27 ส.ค.58 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตแกนนำนักศึกษายุค 14 ตุลา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นการแก้ปัญหาอย่างถูกต้องหรือไม่ ว่า การแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ เป็นแนวคิดตั้งแต่ปี 2540 และในปี 2550 ก็ใช้วิธีการเดิม จึงทำให้ตั้งคำถามได้ว่า วิธีนี้จะได้ผลหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่า เราผ่านการทดลองแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ปัญหาท้องถิ่นเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องคิดเรื่องนี้ให้มากๆ
สำหรับความเห็นในการเสนอมาตรการเพื่อให้อำนาจกระจายไปสู่ท้องถิ่นนั้น ตนยังไม่ได้คิดในเรื่องนี้ การใช้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือที่จำเป็น ปัญหาจริงๆ หนักกว่าการใช้เวลาไปคิดหาตัวกฏหมายที่ช่วย แต่ถ้าคิดดีๆ ก็มีหลายส่วนที่ช่วย หลักการและการมองปัญหาต้องแม่น ตนกังวล ในส่วนของบทเฉพาะการ ที่จะสะท้อนไปถึงการสืบทอดอำนาจ ว่าจะเป็นเผด็จการหรือไม่ ทั้งนี้ ตนให้ความชอบธรรมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เฉพาะการเข้ามาคลี่คลายความขัดแย้งภายใน ในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งต้องใช้มาตรการและอำนาจพิเศษขึ้นมา
นายธีรยุทธ กล่าวว่า ถ้าพูดตรงๆ ตอนนี้ผมยังไม่เห็นการปฏิรูปประเทศ ตอนนี้เราแบ่งปัญหาได้เป็นหลายระดับ ง่ายที่สุดคือ ปัญหาความบกพร่องของพฤติกรรมทั้งหลาย ปัญหานี้แก้ง่ายที่สุด เช่น ปัญหาเรื่องหาบเร่แผงลอย วินมอเตอร์ไซต์ ปัญหาเหล่านี้ เป็นส่วนที่งอกมาจากสิ่งที่ไม่ควรจะเป็น ทั้งนี้ ถ้าปัญหาไปถึงขั้นที่บ้านเริ่มเก่า บางส่วนเริ่มทำงานไม่ได้ หลังคาที่รั่ว ฝนตกน้ำก็เข้า เราจำเป็นต้องพยายามเพิ่มขึ้น ก็เหมือนกับพยายามแก้ปัญหาที่มากขึ้น ในตอนนี้การคอร์รัปชั่นมันเป็นมากกว่าค่านิยม มันเป็นความวิบัติของนักวิชาการ นักการเมือง สู่มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา วัด ไปถึงกันหมด มันเป็นการประพฤติไม่ชอบโดยร่วมกันของภาคต่างๆ โครงสร้างตรงนี้มันเสียไปแล้ว การแก้ที่โครงสร้างอย่างที่ทำอยู่นี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เหมือนเป็นการอยู่ที่ยาวขึ้น
"ผมอยากถามว่า ตอนนี้เราได้ทำอะไรที่มันเป็นการปฏิรูปประเทศแล้วหรือยัง ผมตอบเลยว่ายัง ผมยังไม่เห็นจาก คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เองก็พูดว่า ไม่ต้องไปพูดเรื่องโครงสร้าง เพราะฉะนั้นทหารเองไม่ได้คิดเรื่องนี้ เมืองไทยมันยาก อย่างเช่นถ้าคุณเป็นข้าราชการ ถ้าคุณแตะกลุ่มผลประโยชน์ แตะกลุ่มรากเหง้าดั้งเดิมของพวกข้าราชการ ถือว่าทำได้ยากมาก แต่ถ้าแก้เป็นจุดๆ เป็นเรื่องๆ โดยเฉพาะจุดที่มาค้ำประกันอำนาจที่จะมาดุลกัน มาต่อรองกันให้ดี มันน่าจะเป็นไปได้ และผมรู้สึกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วหลังจากนี้มีเวลาอีก 2 - 3 ปี ผมคิดว่าพอแล้วที่จะใช้อำนาจพิเศษในการคลี่คลายปัญหา จากนั้นก็ให้ระบบรัฐสภา ระบบพรรคการเมือง ดูแลต่อ" นายธีรยุทธ กล่าวและว่า สำหรับกรอบเวลา 5 ปี ตนก็เป็นห่วงว่าจะเป็นปัญหามากกว่าเป็นการแก้ปัญหา
นายธีรยุทธ กล่าวต่อว่า การคิดจะแก้ปัญหาแต่ไม่ไปแตะที่หัวใจของปัญหาจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์ เท่าที่ตนวิเคราะห์ สังคมไทยรู้สึกเบื่อและอึดอัดกับการเดินชุมนุมที่ผ่านมาค่อนข้างสูงมาก สิ่งนี้จึงทำให้เป็นที่มาของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมกับบุคลิกส่วนตัวบางอย่าง เช่น เป็นคนพูดตรงไปตรงมา โผงผาง พูดชัดแล้ว ทำให้คนคิดว่าท่านไม่ต้องการผลประโยชน์ ไม่มีปัญหาเรื่องคอรัปชั่น เป็นเหตุให้คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านดี แต่ตนคิดว่าคะแนนนิยมยังไม่ได้มาจากผลงานเชิงบริหาร ยังไม่ชัดเจน สิ่งที่ทำอยู่เป็นเพียงวิธีบริหารธรรมดา ฝ่ายพลเรือนและนักการเมืองก็ทำได้ รากเหง้าปัญหาอยู่ที่การปฏิรูป ดังนั้น ถ้ามีข้อผิดพลาดขึ้น คนก็จะทวงกันว่ารากเหง้าปัญหาในการปฏิรูป มันมีอะไรบ้าง ถ้าไม่มีการกระทำเกิดขึ้น ผ่านไปสัก 1 - 3 ปี มีเหตุผลหรือไม่ที่ท่านจะยังคงอยู่ในอำนาจ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คิดว่าตอนนี้ความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังตีกลับจากเดิมที่ได้รับความนิยมสูง นายธีรยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ อย่าไปประเมินว่ามีเสถียรภาพแล้วความนิยมจะเป็นแบบนี้ เพราะสักวันหนึ่งอาจจะพลิกกลับ พอพลิกกลับแล้วการตั้งคำถามจะชัดเจนมาก เช่น ปฏิรูปแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นถ้าไม่ระวังแล้วมีอะไรบางอย่างส่อไปสู่จุดที่ว่าการพยายามจะอยู่ในอำนาจ มันอันตราย จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น และใหญ่กว่าที่ผ่านมา
"วิธีแก้ปัญหาผ่านรัฐธรรมนูญ โดยผ่านจากประสบการณ์ที่ฝรั่งเศษ หรือในประเทศตะวันตกบางประเทศ กลไกการบังคับใช้กฏหมาย กลไกการบังคับใช้มาตรการต่างๆ มันทำงานได้ดีพอสมควร บ้านเรากลไกต่างๆ มันไม่ทำงานเลย พอเราเอามาใช้มันจะมีวิธีที่จะพลิกแพลง วิธีที่จะทำเลวต่อไปมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นเหตุให้ผมคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญที่อาจจะแก้ได้มันกลับแก้ไม่ได้" นายธีรยุทธ กล่าว
ทั้งนี้ นายธีรยุทธ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า รู้สึกเป็นห่วงรัฐธรรมนูญใน มาตรา 260 ที่ให้อำนาจคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ หรือ คปป.ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดวิกฤตมากกว่า และเป็นการแก้ปัญหาปลายทาง สะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีผลงานบริหารที่ไม่ชัดเจน และผลงานในการปฏิรูปประเทศก็ยังไม่มี รวมถึงให้ความชอบธรรมกับ คสช.เฉพาะแค่การเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์เท่านั้น ทั้งนี้ มองว่าหากแก้รัฐธรรมนูญเท่าไหร่ แต่ทุกฝ่ายไม่เคารพ ทุกอย่างย้อนกลับไปเหมือนอดีต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี