31 ก.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.15 น.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์บ้านเมืองไทยในปัจจุบัน ดังนี้
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมคิดว่าหลายท่านคงได้เห็นข่าว การที่มีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ไปเข้าแถวรอรับเสื้อและเข็มกลัดพระราชทาน เพื่อจะเตรียมการเข้าร่วมกิจกรรม “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่” นะครับ ก็เป็นที่น่ายินดี ตนจำนวนมากมายที่ไปเข้าแถวรอคอย ตั้งแต่ตีหนึ่งตีสองจนกระทั่งบางทีก็ถึงบ่ายเพราะฉะนั้นก็จะแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนะครับ แล้วร่วมกิจกรรมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาส “วัน แม่ของแผ่นดิน” แล้วก็แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของปวงชนชาวไทยของเราด้วยนะครับ ก็อย่าลืมเตรียมร่างกาย อุปกรณ์ ในเรื่องของความปลอดภัยศึกษากติกา มารยาทในการปั่นจักรยานกันนะครับ สมเด็จพระบรมฯ ท่านทรงเป็นห่วงมากในเรื่องนี้นะครับ เรื่องความปลอดภัยของพวกเราทุกคนนะครับจะได้มีความสุขกัน แล้วก็ในในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้ทุกคนก็คงจะได้ร่วมกิจกรรมที่ว่านั้นด้วยความสุขนะครับ
เมื่อต้นสัปดาห์ ที่ผ่านมานั้นได้มีการออกรายงานประจำปี ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในเรื่อง “สถานการณ์การค้ามนุษย์” (TIP Report) ประจำปี 2558 ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามและรับทราบผลก่อนหน้านี้แล้วนะครับ ซึ่งเราไม่รู้สึกท้อ ไม่ผิดหวังใดๆ เราต้องมีความหวังนะครับ อย่าไปผิดหวังในเรื่องใดทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับในกติกาของสากลนะครับ รัฐบาลไทยก็จะเดินหน้าต่อไปนะครับในเรื่องของการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ เพราะว่าเราก็ต้องสงสารคนเหล่านี้ที่ถูกหลอกลวงที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ มีผู้ได้รับผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดนะครับรัฐบาลนี้ถือว่าเป็น “วาระแห่งชาติ” เราต้องมีหน้าที่ต่อประชาชนทั่วไปทั้งโลก นะครับ ไม่เฉพาะคนไทยด้วยกันเท่านั้นเอง เราก็พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกองค์กร ในการที่จะมีการปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างจริงจัง ให้หมดไปจากแผ่นดินไทย ให้ได้ แล้วก็สนับสนุนในเรื่องของการต่อต้านแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในอาเซี่ยนทั้งหมดด้วย ในฐานะที่เราเป็นประเทศอาเซียน ด้วยกัน เพราะวันนี้เราว่าบ้านเมืองเรานั้นมีปัญหาหลายอย่าที่ต้องแก้ไขนะครับ เพราะงั้นถ้าใครจะมาว่าเราอย่างไรก็ตามเราก็อย่าท้อแท้นะครับ เราก็ต้องยึดมั่นในเจตนาของเราในสิ่งที่เราต้องทำให้เพื่อประเทศไทยและเพื่อให้สังคมไทยนั้นปลอดภัยแล้วก็ไม่เสียชื่อเสียงของต่างประเทศด้วยนะครับ เรื่องความเข้าใจนั้นเป็นเรื่องที่ยากนะครับ ที่จะต้องอธิบายกัน แต่ถ้าคนไทยด้วยกัน ฟัง แล้วก็คิดนะครับ ใคร่ครวญให้ดีการที่เราจะทำอะไรให้ใครเขายอมรับได้ ก็ต้องพิสูจน์ทราบให้เขาเห็นให้ได้ก่อนนะครับ เขาจะได้เข้าใจเรานะครับ การจัดลำดับของเราใน “Tier 3” ก็เราได้รับมาแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับ เพราะงันวันนี้เราก็ทำอะไรหลายอย่างที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะงั้นการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้กำหนดมาแล้ว ก็เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกานะครับ
เราก็ทำของเราเรารู้อยู่แล้วว่ามันดีขึ้น ไม่ดีขึ้นอย่างไรนะครับ เราผมไม่ไหมายความว่าเราไม่มีความพยายามในการแก้ปัญหาแต่เพียงแต่ว่าผลการดำเนินการนั้นไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำในช่วงทีเขามาดู แล้วอย่าลืมว่าเขามาดูในช่วงต้นๆ ที่เราเพิ่งแก้ไขไป วันนี้เราแก้ไขมาหลายเดือนแล้ว แล้วก็ถ้ามันเลยไปอีกนี่มันก็ต้องดีขึ้น วันนี้ก็ชัดเจนขึ้นหลายอย่าง การลงโทษเจ้าหน้าที่ การลงโทษผู้เกี่ยวข้อง 100 กว่ารายนะครับ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศอื่นเขาน้อยกว่าเรามาก คดีความก็นำเข้าสู่ขบวนการพิจารณานะครับ วันนี้เราต้องแก้ไขให้ได้ทั้งระบบโดยเร็วนะครับ เพราะงั้นถ้าหากว่าเรามี ความพยายามอย่างชัดเจนแล้ว วันหน้าเราก็จะได้มีผลงานปรากฏออกมาแล้วการยกระดับขึ้นมาเป็น “Tier 2” ได้ในอนาคตโดยเร็วนะครับ
ในส่วนของปัญหาที่มีซับซ้อนกันอยู่มีหลายเรื่องด้วยกันนะครับ ทั้งค้ามนุษย์ ICAO เหล่านี้ แล้วก็ IUU นี่ ก็เช่นเดียวกัน ปัญหาเดียวกัน เพราะงั้นถ้าจะตัดสินยังไงก็เรื่องของเขา เราก็ต้องทำของเราให้ดีที่สุด แล้วกัน เพื่อคนไทย เพื่อทรัพยากรไทย เพื่อสิทธิมนุษยชน ดูแลทุกคนในโลกใบนี้นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาเซียนด้วยกันนะครับ ที่มีผลกระทบโดยรวมทั้งสิ้นนะครับ ใครจะว่าเราก็แก้ไข ใครชมเราเราก็ดีใจชื่นใจ แล้วก็เก็บไว้เงียบๆ นะ เพราะปัญหาหลายอย่างมันทับซ้อนกันอยู่นะ เรารู้ตัวเองเราดีอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือนะครับ ความร่วมแรงร่วมใจจากพี่น้องประชาชน คนไทยทุกคนนะ ก็อย่าพูดกันถึงเรื่องนี้อีกเลยนะครับ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแล้วก็ส่วนที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ประกอบการ รวมทั้งแรงงานด้วย ก็อย่าตกเป็นเหยื่อเขานะครับ ก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกันนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใกล้ตัวเรามากนะครับ ประเทศเรามีผลกระทบหลายอย่าง การค้า การลงทุนต่างๆ มันต้องทำให้สิ่งเหล่านี้มันหายไปให้ได้จากสังคมไทยนะนะครับ
ก็ขอเน้นย้ำเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้นะ ว่ารัฐบาลไทยมุ่งมั่นต่อไปนะครับทุกเรื่อง การต่อต้านการค้ามนุษย์ IUU, ICAO อะไรต่างๆก็แล้วแต่ที่มันมีปัญหาทับซ้อนมายาวนานจากหลายๆ รัฐบาลที่ผ่านมา รัฐบาลนี้จะจริงจังทุกเรื่องนะครับ ให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมของโลก และการรักษาความมั่นคงของประเทศ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั้งคนไทยและคนอาเซียนทั้งหมด นะครับ ก็ขอร้องให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ต้องเข้าใจเรานะ เรากำลังแก้ปัญหาอยู่แล้วก็มีการขยายความร่วมมือกับนานาประเทศด้วย องค์การระหว่างประเทศ ชี้แจง ทำความเข้าใจส่งหลักฐาน ผลการดำเนินงานให้อย่างต่อเนื่องนะครับ
ในส่วนที่ รัฐบาลให้ความเร่งด่วนอีกอันหนึ่งก็คือ การแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจนะครับ วันนี้เราจำเป็นต้องวางรากฐานการสร้างความเข้มแข็งในภาคเศรษฐกิจ แล้วก็เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตให้ได้ ทั้งนี้ ก็จะทำให้ประเทศไทยนั้นซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมมายาวนานนั้นแล้วเราก็ต้องพึ่งพาการส่งออก เป็นสำคัญในเรื่องของการรายได้ที่เข้ามาสู่รัฐนะครับ เพราะงั้นเราต้องแสวงประโยชน์จาก “ภูมิรัฐศาสตร์” ที่เรามีอยู่แล้วเดิมในการเชื่อมโยงในการจะสร้างผลประโยชน์ ร่วมกันของไทยและของมิตรประเทศ เข้ากับภูมิภาคหลายๆภูมิภาคด้วยกัน ทิศทางเดียวกัน เกื้อกูลซึ่งกันและกันนะครับ เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้วย เราก็ต้องหันมามองตัวเองก่อนว่าจะทำยังไงให้ถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องทำความเข้าใจนะครับ แล้วก็จัดระบบ ระเบียบ ต่างๆ ให้ได้ กฎหมาย พันธกรณี ขีดความสามารถของเราเอง เราก็มุ่งเน้นการลงทุนโดยเอกชนไทยก่อนนะครับ ต่างประเทศเราก็มาเสริมให้นะครับ แต่มันจำเป็นนะ ถ้าเราไม่เอาต่างประเทศมาเลยก็ไม่ได้ เพราะงั้นเราก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักอยู่แล้วนะครับ แล้วก็ประชาชนโดยรวม ในการแข่งขันในเรื่องด้านเศรษฐกิจนี้
วันนี้ถ้าจะเห็นสังเกตดูจะเห็นว่าทุกประเทศเขาปรับรูปแบบการทางด้านธุรกิจใหม่แล้ว เป็นเศรษฐกิจแนวใหม่นะครับ คือไม่พึ่งพากิจการที่มีรายได้อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวเช่นพึ่งการส่งออกอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ ต้องไปดูใน คลัสเตอร์ อื่นๆ ด้วย การท่องเที่ยว การลงทุนในเรื่องของการขนส่งขั้นพื้นฐานอะไรต่างๆ เราต้องเชื่อมโยงทั้งหมด มันจะทำให้ทุกคนเพิ่มการลงทุนมา เมื่อลงทุนมาก็มีภาษี มีผลประโยชน์ที่มันเป็นธุรกิจต่อเนื่อง มันต่อเนื่องเชื่อมโยงกันหมด น้เรามีศักยภาพหลายอย่างเป็นภูมิรัฐศาสตร์ตรงกลางเรามีเส้นทางการคมนาคมที่ถือว่าดีมากในอาเวียนในวันนี้นะครับตรงกลางแล้วเราพัฒนาไปสู่การทันสมัยอีกด้วย รถไฟ รถไฟฟ้าอะไรก็แล้วแต่นะครับ
นอกจากนั้น แล้วเรามีศักยภาพหลายอย่าง เรื่องผลิตผลทางการเกษตรเรื่องการรักษาพยาบาลเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการอุตสาหกรรมสิ่งทอนะครับ อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเรื่องเครื่องสำอางเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรนะครับ แล้วก็การบริการต่างๆ นะ เพราะงั้นเหล่านี้ มันต้องเอามาหาว่าจะทำกันยังไงให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด มีรายได้เข้าประเทศมาก มันจะได้ไปลด ในกรณีที่เศรษฐกิจโลก มันมีปัญหา นะครับ ทำให้รายได้เราตกต่ำ ถ้าพึ่งการส่งออกอย่างเดียว แล้วก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเกษตรกรรมด้วยนะ มีปัญหาหมด
เราได้ตั้งคณะทำงานแล้วนะครับ คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ก็ได้หารือนะครับร่วมกับภาคเอกชน กำหนดแนวทางการดำเนินงาน เป็นแผนปฏิบัติการ 6 ด้าน คือ
1) ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค เน้นการแสวงหาพันธมิตรและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสร้างความสอดคล้องในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศนะครับ
2) ก็คือด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่ผมกล่าวไปแล้วเมื่อสักครู่ เช่น ภาคการเกษตร ท่องเที่ยว การบิน การรักษาพยาบาล นำมาเชื่อมโยงกัน และผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกัน ในระดับท้องถิ่น – ประเทศ – ภูมิภาคให้มันเกื้อกูลต่อกันนะครับ
3) คือการพัฒนาเชิงศักยภาพ ประกอบด้วยการจัดทำศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Center) เพื่อจะให้มีการพัฒนาการเข้าถึงเทคโนโลยี อย่างทั่วถึง เพื่อส่งเสริมการนำไปใช้ประโยชน์ ในด้านการค้า-การลงทุน-อุตสาหกรรม การส่งเสริมประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอย และการวิจัยและพัฒนา ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐ-เอกชน-สถาบันการศึกษาเราอยากให้มีการจัดตั้ง “ศูนย์วิจัย” ซึ่งมีทั้งในส่วนของ สถาบันการศึกษา และในส่วนของ “ศูนย์ส่งเสริมการลงทุน” ภาคเอกชน ร่วมกับสถานศึกษาในปัจจุบันของรัฐอยู่แล้วในปัจจุบันนี้ด้วยนะครับมันจะได้ใช้เงินที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน แล้วก็สามารถที่จะบังคับวิถีได้ว่าเราจะเดินหน้าประเทศไปอย่างไร วิจัยเรื่องอะไร แล้วนำสู่การผลิตในเรื่องอะไร ให้ชัดเจนขึ้นนะครับ
4) คือในเรืองของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เราต้องปฏิรูปการศึกษาให้ผลิตคน ให้ตรงกับความต้องของตลาดแรงงาน รวมทั้ง การพัฒนาฝีมือแรงงาน ทั้งด้านทักษะวิชาชีพ รวมความถึง ด้านภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน หรือภาษาของประเทศที่มาลงทุนในบ้านเรานะครับมีหลายประเทศ หลายภาษาด้วยกัน เพื่อจะรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานในปีหน้านี้นะครับ ในการลงทุนของประชาคมอาเซียน ด้วยนะครับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้วางรากฐานการปฏิรูปด้านการศึกษาของประเทศไว้แล้วนะครับ ใช้คำว่า เน้นการ “สร้างคนดี มีคุณธรรม” คนดีนี่บางทีตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนนะจะดียังไงอีกเอาง่ายๆ มีคุณธรรมแล้วกัน รู้อะไรดีไม่ดี ถึงจะเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่รู้อะไรดี ไม่ดีก็คงไม่ใช่ ผมเลยให้เตอมคำว่ามีคุณธรรมเข้าไปด้วย ดีก็ทำ ไม่ดีก็อย่าทำ แล้วก็ห้ามคนอื่นเขา ไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดีด้วย
5) ก็คือการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ อาทิ มาตรการอำนวยความสะดวก – ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) วันนี้ก็ก้าวหน้าไปตามลำดับนะครับ ในทุกกิจกรรมการให้บริการภาครัฐ สำหรับประชาชนทั่วไป ก็ดูแลเจ้าหน้าที่เขาด้วยนะครับ เพราะว่าเหน็ดเหนื่อยเรื่อง เข้ามาวันๆ เป็นหลายร้อย หลายพันเรื่อง รวมๆ กันแล้วเป็นจะหลายอสนเรื่องแล้วตอนนี้นะ เพราะงั้นก็จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้ง การพัฒนากระบวนการทางศุลกากร อาทิ การขึ้นทะเบียนผู้เสียภาษี มีการเชื่อมโยงบัตรประชาชนกับข้อมูลการเสียภาษี
และก็ในเรื่องที่ 6) คือการจัดการข้อมูลภายใต้แผนปฏิบัติการ เพื่อบริหารจัดการข้อมูล ในการที่จะสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลภาครัฐ สร้างความรู้ – ความเข้าใจ ในลักษณะเชิงรุก เพื่อจะใช้ในการบูรณาการ และก็เพื่อสร้างความประสานสอดคล้องเกื้อกูลซึ่งกันและกันในทุกมิติที่กล่าวมาครับ
เราต้องยอมรับว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศเกษตรกรรม มีพี่น้องเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้การที่จะยกระดับประเทศจากประเทศเกษตรกรรมอย่างเดียว ให้พัฒนาไปเป็นประเทศ “อุตสาหกรรมการเกษตร” หรืออื่นๆ นั้น ทรัพยากร “น้ำ” นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะงั้นเราจำเป็นที่จะต้องสร้างความยั่งยืนความมั่นใจโดยการบริหารจัดการน้ำ ที่เหมาะสม ปัจจุบันคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ของรัฐบาล ระยะแรกเป็นของ คสช. นะครับวันนี้ได้ส่งแผนมาแล้ว และก็ปรับปรุงแผนดังกล่าวในการประชุมไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ก็ได้รับช่วงแผนยุทธศาสตร์มาจากของ คสช.นะครับ ที่เราทำไว้ ในเรื่องของ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2558-2569 ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (คสช.) นะครับ โดยให้กระทรวง หน่วยงานปกติของรัฐ ได้มีการบูรณาการ ขับเคลื่อน “แผนน้ำ” ทั้งหมด ทั้ง 6 เรื่อง และ 12 กิจกรรม อันที่จริงแล้วหน่วยงานเหล่านี้ก็ทำงานมากับ คสช. ด้วยตลอดอยู่แล้ว วันนี้เพีงแต่ปรับให้มันตรง ตรงเข้ามาในกรอบของรัฐบาลเท่านั้นเองนะครับ ก็ต่อเนื่องกันนั่นแหละไม่ได้ขัดแย้งอะไรกันเลย เราก็ต้องครอบคลุมทั้ง 6 เรื่องนะครับ น้ำทุกประเภท ทั้ง 12 กิจกรรม มากว่าเราจะไปมุ่งเน้นการป้องกันน้ำท่วมอย่างเดียวนะ หรือขาดน้ำอย่างเดียว มันต้องแก้ทั้ง ทุกกิจกรรมนั่นแหละ 6 ยุทธศาสตร์ด้วยกันนะ
เพราะงั้นเราจะประกอบด้วย ประปาหมู่บ้าน ให้ครบ ของชุมชน ของโรงเรียน การขุดสระน้ำในไร่นา การบริหารแหล่งน้ำในและนอกเขตชลประทาน การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การพัฒนาแห่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ช่วยภัยแล้ง การขุดลอกลำน้ำสายหลัก การป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง การฟื้นฟูผืนป่า รวมทั้ง การทำพื้นที่ป้องกันและลดการพังทลายนะครับ เหล่านนี้เป็นต้นนะครับ
ก็หลายเรื่องที่เราเอาปัญหาที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมามีน้ำท่วมนะครับ ช่วงแรกๆ ท่วมครั้งที่แล้วนะมหาศาล เสียหายมาก เราก็เอาอันนั้นมาแก้ไขหมดนะ เพียงแต่ต้องใช้เวลา ใช้งบประมาณเดินไปตามสเต็บ ตามขั้นตอนของเรา ตามโร้ดแมป ของเรานะครับ การดำเนินงานในระยะเร่งด่วนครั้งนี้ วันนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นมาโดยที่เราก็คาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเกิด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ เผอิญมันเป็นเรื่องของ เอลนินโย เข้ามาด้วยนะเพราะงั้นทุกประเทศเดือดร้อนหมดรอบบ้านเราเดือดร้อน เว้นเมียนม่าอย่างเดียวที่ฝนตกนะ เพราะป่าไม้เขายังดีอยู่มั้งนะ เพรางั้นเราต้องเตรียมการให้พร้อมรับมือปัญหาภัยแล้วให้ได้ นะครับ ในปีนี้ และในอนาคตนะครับ อันนี้เป็นงานเร่งด่วนนะเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้
สำหรับระยะปานกลางและระยะยาว ที่ถึงปี 69 นั่นก็ ได้จัดให้มีคณะ อนุกรรมการ ที่เหมาะสม ให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม – ติดตาม – ประเมินสถานการณ์น้ำ ในการที่กำหนดนโยบายในระดับชาติ ทั้งในด้าน “อุปสงค์และอุปทาน” ให้มีความสอดคล้องกันก็เป็นไปตามสถานการณ์ของภูมิอากาศโลกด้วยนะ ต้องการศึกษาความเป็นไปได้ พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอใหม่ๆ สำหรับการบริหารจัดการน้ำ ทั้งระบบ อย่างบูรณาการอาทิ
(1) การนำน้ำจากฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานครมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อแทนการใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา
(2) การตัดน้ำโดยตรงจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงไปที่คลองสำแล ที่จะสามารถช่วยลดน้ำที่จะผลักดันน้ำเค็มเพื่อรักษาระบบนิเวศน์
(3) การหาแหล่งน้ำต้นทุนมาเพิ่มให้การประปานครหลวง (
4) การกำหนดมาตรการ – ข้อพิจารณาในการใช้ “น้ำก้นอ่าง” (Dead Storage) ในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ที่มีรวมกันราว 7,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อมีความจำเป็น
(5) การเจรจา – ทำความตกลง ในการขอผันน้ำ จากแม่น้ำสาละวิน – เมย – โขง ในฤดูน้ำหลาก มาใช้ประโยชน์สูงสุดภายในประเทศ ด้วยนะครับ
รัฐบาลต้องการสร้างความเข้มแข็ง ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ในทุกกลุ่มที่ยังประสบปัญหาปากท้องโดยรัฐบาลนี้ ได้เดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งจะเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ของกองทุนฯ ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เป็นวันแรก เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ช่วงอายุ 15 – 60 ปี ราว 30 ล้านคนนะครับ ซึ่งประกอบอาชีพอิสระ ไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ หรือกองทุนเอกชนที่มีนายจ้างจ่ายสมทบ เช่น เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป คนขับรถแท็กซี่ แม่บ้าน สถาปนิก แพทย์ ทนายความ ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างชั่วคราว นักการเมือง (ส.ส.) นักการเมืองท้องถิ่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น รวมทั้ง ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณ แต่ยังไม่มีระบบใดๆ รองรับด้วยนะครับ
โดยหวังสร้าง "นิสัยการออม" ทุกช่วงวัย ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล โดยรัฐจะช่วยจ่าย “เงินสมทบ” ให้ส่วนหนึ่ง และเมื่อผู้ออมมีอายุครบ 60 ปี ก็จะได้รับเงินบำนาญเป็น “รายเดือนตลอดชีพ” ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิต ในยามที่ไม่มีรายได้ประจำ นับเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามสอบถามข้อมูล “เงินสะสม – เงินสมทบจากภาครัฐ – อัตราผลตอบแทนต่างๆ” และสมัครเข้าร่วมกองทุนฯ ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศครับ
ผมได้รับรายงานความคืบหน้า ในการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการคลัง และในส่วน คสช. ในส่งนของกระทรวลกลาโหมก็มาช่วยกันนะครับ ผนึกกำลังกันทำอยู่ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง
จากการสำรวจภาระหนี้สินของเกษตรกร ทั้งหนี้ใน – นอกระบบ มีเกษตรกรที่เป็นหนี้ทั้งหมดนะครับ ณ 10 กรกฎาคม 58 จำนวนประมาณ 1.6 ล้านราย มูลหนี้ ราว 4 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละสองแสนสี่หมื่นบาท จากนั้น ก็จะดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ในรูปแบบการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ ทั้งในด้านกฎหมาย การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ และการปลดเปลื้องหนี้สิน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกษตรกรต้องสูญเสียสิทธิ หรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง อาทิเช่น
1) ศูนย์ประสานการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นะครับ จะเป็นหน่วยงานหลัก ในการบูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ทุกประเภท
2) กลุ่มลูกหนี้นอกระบบที่จำเป็นเร่งด่วนได้ ให้ “ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม” กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการโดยกรมบังคับคดี กับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งเป็นหนี้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หรือเจ้าหนี้ผู้มีอิทธิพล หรือเครือข่าย เพื่อจะให้การช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เสร็จแล้ว จัดส่งให้แก่กระทรวงเกษตรเพื่อปลดเปลื้องหนี้สินต่อไป
3) กลุ่มลูกหนี้นอกระบบที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน ก็ได้ให้ กองทุนหมุนเวียน กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบดำเนินการ แล้วก็จะให้การช่วยเหลือไกล่เกลี่ย, ประนอมหนี้, ปลดเปลื้องหนี้สินต่อไป
และก็ 4) คือกลุ่มลูกหนี้ในระบบ ให้กระทรวงการคลัง ได้กำหนดมาตรการให้แก่สถาบันการเงินและสหกรณ์ ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ดังกล่าวครับ
ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้โดยเร็ว กลไกหลักที่สำคัญในพื้นที่ คือ คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (อชก.) ส่วนจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด จะดำเนินการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ในแต่ละพื้นที่ ตามจำนวนที่สำรวจไว้แล้ว และคัดกรองหนี้สินดังกล่าว ส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการต่อไปนะครับ รวมทั้ง ให้จัดทำแผนปฏิบัติการเจรจาหนี้ให้ครบทุกราย ภายใน 31 สิงหาคม 58 ตามลําดับความจำเป็น เร่งด่วนของหนี้นะครับ ให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้นะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ไม่ใช้หนี้ ก็จะให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดงาน "เมืองสุขภาพดี วิถีชุมชน" ซึ่งก็มีประชาชน ทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ดูแลสุขภาพตนเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ เกาหลี จีน กัมพูชา ปัจจุบันมียอดขายและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากน้ำมันเปลือกส้มโอและมะกรูด เครื่องดื่มสมุนไพร และเครื่องสำอาง วันนี้มีผู้มาเที่ยวงาน มากกว่า 95,000 คนแล้วนะครับ และมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพกว่า 22 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในร้านนวดและสปา มีบริการนวดแผนโบราณด้วยนะครับ กดจุด ตอกเส้น ตรวจวัดอีคิว ตรวจคัดกรองอัลไซเมอร์ ตรวจวัดไขมันในร่างกาย เรียกว่า “ครบวงจร” เลยนะครับ ที่นี่ข้างทำเนียบนี่แหละนะ
เดือนหน้า ตั้งแต่ 3 ถึง 23 สิงหาคม 2558 นั้นก็จะมีการจัดตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ในเรื่องของการจัดงาน "อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ของขวัญแด่แม่" นะครับ ให้ตรงกับเดือนสิงกาคมโดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีการ เชื่อมโยงกิจกรรมร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และกรุงเทพมหานคร เพื่อจะจัดงานร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องใน “วันแม่แห่งชาติ” และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้า ที่เป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาของไทยในอดีต จนถึงปัจจุบันที่เราได้มีผลงานสร้างสรรค์มาเป็นจำนวนมาก มีนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่รู้นะ บางอย่าเราคิดมาแล้วเพียงแต่ว่าเราต้องทำให้ไปสู่การผลิตให้ได้ การส่งออกให้ได้ สร้างแบรนด์ของเราเองบ้างอะไรบ้างนะครับมันก็จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้มากขึ้นนะ เป็นการพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมในวันนี้ แล้วก็อนาคตในวันหน้านะครับ ไม่งั้นก็เหมือนเดิมนะ เศรษฐกิจก็ตกๆๆ อยู่อย่างนี้ ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่ๆนะ เราจะต้องยกระดับกระบวนการคิด วิจัย พัฒนาไปสู่กระบวนการผลิต และไปสู่ตลาด ในลักษณะเป็นอุตสาหกรรมนะครับ โดยคงคุณค่า คุณภาพที่ดี แล้วก็เป็นความพึงพอใจถูกใจผู้บริโภค ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่อไปในนะครับ หลายอย่างมีอนาคตนะครับ
เพราะงั้นผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีนะในห้วงวันสำคัญนี้นะครับ วันแม่ของแผ่นดินนี่ อยากให้บรรดาคุณลูกนะ ที่มีความกตัญญูในการ ในการสรรหาของขวัญให้คุณแม่นี่ก็ขอให้มาร่วมรับชมจักหาสิ่งของเหล่านั้นได้นะครับ แล้วมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินี นาถด้วย นิทรรศการงานศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อาทิ เช่นผลิตภัณฑ์งานเป่าแก้ว ผลิตภัณฑ์ตุ๊กตาชาววัง ผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผา ผลิตภัณฑ์งานวาดภาพสีน้ำมัน และนิทรรศการของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ขาดไม่ได้ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล คือ ให้เป็นกิจกรรมการที่ให้คำปรึกษา แนะนำ ในการที่จะพัฒนาธุรกิจ การบริหารจัดการธุรกิจมีความรู้ต่างๆให้นะครับ สร้างเถ้าแก่ใหม่นะ ในการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์การดีไซน์ผลิตภัณฑ์นะครับให้น่าซื้อน่าใช้นะ แล้วในเรื่องของการยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้วย ทุกงานนะเวลารัฐบาลจัดนี่ทุกกระทรวงก็ให้เป็นเรื่องของการจัดงานแสดงด้วยให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจด้วย แล้วก็ในส่วนของรัฐ หรือของพาณิชย์ต่างๆ ก็มาให้การสนับสนุนนะครับ ธนาคารต่างๆ ให้การสนับสนุนแหล่งเงินทุน ส่งเสริมธุรกิจ SMEs หรือธุรกิจ Social Business นะครับ แล้วก็สอนในเรื่องการทำแผนธุรกิจ ซึ่งก็ต้องเป็นลักษณะที่เป็นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แล้วมีภูมิคุ้มกันที่ดีด้วยนะครับไม่งั้นเราก็จะบริหารธุรกิจแบบเดิมๆ แบบครอบครัว ซึ่งวันนี้ไม่ได้แล้ว มันต้องมี Good Governance นะครับ การกำกับดูแลกิจการที่ดีด้วย เราจะมีการให้บริการภายในงานด้วยนะครับ ก็ขอเชิญทุกท่านมาร่วมงานนะครับ ทั้งพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการข้าราชการ ช่วยมาร่วมกิจกรรมในงานนี้ด้วยนะครับแล้วก็ไปขยายผลความสำเร็จ ถ้าเราไม่เพิ่มพูนเรียนรู้ ความรู้ใหม่ๆ มันก็จะอยู่แค่เดิม ข้าราชการก็รู้เท่าเดิม
แต่วันนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งที่เป็นเรื่องใหม่ๆนะครับ ความทันสมัย เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การเกษตร อุตสาหกรรมอะไรก็แล้วแต่ มันต้องใช้ความรู้ใหม่ๆ นะครับ เพราะงั้นผมก็ศึกษาด้วยอะไรด้วย ถามผู้รู้บ้างนะ ไม่ใช่คิดเอาแต่ตัวเอง ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ก็ต้องศึกษา ถ้าอะไรทำได้ก็ทำ ถ้ามีปัญหา สั่งไปแล้วไม่ถูก ผมก็ไม่ได้ไปฝืนให้ทำอยู่แล้วล่ะนะ ทุกอย่างที่สั่งไปแล้วนี่ผมต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากทุกคนใน ครม. นะครับ ผมบอกแล้วว่าผมริเริ่มให้ได้ แต่ถ้ามันผิดท่านก็อย่าปล่อยให้ผมทำผิดซิ นะเป็นเรื่องของท่านนะ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติต้องยืนยันว่าทำได้หรือไม่ได้ อย่างเช่นปัญหาในเรื่องของพลังงาน ในเรื่องของโรงไฟฟ้าอะไรเหล่านี้ผมว่าก็ต้องทำให้มันชัดเจนได้ข้อยุติ นะว่าจะยังไงกันต่อไป ผมไม่ได้หมายความว่าผมไปดันทุรังต้องทำให้ได้หรือไม่ได้ไม่ใช่ ผมยังไม่ได้พูดถึงเลย อย่าไปตีความกันผิดๆ ถูกๆ นะ ก็เพียงแต่รับฟัง นะแล้วก็หาทางออกกันให้ได้แล้วกันนะ เพื่อประโยชน์ของชาติในอนาคตนะครับ ถ้าไม่ได้จะไปทำที่ไหน ทำอะไรแทนก็ต้องตอบกันมาให้ชัดเจนทั้งสองฝ่ายนะครับ แล้วก็มีบุคคลที่ 3 มาด้วย เราจะไม่ปิดกั้นใครทั้งสิ้นนะครับ ก็เข้ามาเถิดนะ ก็ฝากข้าราชการในพื้นที่ด้วยนะครับ
เรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของการเร่งในเรื่องของการปฏิรูปการศึกษาก็ได้สั่งการไปแล้วในเรื่องเชิงโครงสร้างในระยะแรกว่าทำยังไง เด็กจะมีความสุข ผู้ปกครองมีความสุข แล้วก็ครูมีความสุขนะ หนี้สินครูก็ดูอยู่ด้วยนะคับวันนี้กระทรวงศึกษาก็ไปปรับในเรื่องของการใช้จ่าย หนี้ กยส. ด้วย หนี้ครูด้วย การกู้เงินต่างๆก็ทำกันทั้งหมดนะ
เรื่องเศรษฐกิจมันพอดีมากับภัยแล้งเข้ามาอีกนะ ก็เหมือนกับโรคซ้ำ กรรมซัด หรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ธรรมดา ถ้าเราเผชิญหน้าแบบนี้บ่อยๆ เราจะเข้มแข็งเองนะ ปัญหาว่าเราเตรียมตัว เตรียมใจเราได้แค่ไหน แล้วเราทนได้แค่ไหน เพราะเราไม่เคยยังไง พอมีปัญหาปุ๊บก็ไป อุดๆ กันไป วันนี้มันต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ถ้าแก้แบบเดิมก็เป็นแบบเก่า แล้วเงินทองเราก็ใช้จ่ายล่วงหน้าไปซะมากมาย วันนี้ก็ต้องอดทนนะ เข้าใจด้วยผมไม่เคยคิดอะไรโดยไม่นึกถึงคนรายได้น้อยเลย ทุกเรื่อง เราจำเป็นต้องส่งเสริมทุกอันแหละ จะเป็นธุรกิจต่อเนื่อง มีงานมีการเพิ่มมีรายได้ไปถึงคนรับจ้างอะไรก็ว่าไป ถ้าไม่มาช่วยกันตรงนี้ อย่างเดียวมันไปไม่ได้ เอาเงินไปให้ ไปใช้จ่าย แล้วก็หมดเหมือนเดิม นะให้ตามความจำเป็น ตามความเดือดร้อน
ในเรื่องของภัยแล้งนะครับ ก็มีปัญหากันอยู่พอสมควรถึงแม้จะมีฝนตกอยู่บ้างก็คือน้ำไหลลงอ่างก็มากขึ้น แต่ก็เปรียบเทียบกับที่เราจ่ายในเรื่องของการจ่ายน้ำ มันก็ยังใกล้ๆกัน เพราะว่าน้ำเหล่านี้ไม่ใช่จากท่อไปตรงโน้นตรงนี้ได้ มันมาด้วยสายระบบส่งน้ำทางเปิดนะ เพราะงั้นต้องแก้กันด้วยระบบส่งน้ำกันคราวหน้าอีก แต่วันนี้ก็อยากจะบอกทุกกระทรวงทบวงกรมว่าถ้ามีงบประมาณเหลือ งบประมาณเรื่องของการจ้างงาน ก็ลองไปขุดเพิ่มเติมดูซิว่าตรงไหนพร้อมจะขุดเก็บกักน้ำไว้ได้ ก็ขุดซะตอนนี้ ผมเป็นห่วงนะ ถ้าเกิดระยะต่อไป ถ้าฝนแล้งอีก หรือทิ้งช่วงอีก ทำยังไง ก็มีผลกระทบกับการปลูกพืชในครอปสอง อีกนั้นแหละ มันก็จะเกิดผลกระทบแบบครอป 1 เพราะงั้น ฝากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร หรือกระทรวงที่เกี่ยวข้องนะครับไปดูด้วยว่าเราจะทำยังไงกับครอปสอง ต่อไปนี่ แก้ปัญหายังไงนะ ในเรื่องของการจ้างงานก็สั่งไปแล้วนะ เมื่อวานเข้า ครม. ไปแล้ว อนุมัติเงินทองไปแล้ว ก็เดี๋ยวเขาจะไปจ้างงานในพื้นที่ให้ได้ ในพื้นที่ที่เดือดร้อนนะ ไม่เดือดร้อนก็คงไม่ได้นะ เพราะไปสร้างให้เกิดงานเกิดขึ้นนะครับ แต่ก็ให้ไปทุกจังหวัดนั่นแหละ มากน้อยตามความจำเป็น
อันที่สองก็คือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืช กระทรวงเกษตรก็รับไป อันแรกนั่นมหาดไทย
อันที่สามก็คือการเตรียมการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการเพาะปลูกพืช กำลังสำรวจอยู่นะ เราจะไม่ใช้ว่าตีคลุมไปหมด มันไม่ได้ เพราะงั้นใครเสียหายก็เดี๋ยวว่ากัน ใครไม่เสียหายก็ต้องสู่ไปนะ สู้ไปนะครับ เราต้องเตรียมการในครอปหน้าให้ได้ด้วยนะ
เรื่องต่อไปเรื่องการขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อแม่” นะครับ Bike for Mom ก็ขอบคุณนะครับ ของคุณ ทุกคนคงเตรียมร่างกายไว้ให้พร้อมนะแล้วก็ระมัดระวังนะครับช่วงนี้ฝนตกการฝึกซ้อมอะไรต่างๆ ก็ระวังนะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้ร่วมกิจกรรมวันจริง เพราะป่วย ไม่ได้ ต้องระมัดระวังนะ อย่าให้ล้มนะ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มกุฎราชกุมาร ท่านทรงเป็นห่วงกังวลเรื่องนี้นะครับ ให้เกิดความปลอดภัย และให้เกิดความสุขในวันที่ 16 นะครับ ในวันที่ 2 ก็จะมีการซ้อม ผมก็ต้องไปตรวจความเรียบร้อย นะในเส้นทางในจุดต่างๆ ก็พยายามจะให้มีผลกระทบเรื่องการจราจรให้น้อย ที่สุดแล้วกันนะครับ ผมก็จะเร่งเวลาให้เร็วขึ้นนะ ก็เป็นการภายในนะครับ อย่าถือว่าเป็นกิจกรรมหลักเลย กิจกรรมหลัก อยู่วันที่ 16 โน่นนะครับ ถวายพระเกียรติท่านไปนะครับ วันที่ 16
เรื่องสุดท้ายเรื่องการท่องเที่ยวนะครับวันหยุดราชการนี่ วันนี้ก็หยุดหลายวัน 4 วันนะ 4วัน ผมก็ห่วงเรื่องเหมือนเดิมอุบัติเหตุ ขี่รถ ขับรถ ดื่มสุรา อะไรทำนองนี้นะ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ ผมฝากไว้คำหนึ่งแล้วกัน ในปีนี้นะ ถ้าหากว่าคนที่ชอบกินเหล้า แล้วขับรถ ขับรถเร็วนะ ถ้าท่านไม่รักชีวิตท่านเอง ท่านก็นึกถึงคนอื่นเขาบ้างนะ ให้รู้ว่าคนอื่นเขารักชีวิตเอยู่นะ เพราะงั้นท่านไม่รักของท่านก็ไม่เป็นไรหรอก แต่คนอื่นเขารักชีวิตเขา อย่าทำให้เขายาดเจ็บสูญเสีย เป็นความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัวเขา นะตัวท่านเองผมไม่รู้จะว่ายังไงนะ ห้ามไปห้ามมาก็หลายครับแล้วก็ไม่ดีขึ้นเท่าไรนะ ท่านไม่รักตัวท่านเองก็ไม่เป็นไรหรอกนะ อย่าทำความเสียหายกับชาติบ้านเมือง ให้กับคนอื่นๆ เขาเท่านั้นเองนะครับ ให้รู้ว่าชีวิตนั้นมีค่าแค่ไหน อย่างไรนะครับ
ขอบคุณนะครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดราชการหลายวันขอให้ปลอดภัยนะครับ และขอให้ฝนตกเยอะๆ น้ำลงเขื่อนเยอะๆ นะ พืชไร่พืชสวนต่างๆ ประมงน้ำจืดอะไรก็แล้วแต่ก็ขอให้ได้ผ่านพ้นภัยดังกล่าวเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วนะครับ
ขอบคุณนะครับ ด้วยความเป็นห่วง สวัสดีครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี