เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 และนายวิชัย เอื้อปิยาพันธุ์ กลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ โอ๋ สืบ 6 อดีตผู้กำกับการ กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผกก.สส. บก.น.6 ) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนใช้ชื่อพล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการอำนวยการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบก.อก.สพฐ.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยโจทก์ฟ้งสรุปว่า เมื่อวันที่ 21สิงหาคม2549 พล.ต.ต.ธนายุตม์ ขณะดำรงตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น.6 เป็นเจ้าหน้าที่ โดยสั่งการให้ นายจรัญ จงอ่อน นายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ นายสุเมธ บุญยรัตพันธุ์ เข้าไปรุมทำร้ายและจับกุมตัว นายฤทธิรงค์ ลิขิตประเสริฐกุลและนายวิชัย เอื้อปิยาพันธุ์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น แต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่จับกุมกลุ่มบุคคลที่รุมทำร้ายกลุ่มประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ต่อมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยกับจำเลย ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการ หรือละเว้นกระทำการใดๆอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรงและมีมติให้ส่งเรื่องให้ ผบ.ตร.ดำเนินการตามวินัยตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 92 พร้อมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 97 จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2551 ว่า จำเลยมีความผิด มาตรา 157 ให้จำคุก 2 ปี และ ปรับ 10,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุก โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี จากนั้นจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้อง โดยต่อสู้ว่า ไม่เคยรู้จักกับนายจรัล กับพวกมาก่อน และ การไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลความผิดจำเลย ไม่ชอบ และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลย ยื่นฎีกาต่อสู้ว่าการกระทำของจำเลย ไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา157
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์และโจทก์ร่วม มีพยานหลักฐานเป็นแผ่นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะผู้เสียหาย ถูกทำร้ายและมีการถอดเทปคำพูดของ พล.ต.ต.ธนายุตม์ ที่พูดคุยกับกลุ่มบุคคลที่รุมทำร้ายโจทก์ร่วมและผู้เสียหาย เห็นว่า พล.ต.ต.ธนายุตม์ อยู่ในเหตุการณ์ มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งพล.ต.ต. ธนายุตม์ เป็นตำรวจ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด แต่กลับละเลยไม่กระทำตามหน้าที่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากฟังศาลฎีกาพิพากษาตัดสิ้นเสร็จสิ้นทางพล.ต.ต. ธนายุตม์ หรือ”โอ๋สืบ 6” ได้หลบเลี่ยงบรรดาสื่อมวลชนที่มารออยู่ด้านหน้าศาลอาญา โดยรีบออกประตูด้านข้างศาลอาญาและรีบขึ้นรถเดินทางกลับออกไปทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี