เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาเรียงรายมาตรา โดย นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า การพิจารณาจะเริ่มจากบททั่วไป ภาค 1 พระมหากษัตริย์และประชาชน ซึ่งอาจมีการปรับใช้ถ้อยคำใหม่ให้มีความเหมาะสม เช่น ชื่อของหมวดจะตัดความว่า “ประชาชน” ออกไป ตามข้อเสนอของคณะรัฐมนตรี
กมธ.รื้อประเด็นถวายสัตย์
ส่วนรายละเอียดคงไม่มีการแก้ไขมากนัก เพราะเนื้อหาแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาเลย แต่อาจมีการปรับในส่วนการถวายสัตย์ปฏิญาณ ให้สอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 จากเดิมที่กำหนดว่า ต้องกระทำต่อหน้าพระพักตร์ของพระมหากษัตริย์ เป็นกระทำต่อพระมหากษัตริย์หรือที่ทรงโปรดเกล้าฯให้เป็นผู้แทนพระองค์ หรือรัชทายาทที่ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่มาก ก่อนเข้าสู่การพิจารณาหมวดอื่นๆ ต่อไป
แก้พรบ.ประกอบรธน.ยากขึ้น
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า กมธ.ยกร่างฯ ยังได้หารือกันว่า อาจมีความจำเป็นต้องกำหนดให้การแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ให้มีความยากกว่า พ.ร.บ.ทั่วไป เพราะมีการยกเอาหลักการในรัฐธรรมนูญไปไว้ใน พ.ร.บ. ก็ควรมีหลักประกันว่าหลักการเหล่านั้นจะไม่ถูกแก้ไขได้โดยง่าย แต่คงไม่ยากเท่ากับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ไม่ได้หยั่งเสียงสปช.เห็นชอบ
ส่วนการลงมติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น นายคำนูณ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการหยั่งเสียงว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ เพราะร่างสุดท้ายยังไม่ออกมา อย่างไรก็ตามไม่เชื่อว่า สปช. จะถูกควบคุมจากปัจจัยภายนอกให้คว่ำรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้คณะรักษาความสงบ (คสช.) อยู่ในอำนาจต่อไป เพราะสปช.ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
ส่อโละ“สมัชชาคุณธรรม”
ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า กมธ.มีแนวโน้มจะตัดบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ที่มีกลไกในการยื่นเรื่องถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีความประพฤติมิชอบ เพราะพิจารณาจากรายงานเกี่ยวกับสมัชชาคุณธรรม ที่ส่งไปยังคณะรัฐมนตรียังไม่มีมติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการในประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด ฉะนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะไม่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะยังไม่มีระเบียบหรือโครงสร้างใดรองรับ
ถกรวดเดียว30มาตรา
ต่อมาในช่วงบ่าย นายคำนูณ ได้ออกมาแถลงอีกรอบว่า ที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯ ได้พิจารณามาตรา 1-25 บททั่วไป ภาค 1 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์และประชาชน ซึ่งในหมวดพระมหากษัตริย์ไม่มีการปรับแก้ไข ขณะที่ในหมวดอื่นๆ มีการปรับแก้เล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องคำพูด ถ้อยคำ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยหลังจากนี้จะเป็นการพิจารณาในหมวดว่าด้วยประชาชน เกี่ยวกับเรื่องความเป็นพลเมือง หน้าที่ของพลเมือง สิทธิ และเสรีภาพของบุคคลและสิทธิมนุษยชน โดยตั้งเป้าจะพิจารณาให้ได้วันละ 30 มาตรา
“เสรี”สับบวรศักดิ์ดูถูกสปช.
วันเดียวกัน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ออกมาให้ความเห็นกรณี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวกับสปช.ระหว่างร่วมการสัมมนาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน โดยบอกให้สปช.ลงมติโหวตรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องห่วง “ขนม 200 ชิ้น” จากสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศว่า ถือเป็นการดูถูก สปช. เห็นแก่ตำแหน่งในอนาคต ไม่ต่างจากกรณีที่เคยพูดถึงมวลชนเสื้อแดงจนเป็นปัญหา แล้วก็ต้องออกมาแก้ต่างว่าไม่ได้เจตนา การโหวตเห็นชอบรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันด้วยเหตุและผล ไม่ใช่เรื่องตำแหน่ง และขณะนี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่า ผลโหวตจะเป็นอย่างไร ที่ให้ความเห็นกันออกมาก็เพียงแค่เดากันไป
ค้านคนนอกนั่งปธ.อัยการ
นายเสรี ยังกล่าวถึงกรณีอัยการคัดค้านเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) มาจากบุคคลภายนอกได้ และให้มีสัดส่วนคณะกรรมการจากคนนอก 1 ใน 3 ว่า กมธ.ปฏิรูปกฎหมายก็เห็นไปในทางเดียวกัน คือ ให้ยึดแนวปฏิบัติเดิมเอาไว้เพื่อความเป็นอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะกระบวนการยุติธรรมมีความสำคัญ หากมีปัญญหาประชาชนจะได้รับผลกระทบทันที
อัยการจ่อประกาศจุดยืนต้าน
นางชนิญญา ชัยสุวรรณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครอง กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ได้รับรายชื่ออัยการที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการร่างจดหมายเปิดผนึกเพื่อแสดงจุดยืนของอัยการที่ไม่เห็นด้วย หลังจากนั้นจะมีการแถลงประกาศอย่างเป็นทางการ รวมทั้งส่งรายชื่อไปยัง กมธ.ยกร่าง คสช. รัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อพิจารณาต่อไป
ร่างประกาศประชามติเสร็จแล้ว
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ ก.ก.ต. แถลงว่า คณะกรรมการยกร่างประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและระยะเวลาในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ได้ยกร่างประกาศดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะนำเสนอให้ที่ประชุม ก.ก.ต. พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 29 มิถุนายน
ตั้งได้3คำถามงดออกเสียงนอกปท.
โดยรายละเอียดของประกาศดังกล่าว กำหนดให้การทำประชามติจะไม่เกิน 3 คำถาม การกำหนดวันออกเสียงประชามติกำหนดให้เป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ งดออกเสียงนอกราชอาณาจักร และงดการออกเสียงล่วงหน้า แต่จัดให้มีการลงคะแนนออกเสียงนอกเขตจังหวัด ส่วนการคัดค้านการออกเสียงประชามติกำหนดไว้ใน 2 ประเด็น คือเรื่องการคัดค้านการออกเสียงให้ผู้มีสิทธิออกเสียง 10 คน ยื่นร้องคัดค้านได้ แต่หากการคัดค้านไม่มีผลเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ต้องจัดให้มีการลงประชามติใหม่
สื่อฉะ“บิ๊กตู่”ป้ายสีรับใบสั่ง
วันเดียวกัน นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหาการทำงานของสื่อมวลชนว่ารับใบสั่งมาเพื่อเขียนข่าวถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดี เพื่อให้ได้เงินว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าผู้สื่อข่าวคนใดมีพฤติกรรมตามที่นายกฯอ้าง หรือหากพบการกระทำดังกล่าวจริง ก็มีความชอบทำที่จะดำเนินการตามกฎหมายได้
“ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวไม่เคยมอง พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและการซักถามเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศ ข้อท้วงติงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนายกฯ ๆ ก็ย่อมมีช่องทางในการชี้แจงและดำเนินการตามกฎหมายได้” นายมานพ กล่าว
“ดาวดิน”ฟุ้งไม่จับก็ไม่หยุด
เย็นวันเดียวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มนักศึกษาพลเมืองโต้กลับและกลุ่มดาวดิน ในนามกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ นำโดย นายรังสิมันต์ และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ได้ออกมาจัดกิจกรรมคัดค้านการรัฐประหารและผูกผ้าดำรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับปราศรัยโจมตีการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมทั้งท้าทายว่าถ้าไม่ถูกจับกุมก็จะไม่หยุดเคลื่อนไหว
“บิ๊กตู่”ยอมรับว่าผิดที่ยึดอำนาจ
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวว่า ช่างเขาก็ให้เคลื่อนไหวไป แต่ถ้าทำผิดกฎหมายเมื่อใดก็เมื่อนั้น ขออย่ายั่วกันไปมา ส่วนการที่บอกว่าตนเข้ามาควบคุมอำนาจนั้นก็ยอมรับว่าผิด และไม่เคยบอกว่าทำถูก แต่ทำเพื่อให้ประเทศเกิดความชัดเจน และเพื่อคนที่ลำบากกว่า 60 ล้านคน ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่การจะให้ทุกคนมาเห็นด้วยหรือคิดเหมือนตนนั้นทำไม่ได้ อะไรที่ดีเป็นประโยชน์ ก็ต้องอธิบาย ไม่ใช่เอามาตีกันอยู่อย่างนี้
จี้หัดมาดูกำลังแก้อะไรอยู่
“เป็นปัญหาโลกแตก สื่อก็ถามผมทุกวัน พวกนั้นก็สู้ทุกวัน ที่อื่นก็อย่าไปร่วมมือต้องรู้ว่าวันนี้เราทำอะไรกันอยู่ ไปดูผมแก้อะไรอยู่ จะมาเรียกร้องอะไรกันนักหนา ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนไหม ต้องมีคดีความ ตัวนักศึกษาและประเทศชาติได้รับความเสียหายหรือไม่ อนาคตจะว่าอย่างไร แล้วได้อะไรขึ้นมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี