28 ก.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30 น. ที่วัดไตรธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระสุเทพ ปภากโร (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) พร้อมพระอีก 3 รูป คือ พระเชน อาภาธโร (นายเชน เทือกสุบรรณ) พระชินวรณ์ จันทสาโร (นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ) และพระธีรภัทร์ จันทสีโล (นายธีระภัทร์ พริ้งศุลกะ) ได้เข้าพิธีลาสิกขา โดยมีพระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 เป็นพระอุปัชฌาย์ผู้ทำพิธีลาสิกขาบท ท่ามกลางอดีตแกนนำ กปปส. เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยะกุล นายชุมพล จุลใส และญาติสนิทไปร่วมพิธีจำนวนมาก
ซึ่งเมื่อเสร็จพิธี นายสุเทพ และคณะ ได้เดินทางมาที่วัดธารน้ำไหล อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมทำบุญตักบาตรพระใหม่ ที่เข้าร่วมโครงการอุปสมบทหมู่ เพื่อปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รุ่นที่ 9 และในช่วงเวลา 11.00 น. นายสุเทพ ก็จะร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ที่วัดท่าไทร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นวัดที่พระสุเทพเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 15 ก.ค.57 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการตักบาตร นายสุเทพ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่ได้ลาสิกขาบทแล้วว่า คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจลาสิกขา ซึ่งความตั้งใจเดิมอยากจะบวชนานกว่านี้ และมีญาติโยมขอร้องไม่ให้ตนลาสิกขา แต่เพราะมีเหตุปัจจัย และหน้าที่ที่ต้องทำ ซึ่งไม่สามารถกระทำได้ตอนที่เป็นพระสงฆ์ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ขอให้รอฟังการแถลงในวันที่ 30 ก.ค.58 นี้ ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากที่ลาสิกขาแล้ว ณ วันนี้ตนก็มีฐานะเป็นประชาชนคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีความนั้น ในช่วงที่บวชก็มีคดีที่ต่อต้องสู้กันหลายคดี ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นกังวลทุกคดี โดยเฉพาะคดีในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในปี 56- 57 เช่น คดีกบฏภายในราชอาณาจักร คดีก่อการร้าย คดีบุกรุกสถานที่ราชการ คดีขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นต้น เนื่องจากว่า ฝ่ายตรงข้ามมีฤทธิ์ มีอิทธิพลมาก ซึ่งอาจกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดี แต่ตนยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย
นายสุเทพ ยังกล่าวอีกว่า ตนขอฝากบอกไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อ 26 ก.ค.58 ที่ผ่านมาว่า ในฐานะที่ตน และ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน แต่อ่อนกว่าตน 19 วันว่า ขอให้ยึดคำสอนของท่านพุทธทาส ที่ว่า อย่ายึดมั่นถือมั่นในตนเอง อย่ายึดว่าตัวกู ของกู ซึ่งจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้จักคิดเพื่อคนอื่นๆ รวมทั้งประเทศชาติมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ตนก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงการชวนกลับมาทำงานร่วมพรรคเช่นเดิม เพราะทุกคนในพรรคเข้าใจกันดี ส่วนแนวทางการสร้างความปรองดองนั้น ตนยืนยันว่า ในฐานะตนเองที่เป็นแกนนำการชุมนุมผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม รวมถึงคดีอาญาร้ายแรงและคดีที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย เพราะกระทบกับความมั่นคงของประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ตามมาชุมนุมนั้น สามารถนิรโทษฯ ได้ พร้อมย้ำว่า ตนพร้อมพูดคุยกับคนทุกคน เพราะตนไม่มีอะไรที่จะต้องหลบหน้าใคร เจอกันได้ทุกเวลา และตนพร้อมยินดีที่จะเสียสละให้ประเทศชาติด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี