อาจารย์มธ.ร้องศาลทหาร
ปล่อย14นศ.
วอนไม่อนุมัติฝากขังผลัด2
ให้อิสรภาพต่อสู้คดีนอกคุก
ถ้ายังเหลว-เตรียมพบนายกฯ
บิ๊กตู่ซัดจ้องแหกกม.ทุกดอก
ขอนแก่นรุมประณามดาวดิน
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีกับ 14 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร ว่า ต้องแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย ด้วยกระบวนการยุติธรรมผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎหมายประกาศไว้อย่างไร ต้องรู้ว่าทหารเขาทำอย่างไรในยามที่ไม่ปกติ หรือเมื่อที่ต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะมีการประกาศออกมาแล้วว่า คดีใดที่จะต้องขึ้นศาลทหารไม่ใช่ประกาศมาหลังจากเกิดการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว โดยหลังจากนี้ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมว่าจะดูแลได้แค่ไหน แต่ก็มักจะขุดคุ้ยให้ได้ เขามีการประกาศคำสั่ง คสช.แล้ว เวลาเขียนข่าวก็เขียนให้มันชัด ว่ากี่เรื่องที่ขึ้นศาลทหาร 1.คดีอาญามาตรา112และ2.ขัดคำสั่ง คสช.ซึ่งหมายถึงกฎหมายตามคำสั่ง คสช.ทุกฉบับ
ฉะนศ.จ้องแหกกฏหมายทุกดอก
“พอได้แล้ว ไม่ว่าจะแต่งตั้ง ซื้อโน่นซื้อนี่ เขียนกันให้พัลวัน มันได้อะไรกับประเทศชาติผมอยากจะรู้นัก เขาเขียนกฎหมายมาก็จะแหกกฎหมายทุกดอก ผมถามว่ากฎหมายเหล่านี้ใช้กับคนอื่นด้วยหรือเปล่า คนอื่นเขาโดนด้วยหรือเปล่า เมื่อขัดขืนกฎหมาย คสช.แล้วเขาโวยวายไหมเล่า ทำไมจะต้องให้พื้นที่อย่างนี้ทุกวันๆ กลัวมันจะไม่เดือดร้อนหรือปลุกขึ้นมาทั้งประเทศหรืออย่างไร’ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมินโจมตีโอนหมื่นล้านไปนอก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวในสื่อโซเชี่ยลมีเดียระบุว่า พ.อ.ประยุทธ์ มีการโอนเงินหมื่นล้านไปไว้ในบญชีต่างประเทศ ว่า ก็ไม่รู้ว่าใครไปเขียนในโซเชี่ยลมีเดีย ถามว่าเขียนแล้วมันใช่ไหม ลองใช้สมองวิเคราะห์สิ ถ้าจะเชื่อก็ตามใจ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯระบุว่าต้นตอมาจากที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตามว่ามาจากไหน เมื่อถามต่อว่าเหมือนว่าระยะนี้จะมีการปล่อยข่าวสร้างความเสียหายแก่รัฐบาลบ่อยครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พอแล้ว เดี๋ยวเขาก็หากันเอง เพราะคนดีๆก็เยอะแยะ ตนไม่ได้ทำจริง แล้วจะไปเดือดร้อนอะไร อยากจะว่าก็ว่าไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียในช่วงเช้าวันที่ 6กรกฎาคม ก่อนจะถูกลบออกในช่วงเวลาไมกี่ชั่วโมงต่อมา
‘ไก่อู’เผยใกล้ได้ตัวมือปล่อยข่าว
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้ได้ตัวมือโพสต์ข่าวใส่ร้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและภรรยา รวมถึงมือโพสต์ล่วงละเมิดกรณีอื่นๆอีก ซึ่งจะดำเนินตามกฎหมายตามระเบียบ กรณีข่าวสารวิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นต่อตัวท่านนายกฯเกิดขึ้นเป็นระยะ ซึ่งท่านนายกฯรับฟังและยอมรับความเห็นต่างไม่ว่าจะมาจากส่วนใด แต่การกุข่าว จงใจใส่ร้าย โดยปราศจากข้อเท็จจริง ท่านนายกก็สมควรได้รับสิทธิ์ปกป้องตัวท่านเช่นกัน
เผยนศ.หลายคนอยากประกันตัว
พล.ต.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงกรณีนักศึกษา 14คน ถูกดำเนินคดีความมั่นคง ว่า จากข้อมูลที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ได้พบปะพูดคุยกับนักศึกษาพบว่า นักศึกษาหลายคนในกลุ่มนี้ ซึ่งขณะนี้ถูกดูแลแยกกันคนละพื้นที่ ต้องการขอประกันตัว เพราะอยากกลับภูมิลำเนาและเตรียมตัวศึกษาต่อ ซึ่งเดือนหน้าก็จะเปิดเทอมใหม่แล้ว แต่ที่ยังไม่ขอประกันตัวเพราะติดด้วยการโหมกระแสจากกลุ่มบุคคลบางพวกที่ต้องการใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือให้อยู่ในเรือนจำต่อไป เพื่อหวังผลสร้างสถานการณ์ให้ยืดเยื้อ ในฐานะผู้ใหญ่เราทุกคนจึงควรต้องแสดงความมีเมตตาต่อเด็ก ดังนั้นการกระทำใดๆที่จะเป็นผลสร้างกระแส หรือกดดันจากตัดสินใจของนักศึกษาแต่ละคน ขอให้ยุติเสีย เพราะจะยิ่งเป็นการทำร้ายนักศึกษาและซ้ำเติมสถานการณ์ซึ่งไม่เป็นผลดีกับนักศึกษาและบ้านเมืองส่วนรวม
ผบ.ทบ.แง้มทางออกผ่อนคดี14นศ.
ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนักศึกษา14คน ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้มองนักศึกษาเป็นศัตรู นักศึกษาก็เป็นลูกหลาน แต่จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เพราะมีการกระทำขัดกฎหมายและคำสั่งของ คสช.ที่ได้ระบุไว้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปนำไปสู่กลุ่มก้อนที่มากมายและเกิดความไม่สงบ เราเห็นหายนะที่อยู่เบื้องหน้า คงไม่อยู่เฉยๆและปล่อยปละละเลยไป จึงต้องทำตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ด้วยความที่นักศึกษาเป็นเยาวชน ทางออกยังพอมี ในส่วนที่จะพิจารณากรณีเป็นเยาวชน โทษทัณฑ์ต่างๆก็คงไม่มากมายอะไร แต่เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ตนไม่ขอก้าวล่วง
เตือนอาจารย์อย่าโหนกระแส
“อาจารย์บางคนก็กระโดดเข้าสู่กระแส โหนไปตามกระแสนั้นๆ เชื่อว่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือรัฐบาลกระเพื่อม ขอให้หยุด ขอเถอะครับ ครูบาอาจารย์ ผมก็เคารพรัก เจอกันภายนอกก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย ไม่ได้เป็นศัตรูกัน บางอย่างท่านเอาไปให้ข้อคิดเห็นสนับสนุน จนทำให้คิดว่าสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งดี ซึ่งมันไม่ใช่เวลานี้ ให้รัฐบาลมีเวลามีโอกาสทำงานต่อไป อีกไม่นานจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นำไปสู่การเลือกตั้ง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
คณาจารย์มธ.ร้องปล่อยตัวนศ.
เวลา 10.15น.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาสจากหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ว่า กลุ่มคณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ นำโดย น.ส.ดวงมณี เลาวกุล ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ว่า สืบเนื่องจากนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ได้ถูกคุมขังจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง พวกเรามีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสวัสดิภาพและอนาคตของนักศึกษา การเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาเป็นเพียงการแสดงออกถึงความเห็นต่างทางการเมืองด้วยแนวทางสันติวิธี ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมอารยะ การถูกจองจำจากการเคลื่อนไหวอย่างสันติและมาจากเจตนาบริสุทธิ์ที่จะเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เป็นการลงโทษรุนแรงเกินกว่าเหตุ ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่เขาจะต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากร จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยนักศึกษาโดยปราศจากเงื่อนไข เพื่อให้นักศึกษาได้ออกมาศึกษาเล่าเรียนและเติบโตต่อไป
เตรียมพบ’บิ๊กตู่’หากไม่ปล่อยตัว
ต่อมา เวลา 11.10น.เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง นำโดย นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้อ่านแถลงการณ์เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง ฉบับที่4 พร้อมข้อเรียกร้องดังนี้ 1.เราขอสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ 280คณาจารย์ฯ ที่ลงชื่อในแถลงการณ์ฉบับที่1และให้รัฐบาลและคสช.ยุติคุกคามคณาจารย์ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ 2.ขอเรียกร้องให้ปล่อยนักศึกษาอย่างไม่มีเงื่อนไขและ3.หากนักศึกษายังคงถูกคุมขังและยังมีการคุกคามคณาจารย์อีกต่อไป เราจะร่วมกับคณาจารย์ชุดแรกเดินทางเข้าพบนายกฯ.เพื่อสอบถามความชัดเจนต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์ฉบับที่4 มีอาจารย์ร่วมลงชื่อ 94คน เป็นรายชื่อใหม่เพิ่มเติมจาก 280คน พร้อมประชาชน 583คน
อาจารย์มธ.ยื่นจม.ศาลทหาร
จากนั้น เวลา 13.30น.ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) พร้อมด้วย นายต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ รองคณบดีฝ่ายการนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้พิพากษาศาลทหารกรุงเทพ เพื่อคัดค้านการฝากขังผลัดที่2 ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังผลัดแรกวันที่ 7กรกฎาคม โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า ตามที่ศาลทหารกรุงเทพอนุมัติหมายจับนักศึกษาและนักกิจกรรม 14คน ที่ได้แสดงออกทางการเมืองในลักษณะที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและอนุมัติให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 14คน ในเรือนจำตามคำขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเวลา 12วัน ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังวันที่ 7กรกฎาคม โดยผู้ต้องหา 14คน มีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมอยู่ด้วยนั้น
ค้านฝากขังผลัด2-จี้ปล่อยตัว
ข้าพเจ้าในฐานะรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาและการเรียนรู้ มธ.จึงใคร่ขอให้ศาลทหารกรุงเทพฯ ได้โปรดพิจารณาไม่อนุมัติฝากขังจำเลยทั้ง 14คน ต่อเมื่อครบกำหนดฝากขังในครั้งแรก ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. พฤติกรรมที่ผ่านมาของนักศึกษาไม่ปรากฏว่าจะหลบหนี 2.ตามหลักนิติรัฐ หรือหลักนิติธรรมนั้น ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหา หรือจำเลยไม่มีความผิด ผู้ต้องหาทั้ง 14คน เป็นแต่เพียงผู้ถูกกล่าวหาจากตำรวจ การเอาตัวไปฝากขังไว้ในเรือนจำเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรม 3.แม้คำสั่ง คสช.ที่ผู้ต้องหาทั้ง 14คน โดนตำรวจกล่าวหาว่าฝ่าฝืนนั้น แต่การแสดงออกซึ่งความเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาลเป็นสิทธิเสรีภาพที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับและการได้รับสิทธิต่อสู้คดีโดยไม่ถูกกักขังระหว่างการพิจารณาก็เป็นสิทธิตามนธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้เป็นภาคีอยู่ด้วย จึงใคร่ขอศาลทหารได้โปรดพิจารณาไม่อนุมัติฝากขังต่อ และให้ผู้ต้องหา 14 คนได้มีสิทธิต่อสู้คดีนอกเรือนจำด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง
ทนายเผยนศ.ยินดีคุยรัฐบาล
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวถึงการสอบสวนนักศึกษาของพนักงานสอบสวนว่า พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฏร์ ได้เข้ามาสอบปากคำนักศึกษาชายทั้ง 13คน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตั้งแต่เวลา 9.00น.โดยวันที่ 7กรกฎาคม พนักงานสอบสวนจะขอศาลทหารฝากขังผลัดที่2 ต่อนักศึกษาทั้ง 14คน ซึ่งจะเดินทางไปที่ศาลทหารพร้อมทีมทนายเพื่อคัดค้านการฝากขังโดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หลายคนต้องติดต่อเรื่องเรียนกับมหาวิทยาลัย และบางคนต้องไปพบแพทย์ หากศาลเห็นด้วยกับทนายก็ปล่อยนักศึกษาได้ แต่หากศาลให้ฝากขังต่อ นักศึกษาจะถูกคุมขังอีก 12วัน ทีมทนายก็จะหารือถึงการสู้คดีต่อไป ทั้งนี้ นักศึกษายังยืนยันไม่ขอประกันตัวเหมือนเดิม โดยช่วงสอบปากคำ ตนได้แจ้งนักศึกษาว่า มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์และไม่มีเบื้องหลัง ซึ่งนักศึกษามีความยินดีที่ผู้ใหญ่เข้าใจ หากจะเข้ามาพูดคุยก็ยินดี
ขอศาลพิจารณาคดีแบบเปิดเผย
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า วันที่ 7กรกฎาคม นักศึกษาจะแถลงต่อศาลทหารให้พิจารณาคดีอย่างเปิดเผยในการไต่สวนคำร้องขอฝากขัง โดยขออนุญาตให้ญาติ สื่อมวลชนและประชาชนเข้าฟังได้และนักศึกษาจะแถลงต่อศาลกรณีครอบครัวถูกทหารคุกคาม โดยไปพบถึงบ้าน ถือเป็นการคุกคามสิทธิทางกระบวนการยุติธรรมและข่มขู่ครอบครัวผู้ต้องหา การกระทำดังกล่าวนับเป็นการละเมิดอำนาจศาล ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม โดยจะขอให้ศาลเรียกตัวทหารที่กระทำดังกล่าวมาไต่สวน
‘วิษณุ’ชี้ถ้าไม่ฝากขังก็ปล่อยตัว
ทางด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนักศึก14 คนไม่ขอประกันตัวมีช่องทางอื่นโอกาสที่จะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ว่า ต้องขอประกันตัวเท่านั้น แต่มีความเป็นไปได้ที่พนักงานสอบสวนไม่ขอฝากขังต่อก็หมด ไม่มีใครมีอำนาจควบคุมตัว การฝากขังคือถึงเวลาผัดฟ้องหรือถึงเวลาแล้วแต่ยังไม่ฟ้อง แค่ต้องการคุมตัวไว้เพื่ออะไรสักอย่างจึงมาขออนุญาตศาล ซึ่งศาลอาจจะให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ ถ้าหากอัยการเขาไม่ผัดฟ้องแปลว่า เขาเตรียมพร้อมที่จะฟ้อง ส่วนจะฟ้องได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา นั่นคือวิธีหนึ่งและที่ถามก็เป็นวิธีหนึ่ง และต้องรอดูว่าวันที่7 ก.ค.ว่าจะขอฝากขังต่อหรือไม่
คสช.ใช้กม.ปกติดูแลศาลทหาร
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการดูแลรักษาความปลอดภัย กรณีพนักงานสอบสวนจะยื่นฝากขังนักศึกษาผลัด2 ที่ศาลทหารกรุงเทพ ว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยในเบื้องต้นจะใช้กฎหมายปกติ คือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล ส่วนของทหารเรามีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่อยู่แล้ว ส่วน คสช.จะมีคำสั่งการห้ามนักศึกษา 14 คนเดินทางไปต่างประเทศ หรือไม่นั้น ถือเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องพิจารณา โดยดูจากพฤติกรรมต่างๆ
ผู้พิพากษายันพิจารณาโปร่งใส
พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ กล่าวว่า วันที่ 7กรกาคม การดูแลรักษาความปลอดภัยศาลทหารก็จะดูแลเพียงภายในเท่านั้น ส่วนบริเวณด้านนอกรอบๆบริเวณศาลจะเป็นในส่วนของกองรักษาความปลอดภัยของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งทางศาลทหารมีการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว ไม่มีการปิดบังแต่อย่างใด แต่เนื่องจากห้องพิจารณาคดีของทางศาลค่อนข้างเล็ก จุคนได้เพียง 20-30คน จึงต้องมีการส่งตัวแทนเข้าไปร่วมฟังเท่านั้น เฉพาะญาติของผู้ที่เข้าฟังทั้ง 14 คน ทนายความ ผู้สื่อข่าว ก็ต้องตกลงกันว่าใครจะเข้าไปร่วมฟังการพิจารณาคดี
‘บิ๊กต๊อก’ชี้ไม่เปิดเรือนจำหลักสี่
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี 14นักศึกษาเรียกร้องให้ดำเนินคดีโดยศาลพลเรือน ว่า ไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ ยืนยันว่า คสช.ไม่เคยบอกว่า เข้ามาบริหารประเทศด้วยประชาธิปไตย แต่จำเป็นต้องเข้ามาเพื่อปลดล็อคประเทศ ส่วนข้อเสนอให้เปิดใช้เรือนจำชั่วคราวหลักสี่อีกครั้ง ตนมองว่า ยังไม่จำเป็น เพราะกลุ่มดังกล่าวไม่ได้มีจำนวนมาก เรือนจำปกติยังสามารถรองรับได้
ชาวขอนแก่นประณาม’ดาวดิน’
วันเดียวกัน เวลา 10.20น.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอุดม หลาบยองสี ราษฎร ม.10 ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น พร้อมชาวบ้านอีกกว่า 100 คน เดินทางมาชูป้ายกระดาษที่เขียนข้อความให้กำลังใจผู้ว่าฯและประณามการกระทำกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนามูล-ดูนสาดและกลุ่มดาวดิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) นายอุดม กล่าวว่า ที่เดินทางมาศาลากลางเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านกลุ่มดาวดิน มข. และกลุ่มอนุรักษ์นามูล-ดูนสาด ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์คัดค้านการเจาะก๊าซบ้านนามูล และล่าสุดยังเคลื่อนไหวด้วยการไปเยี่ยมและให้กำลังใจ นศ.กลุ่มดาวดินที่ กทม.ทั้งนี้ คนในหมู่บ้านได้ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวมาโดยตลอดและพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลและคสช.อย่างเต็มที่ ส่วนกรณีของกลุ่มต้านรัฐบาลนั้นเชื่อว่าเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม
จากนั้น นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น ที่เดินทางมาพบกลุ่มชาวบ้านได้ชี้แจงกับชาวบ้านเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มดาวดินและกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ว่า การกระทำของกลุ่มคนทั้งสองเกินขอบเขตประชาธิปไตย สร้างความแตกแยกในพื้นที่ จึงขอให้มีความสามัคคีกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี