‘ดาวดิน’โผล่เชียงใหม่
ประท้วงบิ๊กตู่
จี้ปล่อยตัว13นักศึกษา
ศาลทหารให้ประกัน2คน
ตั้งเงื่อนไขห้ามชุมนุมอีก
ฝ่ายต้านไม่เข็ดนัดศุกร์นี้
กองเชียร์แห่ไปเยี่ยมนศ.
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ ทางอัยการศาลทหาร ได้นัดสั่งฟ้อง นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ถูกออกหมายจับ คดีขัดขืนประกาศ คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ในกรณีชุมนุมหน้าหอศิลป์ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย นายนัชชชา
กล่าวก่อนเข้ารับฟังการพิจารณาคดีว่า ตนเดินทางมาฟังอัยการศาลทหารจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในคดีที่ตนถูกออกหมายจับวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งในความเป็นจริงในวันนั้นตนไม่ได้ไปชุมนุมกับนักศึกษาที่หน้าหอศิลป์แต่อย่างใดเลย ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเจ้าหน้าที่จึงออกหมายจับ
ให้ประกัน2นศ.-ห้ามชุมนุมการเมือง
ด้านนายชาติชาย แกดำ อดีตพิธีกรเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เดินทางมาศาลทหาร เพื่อขอประกันตัวเพิ่มเติม ในกรณีถูกออกหมายจับวันที่ 22พฤษภาคม กรณีไปชุมนุมหน้าหอศิลป์ โดย นายชาติชาย กล่าวว่า วันนี้มารายงานตัวหลังครบกำหนด 7วันที่ศาลอนุมัติฝากขัง แต่ตนขอทำเรื่องขอประกันตัว ดังนั้นวันนี้จึงมาขอประกันตัวอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัวนายนัชชชา กับนายชาติชาย ด้วยหลักทรัพย์ 1หมื่นบาท จากนั้นจึงนำตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเพื่อปล่อยตัว โดยมีเงื่อนไขการประกันตัวคือ ห้ามร่วมชุมนุมทางการเมืองและยุยงปลุกปั่นให้คนอื่นใดร่วมชุมนุม หากผิดเงื่อนไขศาลจะใช้ดุลพินิจสั่งเพิกถอนประกัน
นักวิชาการ-ปชช.เยี่ยม13นศ.
ส่วนบรรยากาศหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกัน นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมนักศึกษาและประชาชน ได้เดินทางออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯก่อนรวมตัวกันหน้าทางเข้าและร่วมร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา พร้อมตะโกนต่อต้านความไม่เป็นธรรม
ไม่เข็ด3ก.ค.นัดเคลื่อนไหวอีกยก
น.ส.วกตัญญู หมื่นคำเรือง ตัวแทนนักศึกษาจากขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวหลังเข้าพบเพื่อนนักศึกษาทั้ง 13คน ว่า พวกเขายังมีกำลังใจดี สบายใจดี แต่กินข้าวไม่อร่อยและยังสู้ ทั้งยังเชื่อใจคนข้างนอกเสมอ การได้เข้ามาอยู่ในนี้เหมือนพักร้อน ส่วนกิจกรรมหลังจากนี้ ให้ติดตามทางเพจกลุ่ม โดยในวันศุกร์ที่ 3กรกฎาคมนี้ จะมีงาน ขอให้ติดตามและฝากถึงเพื่อนว่า แม้จะอยู่ข้างใน เราจะต่อสู้เปลี่ยนการต่อต้านเป็นการต่อสู้ เพื่อความถูกต้องและพวกเรายังต่อสู้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษาที่ถูกจับกุมมีทั้งหมด 14คน แต่มีนักศึกษาหญิง 1คน ซึ่งถูกแยกไปคุมขังไปทัณฑสถานหญิงกลาง จึงมีการเผยแพร่จดหมายในนาม 13คน ซึ่งเป็นนักศึกษาชายล้วน
ส่งจม.ถึง”บิ๊กตู่”ยึดหลักปชต.
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กเพจ”ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ New Democracy Movement - NDM” ได้เผยแพร่”จดหมายจาก 13เชลย ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ซึ่งเป็นจดหมายฉบับแรกหลังนถูกจับกุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพว่า วันนี้เป็นวันที่3 ที่พวกตนถูกคุมขัง แม้มีอาหารกินครบ 3มื้อ แต่เป็นการกินที่ปราศจากเพื่อนและคนที่รู้จัก แม้จะมีที่หลับนอนก็ไม่เป็นเหมือนบ้าน ไม่มีพ่อแม่และอ้อมกอดจากคนที่เรารัก แม้ว่าจะมีกำลังใจที่เต็มเปี่ยมเมื่อนึกถึงการต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ โดยหลักการ 5ข้อ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วม และสันติวิธี เราขออธิษฐานให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของหลักการดังกล่าว
‘วัฒนา’หนุนนศ.เจอทหารเรียก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) โดนเรียกเข้าปรับทัศนคติ ที่กองทัพภาคที่1 ในวันที่ 30มิถุนายน หลังแสดงความเห็นสนับสนุนนักศึกษากลุ่มดาวดิน โดยเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่งโทรศัพท์มาแจ้งเมื่อเช้าวันที่ 29มิถุนายนนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเตรียมเสื้อผ้าไปด้วยหรือไม่ เพราะอาจได้อยู่ยาว เนื่องจากไปวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของทหารไปอย่างหนักหน่วง นายวัฒนา ตอบว่า ไปแต่ตัวกับหัวใจก็เพียงพอ ถ้าเขาเอาตนไว้ คงเปลืองข้าว เปลืองน้ำ แต่ถ้าให้อยู่ก็คงไม่เกิน 7วัน สำหรับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ซึ่งให้ความเห็นกรณีนักศึกษาดาวดินด้วยนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายณัฐวุฒิ ได้รับการชี้แจงว่า “ยังไม่มีใครโทรมา เขาคงเห็นว่า สติหนามาก ปรับยากมั๊ง”
‘ไก่อู’ลั่นต้องใช้กม.จัดการม็อบ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวทางสังคม ทั้งกลุ่มที่ออกมาชื่นชมรัฐบาล หรือโต้แย้ง เพราะการเคลื่อนไหวไม่ว่ารูปแบบใดล้วนส่งผลต่อความสงบของประเทศในภาพรวม ซึ่งอาจกระทบต่อมิติอื่นๆ อาทิ การค้า การลงทุนและความเชื่อมั่นของนานาชาติ การเคลื่อนไหวของบางกลุ่มซึ่งชัดเจนว่า ขัดต่อกฎหมาย ขอให้ปล่อยเป็นขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรมที่จะตัดสินลงโทษ ขออย่าให้อีกฝ่ายออกเคลื่อนไหวโจมตีกันไปมาและอยากจะฝากเรียนไปยังทุกกลุ่มว่า รัฐบาลเชื่อว่า สิ่งที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุดขณะนี้คือ ความสงบสุขประชาชนอยู่อย่างร่มเย็น รวมทั้งขอให้มั่นใจว่า ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การปฏิรูปเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งทางสังคมเช่นที่เคยเกิดในอดีตและนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
บิ๊กตู่นำทีมประชุมครม.เชียงใหม่
เวลา 15.30น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะ เตรียมขึ้นเครื่องบินของกองทัพบก ดอนเมือง ไปยังกองบิน41 จ.เชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภารกิจร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่(ครม.สัญจร)ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ที่จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า การเดินทางไปจ.เชียงใหม่ครั้งนี้เพื่อไปประชุมครม.ตามปกติ รวมถึงดูแผนบริหารจัดการน้ำและการขุดบ่อน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาภัยแล้ง
ปัดตอบศาลทหารสั่งขัง14นศ.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ 14คน ถูกคุมขังในเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ ภายหลังศาลทหารมีคำสั่งฝากขังพลัดแรก นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวสั้นๆว่า “คุณเคยบอกว่าคุณมีสิทธิจะถามอะไรก็ได้ ผมก็มีสิทธิที่จะตอบคำถามคุณหรือไม่ตอบก็ได้”
ขณะเดียวกันในส่วนของครม. ต่างทะยอยเดินทางมาถึงจ.เชียงใหม่เพื่อเตรียมตัวเข้าประชัมครม. โดยนายกฯและครม.บางส่วน เข้าสักการะพระธาตุดอยสุเทพเพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นคณะของนายกฯ เดินทางไปเยี่ยมชมงานตลาดนัดชุมชนไทยช่วยไทยภายในศูนย์ราชการหน้าศาลากลางเชียงใหม่ ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มงวด มีการตั้งเครื่องสแกนวัตถุระเบิดด้วย
ทหาร-ตำรวจ-อส.ขนมาเพียบ
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิต ผวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เราจัดเตรียมความพร้อมต้อนรับคณะรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาประชุม ครม.สัญจรที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7รอบ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 30มิถุนายน ว่า มีความพร้อม 100% ในทุกด้าน โดยมีทหาร มทบ.33 เป็นหน่วยงานหลักดูแลความปลอดภัย มีตำรวจภูธรภาค.5 ตำรวจภูธรเชียงใหม่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ อส.เข้ามาดูแลความปลอดแก่คณะรัฐมนตรีทุกท่าน
ผู้ว่าฯรับมีกลุ่มต้านเคลื่อนไหว
ส่วนกลุ่มเคลื่อนไหวที่ต่อต้าน คสช.นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ได้ติดตามเฝ้าระวังอยู่ตลอด เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่อาจมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บ้างเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีหน่วยงานที่ดูแลอยู่แล้ว สำหรับมวลชนที่จะออกยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมตรีที่ประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้นั้น เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีอยู่ 2-3 กลุ่ม แต่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเจราจาแล้ว คงไม่น่าหนักใจแต่อย่างใด
นศ.ใส่หน้ากากโผล่จี้ปล่อยเพื่อน
ก่อนหน้านั้น เวลา 16.40น.ที่สะพานนครพิงค์ ใกล้สถานกงสุลสหรัฐอเมริกา จ.เชียงใหม่ กลุ่มนักศึกษาสวมหน้ากากรูปหน้าเพื่อนนักศึกษาที่ถูกจับหน้าหอศิลป์ ได้รวมตัวกันพร้อมชูป้าย โดยมีข้อความระบุว่า ประชาธิปไตย การมีส่วนร่วม ก่อนจะอ่านจดหมายส่งถึงเพื่อนที่ถูกจับกุมระบุว่า ‘ในฐานะเพื่อน เราไม่สามารถที่จะอยู่เฉยได้ หากรู้ว่าเพื่อนเรากำลังตกอยู่ในความยากลำบากและอันตราย วันนี้มีเพื่อนเรา 14คน อยู่ในคุกในข้อหาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ทำผิดอะไร การออกมาเรียกร้องของเราในวันนี้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการทำหน้าที่ของเพื่อนเวลาที่เห็นเพื่อนเราโดนรังแกจากความไม่ยุติธรรม เราไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดรัฐจึงเห็นเยาวชนของชาติที่ยึดถือหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วมและสันติวิธีว่าเป็นบุคคลที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของเราวันนี้มันไร้เหตุผลเกินว่าที่จะเชื่อว่านี่คือความเป็นจริง’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนแรกกลุ่มนักศึกษานัดรวมตัวกันที่ตลาดวโรรส แต่มีการตรึงกำลังทหาร ทำให้กลุ่มเปลี่ยนแปลงสถานที่เป็นบริเวณเชิงสะพานนครพิงค์ ซึ่งหลังอ่านจดหมายถึงเพื่อนเสร็จก็แยกย้ายกันเดินทางกลับทันที
กมธ.ไม่แตะองค์ประกอบกต.
ส่วนความคืบหน้าการรประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้น พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษก กมธ.ยกร่างฯเปิดเผยก่อนประชุมว่า ขณะนี้พิจารณาผ่านไปแล้ว 48มาตรา ซึ่งจะเร่งพิจารณาให้เสร็จภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับข้อเสนอให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ในหมวดศาลและกระบวนการยุติธรรม ทางกมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยมีมติให้ยึดตามเดิมเหมือนรัฐธรรมนูญปี2550 กำหนดไว้
แก้แค่2มาตรา/สื่อ-คลื่นวิทยุ
ต่อมา นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวหลังประชุม กมธ.ยกร่างฯ ว่า ที่ประชุมพิจารณาผ่านไปได้ 2มาตรา เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ในมาตรา49 ว่าด้วยพนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชน ได้ปรับแก้เล็กน้อยเกี่ยวกับการคุ้มครองสวัสดิการ โดยเปลี่ยนเป็น สวัสดิภาพของบุคคลแทน ส่วนมาตรา50ว่าด้วยคลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ที่ประชุมได้รอการพิจารณาไว้ก่อน เนื่องจากมีผู้เสนอให้ตัดวรรคท้าย ที่ว่าด้วยเจ้าของกิจการตามมาตรานี้ ต้องเป็นพลเมืองและต้องไม่ดำเนินการในลักษณะที่อาจมีผลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา48ตามที่กฎหมายบัญญัติ เนื่องจากกังวลว่าหากบัญญัติดังกล่าวไว้อาจขัดต่อข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่8 ว่าด้วยการเปิดให้กลุ่มประเทศอาเซียนสามารถดำเนินการลงทุนด้านโทรคมนาคมในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ70 ดังนั้นหากบัญญัติถ้อยคำดังกล่าว ที่ให้ พลเมือง หมายถึง คนสัญชาติไทยอาจทำให้ไม่เป็นไปตามข้อตกลงดังกล่าวได้
สปช.ชี้ถ้าแก้3ปมพร้อมลงมติผ่าน
ขณะที่นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช.ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ไม่ได้ยินข่าวการล็อบบี้ สปช.ให้ผ่านร่างรัฐธรรมแลกกับการเข้าเป็นสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศและไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ เพราะถือว่าดูถูก สปช.กลุ่มที่ยื่นคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญยืนยันในหลักการตรงกันว่า หาก กมธ.ยกร่างฯแก้ไขตามคำขอในประเด็นสำคัญที่เป็นหัวใจหลัก คือ ที่มาของนายกรัฐมนตรี จะต้องมาจาก สส.กรณีเกิดวิกฤตและต้องมาจากคนนอก จะต้องเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล รวมถึงแก้ไขในประเด็นที่มา สส. และสว.ก็พร้อมจะลงมติผ่านร่าง เพราะไม่อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาแล้วยังขัดแย้งกันอีก
ด้าน นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมาชิก สปช.ยืนยันเช่นกันว่า ไม่เคยได้ยินกระแสล็อบบี้ให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ หรือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่า สปช.จะตัดสินใจโดยใช้ดุลยพินิจส่วนตัว ซึ่งขณะนี้ยังมองไม่ออกว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ เพราะอยู่ในช่วงติดตามการปรับแก้อยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี