2 ก.ค.58 ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า กองทัพเรือมีมติเป็นเอกฉันท์ในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน จำนวน 3 ลำ โดยใช้งบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งการจัดซื้อในครั้งนี้เป็นแบบแพ็คเก็ต ถ้าหากว่าศักยภาพลำต่อลำจะตอบโจทย์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งบางครั้งได้มาลำเดียวแต่เรื่อไม่มีอะไรเลย ขณะที่งบประมาณของกองทัพเรือก็หมดแล้ว มีแต่เรืออย่างเดียวทำอะไรไม่ได้
ทั้งนี้ การจัดซื้อเรือดำนำของประเทศจีน เพราะมีคณะกรรมการของกองทัพเรือพิจารณา 17 คน ซึ่งเป็นคนที่อยู่บนเรือ เอาทหารเรือที่อยู่ในกองเรือดำน้ำ ที่จะต้องเป็นผู้ไปอยู่บนเรือดำน้ำ เป็นผู้ให้คะแนนเองทั้งหมด ซึ่งการจัดซื้อเรือของประเทศจีนเพราะมีอาวุธครบ โดยงบประมาณที่จะใช้ 7 ปี หรือ 10 ปี ขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะซื้อในลักษณะจีทูจี
พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวอีกว่า เรามีคณะกรรมการเดินทางไปดูเรือดำน้ำ 6 ประเทศที่เราสนใจ โดยจัดคณะกรรมการที่เป็นคนรุ่นใหม่ จำนวน 17 คน จากกองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ และให้คะแนน 14 คน เลือกเรือดำน้ำของประเทศจีน ประเทศเยอรมัน 2 คน และประเทศสวีเดน 1 คน ยืนยันไม่มีใครไปชักนำเรื่องการลงคะแนน เลือกด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรือในอนาคต การคัดเลือกจึงต้องให้เด็กรุ่นใหม่เลือก นอกจากนี้ ประเทศจีนให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งการฝึกอบรม อะไหล่เรือดำน้ำ จำนวน 8 ปี อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากองทัพเรือมีประสบการณ์เรื่องการซื้ออาวุธ เมื่อไม่มีเงินเราก็ไม่สามารถจัดซื้อได้ ดังนั้น การจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนครั้งนี้ถือเป็นความฉลาดและคุ้มค่ามากที่สุด
"การซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีน 3 ลำ เป็นเรือใหม่ทั้งหมด ใช้เวลาต่อเรือ 5 - 6 ปี กว่าที่จะส่งมาให้ และในระหว่างการต่อเรือเราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูในรายละเอียด 2 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ กำลังพลจึงต้องไปศึกษาพอสมควร การจัดเลือกเรือของประเทศจีนเป็นการตอบโจทย์ เพราะสามารถซื้อได้ถึง 3 ลำ แต่ถ้าเป็นของประเทศอื่นจะได้เพียง 2 ลำ ทั้งนี้ จะต้องมีการบริหารงบประมาณที่มีจำกัด และที่สำคัญประเทศจีนเป็นเพียงชาติเดียวที่ให้ระบบเอไอพี เป็นระบบที่ทำให้เรืออยู่ใต้น้ำนานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่ ขณะที่เรือของประเทศเกาหลีใต้ และเยอรมัน ไม่มีระบบเอไอพี อยู่ใต้น้ำได้ 5 - 6 วัน ก็ต้องโผล่ขึ้นมา ต่างกันเยอะ ซึ่งเรือดำน้ำต้องเงียบ พรางตัวอย่างเดียว ถ้า 4 - 5 วัน แล้วต้องโผล่ขึ้นผิวน้ำ ดาวเทียมสามารถจับได้หมด ต้องเข้าใจ บางคนบอกว่าซื้อของประเทศจีนแล้วส่ายหัว ความจริงแล้วไม่ใช่ ผมยังไม่อยากอธิบาย เพราะรัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติ รอให้อนุมัติก่อนจึงสามารถพูดคุยได้ ใครถามก็ตอบได้ เพราะผมเดินทางไปดูด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้พูดไม่ได้ เพราะสื่อก็โจมตี ไม่มีประโยชน์ที่มานั่งทะเลาะกัน" ผบ.ทร.กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม จำนำเรื่องนี้เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไหร่ แต่ยืนยันว่ากองทัพเรือจะทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ทั้งนี้ ครม.จะอนุมัติให้ก็ได้ ไม่อนุมัติให้ก็ไม่เป็นไร เราไม่มีอะไรซุกอยู่ใต้พรม ทุกอย่างเปิดเผย ยืนยันว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนไม่มีการล๊อบบี้จากฝ่ายการเมือง และการจัดซื้อเป็นระบบจีทูจี จ่ายเงินโดยภาครัฐ กองทัพเรือไม่เกี่ยว เพราะกองทัพเรือพิจารณาตาม ครม.ได้สั่งการ
ส่วนความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำยามที่ไม่มีสงคราม เรื่องนี้ตอบยาก เพราะเวลาจะใช้ มันไม่มีจะใช้ เราไม่มีเรือดำน้ำมา 50 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลก แต่เมื่อซื้อก็เหมือนคนเริ่มขับเรือใหม่ แต่การขับเรือกับรถต่างกัน เพราะเรือดำน้ำต้องใช้คน 50 คน การทำงานต้องเป็นทีม และเทคโนโลยีเมื่อเราซื้อมาแล้วก็สามารถเดินเรือได้ แต่ด้านเทคนิคการใช้อาวุธต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องใช้เวลา ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ได้เลย ต้องใช้เวลาเรียนรู้อย่างน้อย 3 ปี ที่สำคัญเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ในการป้องปราม บางประเทศเล็กๆ มีเรือดำน้ำ 5 ลำ ยังไปต่อเพิ่มอีก 3 ลำ และพื้นที่ก็ไม่มี ซึ่งการซื้อมาเป็นอำนาจต่อรองกับประเทศเพื่อนบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี