‘กรุงไทย’หาช่องถวายฎีกา
หาม‘วิโรจน์’ส่งหมอกลางดึก
ทำใจไม่ได้นอนคุก-โรคกำเริบ
AQจ่อขายที่ดินประกันล้างหนี้
หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปล่อยกู้ให้บริษัทกลุ่มกฤษดามหานครโดยมิชอบ พร้อมให้จำคุคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย และให้จำเลยทั้งหมดร่วมชดใช้เงินคืนแก่ธนาคารกรุงไทย รวม 10,004,467,480 บาท ซึ่งได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าเรือนจำตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมาแต่เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ทำให้หลายคนมีอาการป่วยกำเริบเนื่องจากความเครียดระหว่างถูกคุมขัง
“วิโรจน์”หัวใจกำเริบส่งรพ.
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า หลังรับตัวผู้ต้องขังทั้งหมดมาทำประวัติและตรวจสุขภาพพบว่า ทั้ง 16 คน ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวและบางรายที่มีอาการป่วยกำเริบ เช่น นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งถูกพิพากษาจำคุก 18 ปี เกิดโรคหัวใจกำเริบต้องส่งตัวไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายบุญเลิศ ศรีเจริญ เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน และตับ นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา เป็นโรคตับ และร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ เป็นโรคความดัน ทั้งหมดถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยมีเพียง 2 คน ที่ผลตรวจสุขภาพไม่พบโรคประจำตัวคือ นายรัชฏา กฤษดาธานนท์ และ นายไมตรี เหลืองนิมิตมาศ
ส่งนักจิตวิทยาดูแลสภาพจิตใจ
ส่วนบรรยากาศทั่วไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่า ทุกคนสามารถรับประทานอาหารของเรือนจำได้ปกติและมีญาติมาเข้าเยี่ยมแล้ว แต่บางรายงมีอาการวิตกกังวล ซึ่งจะให้นักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยเพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาแยกผู้ต้องขัง 4 รายที่มีโทษสูง 18 ปี ซึ่งเกินอำนาจคุมขังของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปคุมขังเรือนจำอื่น โดยจะให้เวลาปรับตัวสักระยะก่อน
“กรุงไทย”ระส่ำหลังศาลตัดสิน
ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวในส่วนของพนักงานธนาคารกรุงไทย โดย นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า หลังจากนี้องค์กรคงระส่ำ พนักงานไม่คาดคิดว่าผลตัดสินของศาลฯ จะออกมาเป็นแบบนี้ จึงเป็นห่วงเรื่องขวัญกำลังใจของพนักงาน เพราะธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารพาณิชย์ เรื่องการปล่อยสินเชื่อถือเป็นธุรกรรมปกติ จากการตรวจสอบแฟ้มการปล่อยสินเชื่อก็เป็นไปตามขั้นตอนปกติ
หาช่องถวายฎีกาให้อดีตผู้บริหาร
ทั้งนี้ หลังศาลมีคำตัดสินแล้ว ตัวแทนพนักงานมาเข้าพบ เพื่อขอหารือกรณีพนักงานของธนาคารจะรวมตัวยื่นถวายฎีกาขออภัยโทษให้อดีตผู้บริหารทั้ง 10 คน และยังเป็นพนักงานอีก 2 คน จึงสั่งการให้ไปคัดรายละเอียดคำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาฯมาดูรายละเอียด ประกอบการยื่นถวายฎีกาต่อไป
AQแบะท่าขายที่ประกันล้างหนี้
วันเดียวกัน นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอคิว เอสเตท หรือชื่อเดิม บมจ.กฤษดามหานคร (KMC) กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯมีคำสั่งคดีดังกล่าว ทั้งจำคุกผู้ต้องหา 27 ราย รวมทั้งสั่งชดใช้และจ่ายค่าเสียหายให้ธนาคารกรุงไทยว่า ในส่วนบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ในฐานะจำเลยที่ 18 ถูกพิพากษาลงโทษให้ปรับเป็นเงิน 26,000 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายต่อศาลเรียบร้อยแล้ว และศาลยังตัดสินให้บริษัทร่วมกันคืนเงิน 10,004,467,480 บาท แก่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งคดีนี้ผู้กู้คือ บริษัท โกลเด้นฯ มีที่ดินจดจำนองที่เป็นหลักประกัน 4,323 ไร่ 1 งาน 55.90 ตารางวา มูลค่าตลาดเท่ากับ 12,321,000,000 บาท โดยบริษัทฯว่าจ้างบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดประเมินราคาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งมูลค่าหลักทรัพย์ดังกล่าวเพียงพอชำระหนี้ได้ ถ้าธนาคารผู้เสียหายสามารถขายหลักทรัพย์ประกันดังกล่าวได้ บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดคืนเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการคืนเงินไม่น่ามีผลกระทบกับบริษัท อย่างไรก็ตาม มูลค่าดังกล่าวเป็นราคาประเมินเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งราคาปัจจุบันน่าจะสูงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะประสานกับบริษัท โกลเด้นฯให้ประเมินที่ดินดังกล่าวใหม่ เพื่อให้ทราบมูลค่าปัจจุบัน หากต่ำกว่าจำนวนเงินที่ต้องรับผิดตามคำสั่งศาล บริษัทจะทำการตั้งสำรองเผื่อการสูญเสียต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี