‘สิระ’ปูดล็อบบีฝุ่นตลบ
คว่ำร่างรธน.
แลกเก้าอี้สภาขับเคลื่อน
หวังต่อท่อสืบทอดอำนาจ
ชี้กว่า100คนเซ็นชื่อแล้ว
บิ๊กตู่แจงปฏิรูปเท่าที่ทำได้
สสส.-TPBSเฮ!ใช้งบเดิม
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกระแสข่าวที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บางส่วนจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เชื่อว่าสมาชิก สปช.จะใช้ดุลพินิจเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและเชื่อว่า จะไม่มีการคว่ำร่างตามกระแสข่าวอย่างแน่นอนเพราะการปรับแก้ตามคำขอ กมธ.ยกร่างฯได้ดำเนินการอย่างดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก
‘เลิศรัตน์’ชี้คนหน้าเดิมยุคว่ำร่าง
ทั้งนี้ กระแสข่าวดังกล่าวสื่อมวลชนคิดไปเองและการถามสมาชิกบางส่วน ซึ่งเป็นคนเดิม เป็นเพียงความเห็นเท่านั้น จึงขอให้สื่อทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ซึ่งไม่มีใครที่จะเห็นด้วยทุกมาตรา เพราะตนยังไม่เห็นด้วยในหลายมาตรา ถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีคนนอก มีความคิดเห็นของสมาชิกแต่ละคนที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกมาตราที่บัญญัติไว้มีเหตุผลที่ชัดเจนและมีประโยชน์
สปช.เตือนต้องตัดสินด้วยตัวเอง
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุม นายฐิติ วุฑฒิโกวิทย์ สปช.หนองคาย ได้หารือว่า ขณะนี้มีการวิจารณ์เรื่องสปช.จะผ่านหรือไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ จึงขอเตือนสติสมาชิกทุกคนว่า สมาชิก สปช.ทุกคนมีความเป็นอิสระมีสิทธิเสรีภาพในการออกความเห็นด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเชื่อใครและไม่มีใครมาชี้นำได้ ขอให้สมาชิก สปช.ทุกคนคิดด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นที่ให้ไปทำแท้งแล้วมาคลอดใหม่ จะเสียเวลายาว
สปช.มุกดาหารแจงไม่มีล็อบบี้
ส่วน พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ สปช.มุกดาหาร กล่าวว่า กรณีมีสมาชิก สปช.บางคนให้ข่าวว่า มีนักการเมืองไปล็อบบี้ สปช.สายจังหวัดหลายคนให้ช่วยโหวตผ่านร่างรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามติ จะได้มีการเลือกตั้งโดยเร็วนั้น ขอยืนยันว่า ที่ จ.มุกดาหาร ไม่มีนักการเมืองคนใด หรือพรรคการเมืองใดมาล็อบบี้ตนให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ หรือให้ประชาชนช่วยผ่านการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า ไม่มี
‘วันชัย’โต้เรื่องจริง-จ่อโชว์ข้อมูล
ทางด้าน นายวันชัย สอนศิริ สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมชี้แจงว่า ตนเป็นผู้ให้ข่าวเรื่องมีนักการเมืองไปล็อบบี้ สปช.จังหวัด ให้ช่วยผ่านร่างรัฐธรรมนูญจริง แต่ไม่ได้พูดส่งเดช ยืนยันว่า มีสมาชิก สปช.4คน มาให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าว แต่ทั้ง 4คน ไม่ขอให้เปิดเผยชื่อ เรื่องนี้ไม่ใช่การพูดส่งๆ มีข้อมูลจริง ซึ่งในการประชุมสปช.สัปดาห์หน้า ในวาระหารือตนจะเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ให้ทราบอีกครั้ง จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการประชุมฯ สปช.ตามปกติ
สิระปูดคว่ำแลกนั่งสภาขับเคลื่อนฯ
ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ สปช.ด้านสังคม กล่าวถึงกระแสข่าวปลุกระดมให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า เมื่อวันที่ 3สิงหาคมที่ผ่านมา มีสมาชิก สปช.รายหนึ่งที่เป็นพลเรือนกึ่งนักการเมือง เข้ามาขอร้องให้ตนลงชื่อสนับสนุนลงมติคว่ำรัฐธรรมนูญ แลกกับเข้าไปนั่งในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศจำนวน 200คน ขณะนี้ทราบว่ามี สมาชิก 100กว่าคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนไปแล้ว แต่ตนได้ปฏิเสธข้อเสนอไปแล้ว เพราะต้องการเห็นร่างรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนก่อนว่า ดีหรือไม่ดี ก่อนจะตัดสินใจลงมติ เพราะเรื่องดังกล่าวถือมีความสำคัญมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว
อำนาจเก่าเตือนปาหี่นองเลือดแน่
‘ไม่ทราบว่าขนม 200ชิ้น ทำไมถึงหอมหวลนักหนา เพราะก่อนหน้านี้ก็มาต่อรองให้หนุนตั้งกาสิโนเพื่อนำเงินมาตั้งพรรคการเมือง 1หมื่นล้านบาท วันนี้มีข่าวนำมาต่อรองให้โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญอีก ไม่ทราบว่าตอนนี้มีคนหลงเชื่อและลงชื่อเกิน 200คนแล้วหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง คนที่เกินจำนวน คสช.จะนำไปอยู่ตำแหน่งไหน หากคิดจะสืบทอดอำนาจไม่ควรใช้วิธีคว่ำรัฐธรรมนูญ แต่อาจใช้วิธีอื่นที่สังคมยอมรับ เช่น การทำประชามติให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งไปพร้อมการโหวตรัฐธรรมนูญยังดูดีกว่า เมื่อวานผมได้รับโทรศัพท์จากอดีตรัฐมนตรีรัฐบาลชุดที่แล้วเตือนว่า หากเล่นปาหี่หวังสืบทอดอำนาจเชื่อว่จะต้องนองเลือดแน่นอน”นายสิระ ระบุ
แฉวิ่งเต้นรองนายกฯรอรับใบสั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในการประชุมนอกรอบของ สปช.วันที่ 24มิถุนายน2558 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ หัวข้อ’สานใจปฏิรูป สปช.’โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯเป็ปนระธาน ได้เปิดใจโดยหวังว่า สปช.จะเห็นกับร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าขนม 200ชิ้น ซึ่งหมายถึงการเข้าไปดำรงตำแหน่งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวปรากฏว่า มีความเคลื่อนไหวของ สปช.จังหวัดและสปช.กลุ่มหนึ่ง ได้วิ่งประสานงานผ่านนายทหารที่มีความใกล้ชิดรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกสภาขับเคลื่อนฯ ซึ่ง สปช.ที่คาดหวังจะกลับเข้ามาอีก หากรัฐบาลและคสช.ต้องการให้คว่ำ หรือรับร่างก็พร้อมจะปฏิบัติตาม
ประสารชี้อย่า’มือเขียน-เท้าลบ’
นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิก สปช.กล่าวถึงกระแสข่าวเสนอคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและการล็อบบี้ให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่เห็นด้วยกับการคว่ำร่าง เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้มีความผิด อีกทั้ง กมธ.ยกร่างฯส่วนใหญ่ก็มาจาก สปช.รวมถึงขั้นตอนต่างๆ สปช.ก็มีส่วนร่วมมาโดยตลอด จึงไม่อยากให้เข้าทำนอง’เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า’
‘บิ๊กตู่’ยอมรับปฎิรูปไม่มีวันจบสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ว่า ต้องไปดูความหมายคำว่าปฏิรูป ซึ่งหมายถึงการปรับปรุงแก้ไขให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ซึ่งเราต้องปฏิรูปหมดทุกเรื่อง เพราะบ้านเมืองมีปัญหาบริหารราชการแผ่นดินช่วงที่ผ่านมา ไม่อยากบอกว่าใครผิดใครถูก แต่รัฐบาลนี้เอามาดูแล้วต้องปฏิรูปทั้งหมด ตอนนี้อยู่ในระยะแรกคือ ปฏิรูปในห้วงเวลาปัจจุบัน ตั้งแต่ 22พฤษภาคม2557 จนถึงวันนี้ โดยเวลาที่มีอยู่จะทำได้ในสิ่งที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่และเพิ่มประสิทธิภาพของทุกกระทรวงเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ฉะนั้น การปฏิรูปต้องทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆและพัฒนาไปในทางที่ดี โดยไม่มีวันจบสิ้น
เร่งทำส่วนแรก-ไม่สืบทอดอำนาจ
นายกฯกล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงต้องกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ โดยแผนการปฏิรูปที่ สปช.กำลังร่างออกมานั้น คือ การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ในเรื่องใหญ่ๆ แต่ตนเอาส่วนหนึ่งมาทำก่อน ส่วนโครงสร้างใหญ่ที่เหลือจะส่งต่อให้รัฐบาลหน้าและมีกลไกให้รัฐบาลหน้าเดินตามนั้น โดยไม่ทาบทับซ้อนอำนาจบริหาร หรือสืบทอดอำนาจ จึงต้องการให้ทุกคนช่วยกันทำความเข้าใจสิ่งดีๆของประเทศ โดยใช้เหตุและผล ดูผลงานของรัฐบาล ไม่ใช่ตำหนิเพียงอย่างเดียว
“รัฐบาลทำดีแทบตายก็ไม่เห็นผลงาน เหมือนมีธงในใจ ผมไม่อยากจะสู้ ไม่อยากตอบโต้แล้วเบื่อ แต่บางครั้งก็ต้องชี้แจงบ้าง” ส่วนกรณีที่ นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส.เตือนรัฐบาลเรื่องการทำงาน ไม่ให้มองว่าสืบทอดอำนาจ นายกฯย้ำว่า ไม่ต้องการตอบโต้ ไม่ต้องการพูดถึง นายถาวร ก็เป็นคนที่รู้จักกัน อยากพูดอะไรก็พูดไป”
ถ้าร่างไม่ผ่าน-ตั้งกมธ.ชุดใหม่
นายกฯกล่าวอีกว่า อย่านำตนไปผูกโยงกับเรื่องรัฐธรรมนูญ ควรให้คนที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงดำเนินการจะดีกว่า เพราะการที่ตนตั้งขึ้นมาก็เพื่อให้รับฟังความคิดเห็นของคนและหาข้อสรุปออกมา ถ้าผ่านความเห็นชอบก็ไปทำประชามติแล้วไปเลือกตั้ง ตนไม่มีหน้าที่ที่จะไปสั่งให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เมื่อถามว่า นายกฯทำใจแล้วหรือยังว่า หากร่างฯ ไม่ผ่านต้องอยู่ทำงานต่ออีก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ารัฐธรรมนูญเขาเขียนไว้อย่างไร ถ้าไม่ผ่านก็ต้องตั้ง กมธ.ยกร่างฯขึ้นใหม่และถ้าต้องอยู่ต่อก็เป็นเพราะด้วยความจำเป็น ไม่เช่นนั้นใครจะเข้ามาเป็น สื่อจะมาเป็นแทนหรือไม่ล่ะ
“คนที่ไม่ชอบก็ต่อต้าน ผมก็ไม่อยากตอบโต้ เสียกิริยา จริงๆแล้วผมเป็นคนสุภาพเรียบร้อย อยากให้คนที่พอใจการทำงานของรัฐบาล มาช่วยทำความเข้าใจกับคนที่ต่อต้านแทนผมจะดีกว่า ท่านส่งใจบอกว่า เป็นกำลังใจให้นายกฯ ให้กำลังใจอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเอาตัวมาช่วยด้วย”
ขอบคุณ’เทือก’ออกมาให้กำลังใจ
เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูประเทศไทย ระบุว่า จะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล นายกฯตอบว่า สิ่งที่ นายสุเทพ เคลื่อนไหว ไม่ได้ช่วยตนหรือรัฐบาล จะต้องช่วยบ้านเมือง
“รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลตั้งขึ้นมาในสถานการณ์พิเศษก็ต้องบริหารงานและปฏิรูปในระยะที่1 เตรียมส่งต่อระยะที่2และเตรียมเลือกตั้งให้เรียบร้อย ให้เป็นไปตามกติกา ฉะนั้น ใครจะออกมาทำอะไรก็ขอให้อยู่ภายใต้กติกาของกฎหมายที่ระบุชัดเจนว่า วันนี้ทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง ดังนั้นการที่ นายสุเทพ ออกมาแสดงความเห็น ผมต้องขอบคุณ ในฐานะคนรู้จักกัน แต่อยากให้ นายสุเทพและทุกฝ่าย ยุติความขัดแย้ง ร่วมกันทำบ้านเมืองให้สงบจะดีกว่า’ นายกฯกล่าวและว่า
ยอมรับคนถูกยึดอำนาจไม่พอใจ
“ผมให้โอกาสทุกคนไม่ได้รังเกียจใคร ฝ่ายการเมืองผมก็จำเป็น เพราะผมเข้ามาอย่างนี้ ถ้าผมจะเอาฝ่ายการเมืองเก่าๆ มาทำงานกับผมมันก็คงไปกันไม่ได้ หลายคนเลยยังไม่เข้าใจผม ออกมาว่าผมทุกวัน เพราะเขามีอำนาจอยู่แล้ว ผมไปเอาอำนาจเขามา แต่ยืนยันว่าผมเอามาทำในสิ่งที่ดีกว่าในระยะยาว แต่ระยะสั้นอาจยังไม่เห็นการปรับปรุงโครงสร้างต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2ปี ซึ่งถึงเวลานั้นผมคงไม่อยู่แล้วก็ต้องให้รัฐบาลใหม่มาทำ ถ้าเขาไม่ทำก็ล้มเหลวอีก แล้วก็มาด่าผมว่า ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งๆที่ผมเริ่มให้แล้ว ทุกอย่างก็จะไปอยู่ในรัฐธรรมนูญว่า จะทำอะไรกันต่อไป”
จี้ทบทวนงบสสส.-ไทยPBS
อีกเรื่องหนึ่ง น.ส.รสนา โตสิตระกูล สปช. ด้านพลังงาน นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช. ด้านการเมือง นายวิทยา กุลสมบูรณ์ สปช.ด้านสังคมและนายวินัย ดะห์ลัน สปช.ด้านสังคม ร่วมกันแถลงข่าวขอให้ทบทวนข้อเสนอของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตรา190และมาตรา204 วรรค2 เกี่ยวกับการใช้งบประมาณให้เป็นตามวินัยการเงินการคลังที่เสนอไม่ให้นำภาษีบาปมาอุดหนุนกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) โดยให้ทั้ง 2องค์กรของบประมาณจากรัฐสภาแทน
ชี้ได้ผลลดบริโภค’เหล้า-บุหรี่’
โดย น.ส.รสนา กล่าวว่า จุดประสงค์ภาษีบาปที่ใช้อุดหนุนกองทุนทั้ง2 เพื่อต่อกรกับบรรษัทต่างชาติที่ทำอบายมุข ทั้งบุหรี่และเหล้า ซึ่งมีอิทธิพลกับนักการเมือง การให้ทั้ง 2องค์กร และกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติที่ สนช.เพิ่งผ่านเป็นกฎหมาย ของบจากรัฐสภาอาจถูกนักการเมืองปรับลด หรือตัดงบได้ จึงขอให้ กมธ.ยกร่างฯทบทวนเพื่อประโยชน์สาธารณะด้วย
ด้าน นายประสาร กล่าวว่า งบประมาณที่ สสส.ใช้ 2พันล้านบาท มีส่วนทำให้การบริโภคบุหรี่ลดลง 1.3หมื่นล้านบาทและเหล้าลดลง 1.7หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ทั้ง สสส.และไทยพีบีเอส
ก็ได้รับการตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างละเอียดอยู่แล้วจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)
และต้องรายงานให้ ครม.และรัฐสภา รับทราบอยู่แล้ว
กมธ.ยอมใช้ภาษีบาปตามเดิม
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯกล่าวถึงการเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ ให้ไทยพีบีเอส สสส.และกองทุนกีฬา สามารถใช้ภาษีบาปได้โดยตรงอีกแค่ 4ปี ว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 สิงหาคม มีโอกาสสนทนาอย่างไม่เป็นทางการกับ กมธ.ยกร่างฯบางคนและเห็นร่วมกันว่า จะเสนอทบทวนบทบัญญัติเกี่ยวกับ 3องค์กรดังกล่าว โดยน่าจะทบทวน 2ระดับ คือ ระดับแรกต้องทบทวนแน่ๆ คือบทเฉพาะกาล จากเดิมที่มีระยะหน่วง 4ปี เป็นการยกเว้นถาวรให้ 3องค์กรที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญบังคับใช้และการใช้งบประมาณไม่ต้องผ่าน พรบ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีเช่นเดิม ซึ่งแนวทางนี้อาจจะมากกว่า 3องค์กร หากก่อนรัฐธรรมนูญบังคับใช้ มีกฎหมายใหม่ออกมาอีกทราบจากสมาชิก สนช.ว่า มีร่างกฎหมายทำนองนี้อยู่อีก 2-3ฉบับ
แต่กำชับต้องมีวินัยการคลัง
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ระดับต่อมาคือ อาจทบทวนบทบัญญัติปกติในหมวดการคลังการงบประมาณด้วย โดยอาจปรับข้อความให้คลายตัวลง ไม่ห้าม(ออกกฎหมายตั้งหน่วยงานเก็บภาษีต้นทางมาเป็นทุนดำเนินงาน หรือEarmarked Tax) เด็ดขาด แต่ให้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง
ถ้าบทบัญญัติที่เพิ่มขึ้นใหม่ทำให้รัฐได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจริง เราจะยืนคงไว้ แต่ถ้ารัฐไม่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นแล้วบริษัทเหล้าบุหรี่ยังได้ประโยชน์โดยเสียเงินน้อยลง ขณะที่องค์กรที่มีเป้าหมายทำสาธารณะประโยชน์ต้องได้รับผลกระทบ เราจำเป็นต้องทบทวน
ศาลยกฟ้อง’เทพไท’หมิ่น’แม้ว’
วันเดียวกัน ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายนพดล มีวรรณะ ทนายความ ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ฐานหมิ่นประมาท กรณี นายเทพไท แถลงข่าวเรียกร้องให้ ครม.ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก โดยกล่าวอ้างทำนองว่า บริหารประเทศแบบซีอีโอ ที่มีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ช่วยและกล่าวเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนผีปอบที่ออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ เหตุเกิดวันที่ 17-19พฤษภาคม2549 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายเทพไท ได้แถลงข่าวจริง แต่ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศยุบสภาเมื่อต้นปี2549และมีการจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2เมษายน2549 แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ว่า การเลือกตั้งดังกล่าวไม่ชอบ นายเทพไท จึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี