คสช.ย้ำต้องสร้างสรรค์
เบรกเสื้อแดง
ขออนุญาตก่อนแถลงข่าว
เผยประเด็นสุเทพเปิดเกม
อยู่ในความสงบเรียบร้อย
“มาร์ค”ชี้ปฎิรูปต้องใช้เวลา
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เกี่ยวกับกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) แถลงข่าวเปิดตัว มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ทำให้มีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวตามมามากมายว่า การจะจัดกิจกรรมใดๆ ต้องระมัดระวังไม่พูดในลักษณะสร้างเงื่อนไข ดังนั้นจึงมีการกำหนดหลักการว่าจะทำกิจกรรมอะไรต้องขอนุญาต คสช.ก่อน หากพิจารณาแล้วไม่เป็นการแสดงออกที่ขัดกับความสงบก็สามารถดำเนินการได้เหมือนที่ผ่านมา แต่จะมีเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์
ไม่ขัดขวางหากสร้างสรรค์
“กรณีของ นายสุเทพ นั้นมีการขออนุญาตมาก่อนแล้ว แต่ในหลายกรณีก็มีการแสดงออกโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ถ้าเป็นการแสดงออกที่สร้างสรรค์ คสช.ก็จะไม่ดำเนินการอะไร แต่ถ้าขัดกับหลักการรักษาความสงบก็อาจจะมีการสื่อสารกับบุคคลนั้นๆ และกรณีของนายสุเทพ ก็เป็นการแสดงออกในทัศนคติเดิม อยากให้มองที่เนื้อหาไม่ใช่กังวลที่ตัวบุคคล หากใครเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดกับแนวทางของ คสช.ก็สามารถร้องเข้ามาได้” โฆษก คสช. กล่าว
ชี้อยากจัดอะไรก็เสนอมา
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ระบุว่าในสัปดาห์หน้าจะชวนแกนนำ นปช. เปิดแถลงข่าวเรื่องสถานการณ์นกกรงหัวจุกในประเทศไทยบ้าง พ.อ.วินธัย กล่าวว่าถ้าจะจัดกิจกรรมก็ให้ขออนุญาตเข้ามา ทาง คสช. จะพิจารณาดูในรายละเอียดต่อไป
เอกนัฏชี้ปฏิรูปฯไม่ใช่เลื่อนลต.
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฎิรูปประเทศไทย กล่าวถึงการปฎิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า เราได้พูดอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการรัฐประหารว่าต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งไม่ใช่เลื่อนการเลือกตั้ง เราหมายถึงให้รีบทำให้เสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง แต่หลายคนนำเอาไปบิดเบือนและพยายามชี้ไปในทางที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ว่ามูลนิธิฯ พยายามชี้นำให้ คสช. ไปปรับโรดแมปหรือเลื่อนกำหนดการเลือกตั้ง ทั้งที่เราไม่ได้เรียกร้องและมันก็ไม่ได้เกี่ยวกัน เราแค่อยากเชิญชวนประชาชนให้มีส่วนรวมกับการปฏิรูปเท่านั้นเอง
ย้ำ พึ่งนักการเมืองปฎิรูปไม่ได้
“ถ้าเราไปหวังพึ่งนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวในอดีตมาทำการปฏิรูป ก็จะประสบกับปัญหาเดิมๆที่เป็นอุปสรรค เพราะว่าเขาไม่จริงใจ อย่างเช่นในอดีต จะปฏิรูปเรื่องทุจริตคอรัปชั่นกลับไปออกกฎหมายล้างผิดให้กับตัวเอง จะปฏิรูปเรื่องการกระจายอำนาจให้กับประชาชนกลับพยายามที่จะกอดอำนาจไว้กับตัวเอง จะปฏิรูปโครงสร้างตำรวจกลับใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการที่จะกดขี่ข่มเหงประชาชนฝั่งตรงข้ามที่เห็นต่าง จะปฏิรูประบบการเลือกตั้งการเมืองให้สุจริตก็กลับไปซื้อพรรค ซื้อส.ส.เข้าพรรค ซื้อสิทธิ์ขายเสียงเพื่อที่จะได้มาซึ่งอำนาจ จะปฏิรูปเรื่องความเหลื่อมล้ำกลับไปใช้นโยบายประชานิยมมอมเมาประชาชนให้เสพติดและทำเศรษฐกิจพังพินาศสร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง” นายเอกณัฏ กล่าว
ลั่นเวลานี้เหมาะสมแล้ว
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ถ้าทำในสภาวะปกติเหมือนในอดีตที่ผ่านมา หวังพึ่งรัฐบาลในอดีตให้ทำเรื่องเหล่านี้มันก็เกิดขึ้นยาก จึงอยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในสภาวะพิเศษแบบนี้ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการกับการผลักดันเรื่องเหล่านี้ หลังจากนี้พอทำเสร็จมันก็เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งและก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ปฎิรูปเป็นสัญญาประชาคม
นายถาวร เสนเนียม รองประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยกล่าวตอบโต้ กรณีพรรคเพื่อไทย ออกมาโจมตีข้อเสนอให้ปฏิรูปให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ของมูลนิธิฯ จะกระทบกับโรดเเม็ปที่รัฐบาลวางไว้ว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผล ข้อเสนอนี้เป็นสัญญาประชาคมที่เคยประกาศไว้โดยไม่ใช่ข้อบังคับที่ใครต้องปฏิบัติตาม เเล้วบรรดาคนที่มีความคิดเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือใครต่อใครที่ออกมาพูด ให้หยุดออกมาให้ร้ายได้เเล้ว และจากนี้จะติดตามเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดว่า สมาชิก สปช.จะมีมติต่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่อย่างไร แต่จะมองห่างๆไม่ไปกดดันหรือให้ความคิดเห็นใด
รับได้“นายกฯคนนอก”นายถาวร กล่าวว่า ในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ มีสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ( สปช.)บางส่วนออกมาวิจารณ์ว่า การที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้ นายกรัฐมนตรี มาจากคนนอกได้นั้น ก็เป็นปกติที่มีความเห็นต่าง ไม่โต้เเย้งเรื่องนี้ แต่เห็นว่าการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้นายกฯ คนนอก ต้องมาจากเสียง 2 ใน 3 ของสภาผู้เเทนราษฎรนั้นไม่ได้มาง่ายๆ คนที่ผ่านเสียงโหวตคนนั้นต้องไม่ธรรมดาจริงๆ คือได้รับการยอมรับอย่างมากเราจึงไม่ติดใจที่มานายกฯ เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นว่า นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาโกงก็มี สั่งฆ่าประชาชนก็มีทุจริตจำนำข้าวก็มี
ส่วนนักการเมืองที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็มี ทั้ง พล.อ.เปรมติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ เป็นต้น
เดินหน้าตั้งคณะทำงานชมรมสปช.
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร สปช. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวถึงการจัดตั้งคณะทำงานชมรมสปช.ว่า ขณะนี้ตนทำหน้าที่เป็นประธานชมรม โดยมี นายวันชัย สอนศิริ, นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสปช. ร่วมเป็นคณะทำงานชั่วคราว โดยหลังจากที่ สปช.ลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว จะมีการประชุมใหญ่ครั้งแรกเพื่อเลือกประธานและคณะกรรมการชมรมอย่างเป็นทางการ ไม่เกิน 15 คน ทั้งนี้ มีการประชุมเพื่อจัดทำร่างข้อบังคับเสร็จสิ้นแล้ว และจะรายงานให้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. รับทราบในวันที่ 6 สิงหาคม ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะนำมาทำกิจกรรมนั้น ไม่สามารถนำเงินงบประมาณของแผ่นดินมาใช้ได้ เพราะสปช.จะหมดวาระหลังโหวตร่างรัฐธรรมนูญ แต่เราจะเสนอให้ทุกคนร่วมกันจ่ายค่าสมาชิกชมรม เพื่อนำเงินมาทำกิจกรรม
สุจิตเผยร่างรธน.ใกล้สมบูรณ์
นายสุจิต บุญบงการ รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 3 กล่าวถึงความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้เนื้อหาสาระส่วนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียง 1-2 ประเด็นเท่านั้น ที่อาจจะต้องตัดสินใจให้เสร็จภายในวันที่ 14 สิงหาคม ส่วนบันทึกเจตนารมณ์รายมาตรานั้นเข้าใจว่าจะสามารถดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยครบทุกมาตราภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ดังนั้น ยืนยันว่า กมธ.ยกร่างฯ สามารถยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จทันตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้ได้แน่นอน ส่วนตัวรู้สึกพอใจกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้จะไม่ตรงกับใจทั้งหมดแต่ก็ถือว่ารับได้ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นแนวความคิดที่เราได้รับข้อเสนอมาจากหลายฝ่าย อาทิ สปช. สนช. ครม. พรรคการเมือง และประชาชน ที่ได้ช่วยกันเสนอเข้ามา
เตรียมหารือแนวทางชี้แจง9กลุ่ม
นายสุจิต กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม ที่กมธ.ยกร่างฯ เตรียมเชิญผู้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 9 กลุ่ม มารับฟังหลักการและเหตุผลที่กมธ.ยกร่างฯได้ปรับแก้ไขนั้น เข้าใจว่าการประชุมกมธ.ยกร่างฯครั้งต่อไปตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคมเป็นต้นไป ทางกมธ.ยกร่างฯก็คงจะมีการหารือและวางแผนงานว่าจะกำหนดให้ผู้ใดเป็นผู้ทำหน้าที่ชี้แจงและชี้แจงในประเด็นใดบ้าง ซึ่งขั้นตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจเพราะประเด็นต่างๆ ก็ตกผลึกพอสมควรแล้ว อีกทั้งการนัดหมายครั้งนี้ก็ไม่ใช่เป็นการอภิปรายโต้เถียงกัน แต่เป็นเพียงการชี้แจงเพื่อให้สปช.และครม.ได้เข้าใจหลักการและเจตนารมณ์ของกมธ.ยกร่างฯ ในการปรับหรือไม่ปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ปัดตอบข้อเสนอปฏิรูปก่อนลต.
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีข้อเสนอให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนจัดการเลือกตั้ง มองว่าจะกระทบต่อกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสุจิต กล่าวว่า ประเด็นนี้ได้มีการพูดกันอย่างไม่เป็นทางการมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เห็นสิ่งใดที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นตนจึงไม่อยากแสดงความเห็นใดๆ เนื่องจากคงต้องรอให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวได้แสดงทัศนะให้ชัดเจนเสียก่อน
เสียดายหั่น15มาตราใส่กม.ลูก
นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ สมาชิก สปช. ด้านบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวกรณีที่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมเชิญผู้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 9 กลุ่มมารับฟังเหตุผลในการปรับแก้ไข ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มของตนยังไม่ได้กำหนดว่าจะให้ใครเป็นผู้ไปรับฟังเหตุผลของกมธ.ยกร่างฯในครั้งนี้ แต่หากในวันดังกล่าวตนไม่ติดภารกิจใดเข้าใจว่าคงจะไปฟังเหตุผลต่างๆ ด้วยตนเอง ทั้งนี้ เท่าที่ได้รับทราบเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญบางส่วนตามสื่อมวลชนเห็นว่าทางกมธ.ยกร่างฯได้พยายามแก้ไขตามข้อเสนอของทุกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่น่าเสียดายที่ในหมวดการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองเนื้อหาสาระสำคัญกว่า 15 มาตรา ถูกตัดทิ้งออกไปจากร่างรัฐธรรมนูญแต่นำไปใส่ไว้ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศแทน คงเหลือไว้เพียงหลักการกว้างๆแค่ 4 มาตราเท่านั้น จึงทำให้รัฐธรรมนูญขาดเอกลักษณ์ของการเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปไปบ้างเล็กน้อย
แนะทุกฝ่ายเดินหน้าทำภารกิจ
นายธีรยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้คือหน่วยงานแต่ละส่วนต้องดำเนินการและจัดทำภารกิจตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้วางแนวทางไว้ โดย สปช.ต้องรีบดำเนินการในเรื่องของการศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะ เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จโดยเร็วเนื่องจากเวลานี้ภารกิจของสปช.ใกล้จะจบแล้ว ส่วนกมธ.ยกร่างฯ ก็ต้องทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญให้ออกมาดีที่สุด ขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องดูแลเรื่องการออกกฎหมายให้เร็วและดีที่สุดเช่นกัน ส่วนอนาคตหลังจากนี้ไปเกี่ยวกับการวางแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูป เพื่อการรองรับการเลือกตั้งและรัฐบาลใหม่นั้นทางรัฐบาลและ คสช.ต้องคิดให้รอบคอบเพื่อให้มีหลักประกันว่าอนาคตของประเทศจะออกมาในทางที่ดี
มาร์คย้ำปฎิรูปให้เรียบร้อย
เย็นวันเดียวกัน ที่สนามฟุตบอล Super Kick ซอยลาดพร้าว 80 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวสปช. บางส่วน จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อขยายเวลาการปฏิรูปว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าสังคมอยากจะเห็นการปฏิรูปที่มีความจำเป็นต้องสำเร็จก่อนการเลือกตั้งมากกว่า ตนเข้าใจว่าการปฏิรูปในทุกด้านไม่สามารถทำสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการปฏิรูปจะสำเร็จในทุกเรื่องนั้นต้องอาศัยการทำงานที่ต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสังคมรับรู้ ส่งเสริม และกดดันให้นักการเมืองที่จะเข้ามานั้นสานต่อการปฏิรูปหลังจากการคืนอำนาจให้ประชาชนนั้นต้องทำให้สำเร็จ เพียงแต่งานปฏิรูปที่ทำให้การเลือกตั้งมีความสุจริตยุติธรรมได้นักการเมืองที่มีคุณภาพเข้ามาบริหารประเทศนั้น ตรงนี้ตนคิดว่าควรทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเองก็ทราบอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จก่อนการคืนอำนาจ
"การปฏิรูปนั้นพูดกันไปลอยๆ ถ้าหากคิดกันไปคนละจุดก็จะทำให้เกิดความสับสันและเรื่องเหล่านี้ก็จะกลายเป็นคำพูดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีกันและนำไปสร้างความขัดแย้งได้ ดังนั้นตนขอย้ำว่าว่าต้องจัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูปให้เป็นรูปธรรม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นสนับสนุนการปฏิรูปแต่ยังไม่เห็นชัดว่ามันคืออะไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความเห็นเรื่องรัฐบาลแห่งชาติว่าจะเกิดขึ้นได้ไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตอนนี้ก็มีรัฐบาลอยู่แล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ก็ดูแลภาพรวมของบ้านเมืองอยู่ ก็ย้ำเสมอว่าให้ยึดตามโรดแมป ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ใครมีข้อเสนอก็สามารถเสนอต่อสังคมได้อย่างสร้างสรรค์และไม่สร้างความขัดแย้ง ก็ควรจะให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี