมองคนไม่เท่าเทียมกัน ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานของประชาธิปไตย ดังนั้นตนจะประสานไปถึง นายบวรศักดิ์ เพื่อเดินทางไปขอพูดคุยสร้างความเข้าใจให้ตรงกันถึงการเคลื่อนไหวของนปช.และจะไปในฐานะวิญญูชน เพียง 1-2คน โดยตนจะไปด้วยตัวเอง ส่วนวันและเวลาต้องประสานกันอีกครั้ง ยืนยันว่า จะไม่สร้างปัญหาใดๆ
มั่นคงจับตาช่วงทำประชามติ
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการติดตามตัวผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรา112 ในต่างประเทศว่า พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามส่วนหนึ่งและฝ่ายความมั่นคงติดตามส่วนหนึ่ง ยืนยันเรื่องนี้เอาจริง เพราะไม่ต้องการให้พวกนี้ทำให้เกิดความสับสนในทิศทางประเทศ ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่อยู่นอกประเทศไม่ใช่แค่ปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อนเท่านั้น มีการปล่อยข่าวหลายเรื่องแล้ว ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง ซึ่งกำลังเข้าไปควบคุมและยิ่งเข้าสู่โรดแมประยะที่2 ที่เปิดให้แสดงความคิดเห็นมากขึ้น ต้องจับตาการเคลื่อนไหว เป็นช่วงมีแรงกระเพื่อมมากและช่วงจะทำประชามติ ต้องประคับประคองผลักดันสู่โรดแมประยะที่3 ไปสู่การเลือกตั้งให้ได ซึ่งรู้ตัวบุคคล รู้แหล่งหมดแล้ว
‘นิพิฎฐ์’เมินทาบนั่งสภาขับคลื่อนฯ
วันเดียวกัน ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูป (ศปป.) ได้เชิญนักการเมืองและแกนนำกลุ่มการเมืองต่างๆมาพูดคุยถึงแนวทางสร้างปรองดองกับทาง พล.ท.บุญธรรม โอริส รองผู้อำนวยการ ศปป.
จากนั้น นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)เดินทางมาพูดคุยเป็นคนแรก หลังการพูดคุย นายนิพิฏฐ์ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้ถูกทาบทามให้มาเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและถ้ามีการทาบทามมาจริงๆ ก็จะไม่เป็น แต่จะทำหน้าที่ให้ความคิดเห็นทุกเรื่อง คิดว่าถ้าเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศก็จะกลายเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพราะตนเป็นนักการเมือง จะทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจ แต่ถ้าต้องการความเห็นพิเศษและเชิญมาพูดคุยในลักษณะแบบนี้ก็พร้อมให้คำเสนอแนะ ส่วนประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ ตนเป็นห่วงเรื่องบทบัญญัติการอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่อำนาจของคณะบุคคล สำหรับการทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตนมองว่ายังจัดการปฏิรูปไม่ได้ นับวันยิ่งห่างเป้าหมายออกไปมากขึ้น อาทิ การเสนอแนวคิดบ่อนกาสิโน ก็เป็นเรื่องเลอะเทอะไปแล้ว จึงคิดว่า สปช.ควรถูกไล่จากเรือแป๊ะ ส่วนกระแสข่าวโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็เช่นกัน ตนคิดว่าผิดหลักที่คนสร้างรัฐธรรมนูญจะคว่ำร่างเสียเอง ถ้าเป็นตนก็จะไล่ออกจากเรือแป๊ะไปด้วย
‘คปท.’ฮึ่มปลุกม็อบทวงถามปฎิรูป
ทางด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวภายหลังเข้าพูดคุยถึงแนวทางสร้างปรองดองกับ ศปป.ว่า ได้เสนอเรื่องรัฐธรรมนูญที่ยังไม่ตอบโจทย์สำคัญ เช่น การเข้าสู่อำนาจรัฐ การป้องกันการทุจริต การควบคุมการใช้อำนาจรัฐ การกระจายอำนาจ ส่วนการปฎิรูปประเทศตนเสนอให้ตัวแทนพรรคการเมืองเข้าไปเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้งเพื่อตรวจสอบกันเอง
เมื่อถามถึงกรณีเคยใหัสัมภาษณ์ว่า หากการปฎิรูปไม่คืบหน้าภายในสิ้นปี2558 จะออกมาเคลื่อนไหว นายนิติธร กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่ได้พูดคุยกัน แต่รัฐบาลที่มาจากอำนาจพิเศษมักพ้นไปด้วยเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นมากว่าเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ประเด็นนี้จึงควรระมัดระวังเพราะประชาชนคาดหวังการปฎิรูปว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ถ้าระยะเวลาผ่านมาพอสมควรแล้วประชาชนอาจจะออกมาทวงถามหรือออกมาเสนอแนะแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ที่ผ่านมาการปฎิรูปในภาพใหญ่ยังไม่มีความชัดเจนในแง่การสั่งการ อย่างไรก็ตาม นัยยะของการเคลื่อนไหวอย่ามองว่า เป็นเรื่องการชุมนุมและอย่ามองมาที่ตน แต่ขอให้มองถึงประชาชนทั่วไปที่จะออกมาทวงถามความคืบหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี