2 ก.ค.58 ที่อาคารรัฐสภา นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมด้วย นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กมธ.ยกร่างฯ และนายภูมิ มูลศิลป์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในฐานะคณะทำงานของคณะกรรมการฯ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังจากการประชุม เพื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมการฯ
โดย นายเอนก กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบรายงานข้อเสนอแนะของทางคณะกรรมการฯ โดยรายงานทั้งหมดมี 6 บท 37 หน้า โดยจะมีการเสนอรายงานให้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ในวันจันทร์ที่ 6 ก.ค.นี้ เพื่อให้มีการบรรจุวาระการประชุม สปช.เพื่อให้สมาชิกพิจารณารายงานดังกล่าว ในวันที่ 11 ส.ค.58 เพื่อให้ออกมาเป็นมติของทาง สปช.เพื่อให้มีการดำเนินการส่งรายงานไปยังผู้เกี่ยวข้อง เช่น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) , รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต่อไป
"ทางคณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้สังคมไทยต้องการความปรองดอง ไม่ใช่เพียงแค่การปฏิรูป หรือการกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องที่คณะกรรมการฯ ได้มีการเร่งการทำงาน เพื่อทำรายงานเสนอต่อผู้มีอำนาจ กรณีการจับกุม 14 นักศึกษานั้น ทางคณะกรรมการฯ รู้สึกเป็นห่วงเรื่องที่เกิดขึ้น และพร้อมอาสาให้ความช่วยเหลือ หากจะให้ไปร่วมเจรจาก็ยินดี เพราะเชื่อว่านักศึกษาบริสุทธิ์ ไม่มีสีเสื้อ และพร้อมเป็นตัวกลางเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้มาร่วมเสนอความเห็น" นายเอนก กล่าว
ด้าน นายบัณฑูร กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ ได้วางภารกิจ 6 ข้อ ที่จะส่งต่อให้กับทางรัฐบาลดำเนินการทันที โดยที่ไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญใหม่ ได้แก่ การสร้างความเข้าใจร่วมของสังคมต่อเหตุความขัดแย้ง , การแสวงหาและเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อเหตุความรุนแรง , การอำนวยความยุติธรรม การสำนึกรับผิดชอบ และการให้อภัย , การเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ , การสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน และวางมาตรการเพื่อป้องกันการใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ส่วนกรณีของนักศึกษากลุ่มดาวดินนั้น เห็นว่า เป็นกลุ่มที่ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมต่อการใช้อำนาจของส่วนกลางต่อโครงการในท้องถิ่น คือ เรื่องการเปิดสัมปทานเหมืองแร่โดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยถือเป็นยอดของภูเขาน้ำแข็งที่สะท้อนออกมา ถ้าไม่มีการจัดการแก้ไขหรือการปฏิรูปเพื่อสร้างมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแล้ว ก็จะมีกลุ่มที่มีลักษณะเดียวกันกับกลุ่มดาวดินขึ้นมาอีก
ส่วน นายภูมิ กล่าวว่า การนิรโทษกรรมถือเป็น 1 ใน 6 แนวทางการสร้างความปรองดองที่มีการเสนอมา โดยการนิรโทษกรรมจะอยู่ในช่วงระยะเวลาปี 2548 - 2557 จะแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ซึ่งต้องมีการแบ่งแยกผู้กระทำผิดเป็น 3 ประเภท คือ 1.ผู้กระทำผิดจากมูลเหตุจูงใจทางการเมือง อาจทำโดยให้อัยการพิจารณาไม่สั่งฟ้อง 2.ผู้กระทำผิดในคดีอาญาโดยเนื้อแท้ เช่น ฆ่าคนตาย การมีอาวุธในครอบครอง 3.ผู้กระทำผิดจากมูลเหตุจูงใจทางการเมือง และคดีอาญาโดยเนื้อแท้ ซึ่งในกลุ่มที่ 2 และ 3 จะต้องไปต่อสู้คดีอาญาตามกระบวนการยุติธรรมตามปกติ จนกระทั่งเมื่อรับโทษไประยะหนึ่ง ก็สามารถขอรับการอภัยโทษ
ส่วนการนิรโทษกรรมระดับแกนนำ และเจ้าหน้าที่รัฐระดับสั่งการ ควรกระทำหลังจากที่นิรโทษกรรมในระดับประชาชน และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ไปแล้ว 1 ปี และจะทำได้ก็ต่อเมื่อแกนนำต้องแสดงความสำนึกผิด และมีข้อเท็จจริงปรากฏต่อสังคมแล้วในระดับ รวมถึงเหยื่อต้องให้อภัย จึงจะพิจารณาว่าจะมีการนิรโทษกรรมให้หรือไม่ แต่หลักเกณฑ์การนิรโทษกรรมจะไม่ครอบคลุมถึงคดีทุจริต คดีอาญาโดยเนื้อแท้ คดีมาตรา 112 และคดีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการนิรโทษกรรมแล้ว จะไปสู่ขั้นตอนการเยียวยาที่เท่าเทียมกัน ไม่ให้เกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำ มาตรการเยียวยาจะมีทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน การสร้างอาชีพ การให้การศึกษา ตลอดจนจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง และรายชื่อบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุความขัดแย้งทั้งหมดให้สังคมทราบ ภายหลังจากที่มีการนิรโทษกรรมไปแล้ว 20 ปี ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุม ตลอดจนแกนนำผู้สั่งการ จะทำได้โดยใช้ช่องทางกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เช่น การที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง การอภัยโทษ รวมถึงการออกกฎหมายพิเศษ เช่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกเป็นกฎหมาย , คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา หรือ คสช.ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับสิทธิการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายภูมิ กล่าวว่า กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในระดับแกนนำและผู้สั่งการ ถ้าจะนิรโทษกรรมได้ต้องเข้าสู่กระบวนการสำนึกผิดก่อน ส่วนคดีอาญาก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีคดีติดตัวหลายเรื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี